เงิบ แล้วเงิบอีก เงิมเพราะความรวดเร็วของสังคมออนไลน์

กระทู้สนทนา


สมิงสามผลัด

เอะอะอะไรก็โยนบาปให้รัฐบาล คือสภาพในโลกออนไลน์

ยังไม่รู้ที่มาที่ไป ยังไม่ได้ฟังเหตุฟังผล

ก็สรุปกันแล้วว่ารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผิดไว้ก่อน

แล้วก็แชร์กันสนั่นใน โซเชี่ยลมีเดีย

ตัวอย่างมีให้เห็นหลายครั้ง

พิธีกรรายการทีวีโพสต์เรื่องข้าวพิษแล้วพยายามโยงถึงนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล

สุดท้ายก็ต้องออกมาขอโทษขอโพยบริษัทข้าวถุงที่พาดพิง

เพราะมีการพิสูจน์ออกมาแล้วว่าไม่เป็นความจริง

หรือเรื่องภาษีคนโสดที่ออกมาโพสต์ด่ารัฐบาลกันกระหึ่มเมือง

สุดท้ายก็เป็นแค่ความเห็นของนักวิชาการมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนโยบายของรัฐบาลเลย

หรือเรื่องห้ามรถอายุ 7 ปีวิ่งในกรุงเทพฯ ก็เช่นกัน

รัฐบาลไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย

เป็นเพียงงานวิจัยของตำรวจที่เอามาเสนอในการเสวนาแก้ปัญหาจราจร

แต่รัฐบาลก็ตกเป็นจำเลยอีก

สด ๆ ร้อน ๆ ก็มีการปล่อยข่าวในออนไลน์ว่ารัฐบาลจะถอดวิชานาฏศิลป์ออกจากระบบการศึกษา

ทั้งเว็บไซต์ต่อต้านรัฐบาล ทั้งแกนนำม็อบ รับลูกกันเป็นทอดๆ

โจมตีกล่าวหาว่าเป็นรัฐบาลวัวลืมตีนบ้าง

ลืมรากเหง้าความเป็นไทยบ้าง

ทำลายวัฒนธรรมอันเก่าแก่บ้าง

แล้วก็ปั่นกระแสจนเกิดเข้าใจผิดกันไปทั่ว

ดารานักแสดงออกมาคัดค้านกันเป็นทิวแถว โดยไม่ถามไม่ไถ่ ไม่สืบสาวถึงต้นตอความเป็นจริง

นาย จาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ ต้องออกมาปฏิเสธในทันทีว่าไม่มีมูลแม้แต่น้อย กระทรวงศึกษาธิการไม่มีนโยบายตัดวิชานาฏศิล
ออกจากหลักสูตรแน่นอน

ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ผู้ช่วยรมต.ศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก็ยืนยันอีกคนว่าไม่จริง

นอกจากไม่ตัดวิชานาฏศิลป์แล้ว ยังจะเพิ่มวิชาเกี่ยวกับศิลปกรรมเข้าไปอีก

สุดท้ายกลุ่มจ้องด่ารัฐบาลก็เงิบไปตามๆ กัน

เข้าตำราฟังไม่ได้ศัพท์ จับมากระเดียด

================================

สังคมออนไลน์ ที่ไวเหมือนไฟลามทุ่ง โดยไม่วิเคราะห์ หาเหตุผล
ก็พากันเงิบกันมามากมาย หลายครั้ง หลายครา หลายหน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่