Popular Science ปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็นของผู้อ่านบนเว็บไซต์

กระทู้ข่าว
ที่มา: Nick Statt, CNET News วันที่ 24 กันยายน 2556
http://ostc.thaiembdc.org/13th/?p=1298
สำนักงานที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ณ กรุงวอชิงตัน http://ostc.thaiembdc.org/



ในเดือนกันยายน 2556 ผู้อำนวยการฝ่ายเนื้อหาของนิตยสาร Popular Science (PopularScience.com) ซึ่งเป็นนิตยสารด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงและก่อตั้งมานานถึง141 ปี ได้ประกาศปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็นของผู้อ่านบนเว็บไซต์ โดยให้เหตุผลว่าการแสดงความคิดเห็นของผู้อ่านบางคนที่ขาดความรู้ที่แท้จริง แต่กลับพยายามสร้างกระแสด้วยข้อมูลและคำพูดที่ไม่เหมาะสม ที่แม้จะเป็นเพียงส่วนน้อย แต่ก็ก่อให้เกิดผลเสียแก่ผู้อ่านคนอื่นๆ และวงการวิทยาศาสตร์โดยรวมได้

หลายครั้งที่พวกเราได้เห็นข้อความวิภาควิจารณ์ในเชิงลบซึ่งนำไปสู่การถกเถียงที่เต็มไปด้วยข้อความหยาบคายและกลายเป็น ความขัดแย้ง และการโจมตีระหว่างบุคคลซึ่งทำให้การแสดงออกของผู้อ่านออกนอกขอบเขตของข้อมูลเนื้อหาจริงไปไกลมาก และไม่สามารถกลับมายังจุดเดิมได้ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ PopScience.com ตัดสินใจปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็นของผู้อ่านลง

Suzanne LaBarre ผู้อำนวยการฝ่ายเนื้อหากล่าวว่า “พวกเราสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เป็นเหตุเป็นผล มีสาระ และก่อให้เกิดความรู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการวิทยาศาสตร์ แต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้อินเตอร์เน็ตบางคนที่ที่ไม่มีความคิดและความรับผิดมีอิทธิพลมากกว่าคนกลุ่มแรก ความคิดเห็นนั้นๆ อาจจะทำให้เกิดผลเสียหายแก่วิทยาศาสตร์ก็ได้”

เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจในครั้งนี้ LaBarre อ้างถึงงานวิจัยชิ้นหนึ่งจาก University of Wisconsin-Madison โดยมีการสอบถามถึงความรู้สึกของชาวอเมริกันจำนวน 1,183 คน ที่มีต่อบทความวิทยาศาสตร์ที่พวกเขาได้อ่าน โดยมีการสำรวจความคิดเห็นทั้งก่อนและหลังจากที่ได้อ่านความคิดเห็นของผู้อ่านซึ่งถูกเขียนขึ้นเพื่อการทดลองโดยเฉพาะ ความคิดเห็นตัวแปรนี้มีสองแบบคือทั้งแบบที่สร้างสรรค์และแบบที่ไม่สร้างสรรค์ ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความคิดเห็นและความรู้สึกซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับขอบเขตของบทความนั้นๆ และยังเป็นลบต่อเนื้อหาในบทความด้วย



งานวิจัยฉบับนี้สอดคล้องกับงานวิจัยอื่นๆ จำนวนมาก ที่มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาผลกระทบของบทสนทนาบนโลกอินเตอร์เน็ตที่มีต่อความคิดเห็นของคนหมู่มาก เพื่อรับมือกับอิทธิพลของความคิดเห็นของผู้อ่าน หลายๆ เว็บไซต์มีวิธีการจัดการที่หลากหลาย เช่น การตรวจสอบและลบข้อความที่ไม่เหมาะสม หรือการสร้างระบบ Up-vote, Down-vote (โดยผู้อ่านสามารถคลิ๊กเพื่อซ่อนข้อความที่ไม่เหมาะสมได้)

แต่สำหรับนิตยสาร Popular Science แล้ว การติดตามและลบบทสนทนาบนเว็บไซต์เป็นความรับผิดชอบที่ค่อนข้างใหญ่เกินดัว โดยสาขาวิทยาศาสตร์ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือสาขานาโนเทคโนโลยีซึ่งเป็นสาขาที่มีคนที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริงไม่มากนัก และบทความที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศของโลกซึ่งเป็นสาขาที่ก่อให้เกิดความคิดเห็นขัดแย้งกันมากที่สุด

“ถ้าผู้อ่านคล้อยตามและเชื่อมั่นกับความคิดเห็นที่อยู่บนเว็บไซต์แล้ว ความคิดเห็นบนโลกอินเตอร์เน็ตจะส่งผลต่อความคิดเห็นสาธารณะ ความคิดเห็นสาธารณะจะมีผลกระทบต่อนโยบายสาธารณะ และนโยบายสาธารณะจะถูกนำไปใช้ในการพิจารณาอนุมัติงบประมาณสนับสนุนงานวิจัย คุณคงจะพอเห็นภาพและเข้าใจว่าทำไมเราถึงให้ความสำคัญและต้องปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็นนี้” LaBerre กล่าว

อย่างไรก็ตาม การสื่อสารระหว่างผู้อ่านและ Popular Science ยังไม่ถูกปิดกั้นไปเสียทั้งหมด ผู้อ่านยังสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของบนสนทนาแสดงความคิดเห็นที่มีต่อข้อมูลข่าวสารของ Popular Science ได้โดยผ่านช่องทางอื่นๆ เช่น Facebook, Twitter และ Google+
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่