นางฟ้าราคี ตอนที่ 5 (คืนบาป)



ตอนที่ 5  คืนบาป

    ในเมื่อคืนนี้มีแต่เรื่องซวยซ้ำซวยซ้อน อีกทั้งถ้าไปแจ้งความในเวลานี้คงไม่มีตำรวจคนใดรับแจ้งคนหายไปไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบที่นายหน้านิ่งว่า จะงมเข็มในมหาสมุทรตามเพื่อนรักอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ทั้งคืนเธอคงหาแก้วกรรณิกาไม่เจอ ยาหยีจึงยอมกลับไปที่คอนโดกว่าจะถึงคอนโดเวลาก็ล่วงไปถึงตีสองกว่าๆ แต่ยาหยีไม่รู้หรอกว่ามีคนแอบขับรถตามมาอารักขาเธอไปจนถึงคอนโด แต่การสะกดรอยตามของเขาทำได้อย่างแบบแนบเนียนจนยาหยีไม่รู้ตัว  ปันบุรีโทรศัพท์ไปหาเพื่อนรักและต้องบ่นออกมาเมื่อปลายสายติดต่อไม่ได้                                 
“พาเพื่อนเขาไปถึงไหนก็ไม่รู้  ไอ้ว่านนะไอ้ว่านโทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ให้มันได้อย่างนี้ซินะฝากปลาย่างไว้กับแมวหรือเปล่าเนี่ยเรา”            

เช้าวันจันทร์อันสับสนวุ่นวายนอกจากยาหยีจะตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าอิดโรยเพราะนอนดึกแล้ว ไหนจะเรื่องเพื่อนรักที่หายตัวไปจนทำให้เธอคิดจะโทรไปลางาน แต่เมื่อโทรไปลางานก็ต้องพบว่าตนเองกำลังงานเข้า    
    
“อะไรนะคะ พี่วิมลพี่พูดเล่นหรือคะ อย่ามาอำยาหยีแบบนี้เลยค่ะ วันนี้ยาหยีติดธุระจริง ๆ” หญิงสาวตาสว่างเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้ยินคำบอกกล่าวจากปลายสาย
                            
“บางทีหนูยาหยีอาจจะไม่ต้องลางานแล้วก็ได้นะคะวันนี้ เพราะว่า…เอ่อ…เอาเป็นว่าเช้านี้หนูรีบแวะเข้ามาหาพี่ที่หวอตก่อนละกัน”    
    
“ได้ค่ะ ยาหยีจะแวะไปที่โรงพยาบาลก่อน”             

หญิงสาวรีบอาบน้ำรู้สึกเครียดขึ้นทันที เมื่อวิมลหัวหน้าของเธอพูดจากำกวมผิดปกติผ่านเกือบสองชั่วโมงยาหยีก็มานั่งอยู่ตรงหน้าพยาบาลสาวใหญ่ ซึ่งวันนี้วิมลมีสีหน้าเคร่งเครียดไม่เหมือนปกติ
                    
“อะไรนะคะยาหยีไม่ได้หูฟาดใช่ไหมคะพี่วิมล” หญิงสาวหน้าซีดเผือด
    
“เอ่อ…ยาหยีพี่เสียใจจริงๆนะที่ต้องบอกยาหยีด้วยตัวเอง ยาหยีเห็นข่าวนี้หรือยัง”                                 
หนังสือพิมพ์ที่ขายดีที่สุดถูกส่งมาวางตรงหน้าให้ยาหยีดู เธอยอมรับว่าสองสามวันนี้มีเรื่องยุ่ง ๆ อีกทั้งยังอยู่ในช่วงย้ายที่อยู่ใหม่จะเอาเวลาไหนไปอ่านหนังสือพิมพ์
                            
“นี่มันรูป ชลสิทธิ์!  เขาถูกจับเหรอคะ”    
            
“เธอไม่รู้จริง ๆ เหรอยาหยีว่า นายชลสิทธิ์ถูกจับพร้อมกับยาไอซ์หลายกิโล นอกจากนั้นยังพบยาบ้าอีกหลายร้อยเม็ด” พยาบาลสาวใหญ่และยังเป็นหัวหน้าสายตรงของยาหยีถามขึ้น    
                    
“เราเลิกกันไปหลายเดือนแล้วค่ะ ตามที่เคยเล่าให้พี่วิมลฟัง ที่สำคัญยาหยีเองก็เปลี่ยนที่อยู่ใหม่และก็ไม่ได้รับสายเขาเลย เพิ่งจะทราบข่าวของเขาก็เวลานี้เอง”     
                        
หญิงสาวถอนหายใจยาวๆ แม้ความรักของเธอกับชลสิทธิ์ยาหยีจะตัดบัวไม่เหลือไยไปแล้วก็ตามแต่ที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่า ชลสิทธิ์เลือกทางผิดแต่ก็ไม่เคยมาชักชวนเธอให้เสียหาย เขาปกป้องและดูแลเธอไม่เคยล่วงเกินด้วยซ้ำไป ซึ่งหากยาหยีบอกใครคงจะไม่มีใครเชื่อเธอ                
“เลิกกันแล้วแต่เขาก็ยังทำให้เธอได้รับผลกระทบไปด้วยรู้ตัวบ้างไหม” สาวใหญ่มองลอดแว่นอย่างชั่งใจก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง         
“แต่รู้ไหมมีคนนำเรื่องที่อดีตแฟนของหนูเป็นนักค้ายาไปบอกผู้บริหารโรงพยาบาล เอ่อ....” หัวหน้าพยาบาลสาวใหญ่เริ่มอึกอัก    
            
ยาหยีรู้ตัวดีว่า ตั้งแต่เรียนจบและมาทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้คนชอบเธอก็มีมาก แต่คนที่ไม่ถูกชะตากันก็ต้องมีเป็นธรรมดา แต่ไม่คิดว่าจะมีคนเอาเรื่องส่วนตัวเธอไปยุแยงกับผู้บริหารระดับสูง ถึงกับมีคำสั่งพักงานเธออย่างไม่มีกำหนดด้วยข้ออ้างที่ว่าอาจทำให้โรงพยาบาลได้รับความเสื่อมเสีย    
    
“นี่มันเป็นการหาข้ออ้างไล่ออกที่แย่ที่สุดตั้งแต่ยาหยีเคยได้ยินมาเลยนะคะพี่”                            
    
“นั่นน่ะสิ แต่ยาหยีก็ต้องเข้าใจนะโรงพยาบาลเรามันเป็นโรงพยาบาลเอกชนทุกอย่างก็ต้องทำตามนโยบายของผู้บริหารอีกอย่างคุณหญิงท่านก็ไม่ค่อยจะพอใจยาหยี เพราะว่าหนูสวยจนลูกชายท่านแอบมาแจกขนมจีบ จำได้ใช่ไหม”  ยาหยีจำได้ดี ซึ่งครั้งนั้นเธอก็เกือบถูกบีบให้ลาออกเพราะความสวยเป็นเหตุ ใครจะอยากได้ลูกสะใภ้สวยแต่ไม่รวยกันล่ะ
                    
“เข้าใจค่ะ ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้แล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ยาหยีจะทำงานที่นี่อีกต่อไป  ในเมื่อเจ้าของโรงพยาบาลเขาไม่ต้องการยาหยี”    

“โธ่! ยาหยีเอาไว้พี่จะลองคุยกับคุณหญิงท่านให้นะ รอให้ท่านอารมณ์ดีหน่อย ช่วงนี้ยาหยีพักผ่อนไปก่อนก็แล้วกัน”                

“อย่าดีกว่าค่ะพี่ เสียเวลาเปล่า ไม่ออกวันนี้ วันหน้าก็ถูกหาเรื่องให้ออกอยู่ดี มันหลายครั้งแล้วนะค่ะที่ท่านพยายามมีคำสั่งพักงานหนู”    
    
“อย่าเพิ่งน้อยใจสิ งานเดี๋ยวนี้ไม่ได้หากันง่ายๆนะ อีกอย่างที่นี่ก็จ่ายค่าตอบแทนดีทีเทียว”                            
“คับที่ยาหยีอยู่ได้ แต่คับใจมันอยู่ร่วมกันยากค่ะพี่”         

หลังจากที่สองสาวต่างวัยคุยกันอีกสักพักจนวิมลมั่นใจแล้วว่าคงไม่มีทางจะรั้งยาหยีไว้ได้อีก  เธอคิดจะไปคุยกับฝ่ายบุคคลและคุณหญิงวิมาลาซึ่งเธอกับคุณหญิงก็สนิทกันมากระดับหนึ่ง แต่ทว่าในเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอดึงดันที่จะทำตามความประสงค์ของผู้บริหาร จึงต้องยอมเซ็นอนุมัติใบลาออกให้เธอ ยาหยีเป็นเด็กดีแถมยังเป็นลูกสาวของเพื่อนที่เสียชิวิตไปอย่างดารา ทำให้วิมลอดที่จะเห็นใจในโชคชะตาของยาหยีไม่ได้ เธอคงต้องเอาเรื่องยาหยีไปรายงานคุณอันดาเสียแล้ว    
                        
“มีสองมือสองเท้าไม่ได้พิการซะหน่อยตกงานแค่นี้ก็คงไม่อดตายหรอก” ยาหยีปลอบใจตัวเอง หอบกล่องกระดาษของใช้ส่วนตัวออกจากโรงพยาบาลเอาไปใส่รถ นึกตัดพ้อที่ตัวเองใจร้อนเกินไปเป็นเหตุให้ตกงาน แต่ก็นั่นแหละให้พักงานยาวแบบไม่มีกำหนดก็เท่ากับไล่ออกจะให้ทู่ซี้อยู่ทำไมกัน    ใช่ว่าจะมีปัญหาแต่เรื่องงานเท่านั้นที่ยาหยีหนักใจ เรื่องแก้วกรรณิกาก็ทำให้เธอเป็นห่วงจนคิดว่าจะขับรถไปที่นนทบุรีเดี๋ยวนี้ ถ้าหากว่าไม่ได้รับโทรศัพท์เสียก่อน     
                        
“สวัสดีค่ะยาหยีพูด”    
                
“นี่แก้วเองนะยาหยี”    
                
“แก้ว! นี่แก้วจริงๆใช่ไหมรู้ไหมว่ายาหยีห่วงแก้วแค่ไหน เมื่อคืนจู่ ๆ แก้วก็หายตัวไป ไปไหน ไปกับใคร แล้วแก้วได้รับอันตรายหรือเปล่าบอกยาหยีมานะ”
                                
“ใจเย็นๆสิ ยาหยี แก้วตอบไม่ถูกเลยหลายคำถามเหลือเกิน  เอาเป็นว่าตอนนี้แก้วปลอดภัยดีและอยู่ที่บ้านสวนนนทบุรี”                
“ถ้าอย่างนั้นเมื่อคืนแก้วหายไปไหน ไปกับใครมา ทำไมไม่รอยาหยี รู้ไหมยาหยีห่วงแก้วมากและเครียดมากด้วย”                    
“ยาหยีอย่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนได้ไหม” น้ำเสียงปนเศร้า    
    
“เกิดอะไรขึ้นแก้ว มีอะไรเล่าให้ยาหยีฟังได้นะ เพราะยาหยีเองที่ทิ้งให้แก้วอยู่ที่โต๊ะคนเดียว”                            
“มันไม่เกี่ยวกับยาหยีเลย เรื่องทั้งหมดมันเกิดเพราะตัวแก้วเอง เมื่อคืนมันก็แค่คืนบาปคืนหนึ่งในชีวิตของแก้วเท่านั้น” หญิงสาวพยายามจะลืมภาพเมื่อคืนกับชายแปลกหน้าให้หมด แต่เธอยังจำใบหน้าเขาติดตา        

“ยาหยีจะไปหาแก้วที่บ้าน เกิดอะไรขึ้นพวกมันทำอะไรแก้วหรือเปล่า ไอ้ผู้ชายโต๊ะนั้นใช่ไหมมันพาแก้วไปใช่หรือเปล่า”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่