"สตาร์บัคส์" เหี้ยม! ฟ้อง "สตาร์บัง" ขอศาลสั่งขัง เรียก 3 แสน จ่ายรายเดือนอีก 3 หมื่น

"สตาร์บัคส์" กาแฟระดับโลกเอาจริง! ฟ้องกาแฟรถเข็น "สตาร์บัง" ขอศาลคุ้มครองชั่วคราวสั่งจับและกักขัง 2 พี่น้องเจ้าของร้าน พร้อมเล่นอาญาฟันผิด พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า จ่ายค่าเสียหาย 300,000 บาท พร้อมจ่ายย้อนหลังเดือนละ 30,000 บาท ศาลสั่งไต่สวนคดีแรก 4 พ.ย.นี้ ส่วนคดีที่ 2 นัด 10 ก.พ.57 "บัง" ยันใช้โลโก้อิงศาสนา พร้อมสู้คดี แต่โอดเลี้ยงลูก 6 คน ใช้กินวันชนวันจะจ่ายยังไง
       
       วันนี้ (17 ต.ค.) มีรายงานความคืบหน้ากรณีที่ บ.สตาร์บัคส์ คอร์ปอเรชั่น เจ้าของร้านกาแฟ สตาร์บัคส์ เตรียมดำเนินคดีกับร้านกาแฟรถเครื่อง สตาร์บัง ที่ขายอยู่ริมถนนบริเวณหน้า ถ.พระอาทิตย์ เขตพระนคร กทม.ล่าสุดได้มีรายงานว่า บ.สตาร์บัคส์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ให้มีคำสั่งจับกุมและกักขังนายดำรงค์ มัสแหละ หรือ "บัง" เจ้าของร้านกาแฟรถเข็นสตาร์บัง และนายดำรัส น้องชาย ผู้จะถูกฟ้องที่ 1 และ 2 แล้ว ในคดีหมายเลขดำที่ คค.1/2556 และคดีหมายเลขแดงที่ คค.1/2556 ลงวันที่ 9 ต.ค. ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้นัดไต่สวนในวันที่ 4 พ.ย.นี้ เวลา 13.30 น.
       
       โดยคำร้องของบ.สตาร์บัคส์ ได้ระบุว่า ก่อนหน้านี้ บ.สตาร์บัคส์ฯ ได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนฟ้องคดีต่อศาลฯ เมื่อวันที่ 11 ก.ย.และศาลฯ ก็ได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนฟ้องห้ามมิให้นายดำรงค์ และพวกใช้เครื่องหมายรูปประดิษฐ์และคำ STARBUNG COFFEE กับสินค้าเสื้อยืดคอกลมและเสื้อผ้าและกระดาษหุ้มแก้วบรรจุกาแฟหรือเครื่องดื่มที่ขาย รวมทั้งเครื่องหมาย "สตาร์บัง" ที่เป็นพื้นสีเขียว ตัวอักษรสีเข้มตามวัตถุพยาน เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งผู้จะถูกฟ้องทั้ง 2 ได้รับหมายห้ามชั่วคราวของศาลแล้ว แต่หาได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลไม่ จึงขอให้ศาลมีคำสั่งดังกล่าว
       
       นอกจากนี้ บ.สตาร์บัคส์ฯ ยังได้ยื่นฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ.4019/2556 ด้วย ซึ่งศาลได้มีคำสั่งไต่สวนมูลฟ้อง วันที่ 10 ก.พ.2557 เวลา 09.00 น.โดยฟ้องในข้อหาเลียนเครื่องหมายการค้า พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ม.109,110 ขอศาลให้สั่งห้ามไม่ให้จำเลยกระทำการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าและการบริการของโจทก์ต่อไป ให้ยุติการเลียนและยุติจำหน่ายสินค้าโดยใช้เครื่องหมายการค้าที่เลียน ให้ริบสินค้าที่เลียนและให้ทำลายสินค้าดังกล่าว โดยให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย ให้ร่วมกันชำระเงินจำนวน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายในอัตราเดือนละ 30,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะยุติการละเมิด และให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแก่โจทก์
       
       ทั้งนี้คำฟ้องระบุว่า โจทก์ประกอบกิจการจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาแฟและชาที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยมีสาขามากกว่า 18,000 สาขา ในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และยังเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าและการบริการคำว่า STARBUCK และ STARBUCKS และรูปคนประดิษฐ์ในวงกลมพื้นสีเขียว ได้จดทะเบียนการค้าไว้ทั่วโลกรวมทั้งไทย และได้ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวกับสินค้าจนสาธารณะทั่วไปรู้จักเป็นอย่างดี
       
       ส่วนจำเลยที่ 1 และ 2 ประกอบกิจการจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีกาแฟและชาเป็นส่วนผสม โดยมีรถเข็นจำหน่ายอยู่บริเวณหน้าบ้านพระอาทิตย์ เหตุที่ต้องฟ้องเนื่องจากเมื่อประมาณเดือน ก.ย.55 - ปัจจุบัน ได้บังอาจกระทำความผิดต่อกฏหมายโดยทำเครื่องหมาย "สตาร์บัง" มีเจตนาเลียนเครื่องหมายการค้าเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเครื่องหมายการค้า "สตาร์บัคส์" โดยโจทก์ได้ส่งหนังสือเตือนเมื่อ 17 ต.ค.55 แต่จำเลยกลับกระทำการอันเป็นการละเมิดสิทธิ์มากยิ่งขึ้นโดยการผลิตรูปลอกและปลอกหุ้มแก้วกาแฟและเสื้อผ้า เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าสินค้ามีความเกี่ยวข้องกับสตาร์บัคส์ โจกท์จึงได้มีหนังสือเตือนอีกครั้ง แต่นายดำรงค์ กลับเรียกร้องและข่มขู่ให้ชำระค่าตอบแทนเป็นเงิน 3,000,000 บาท ซึ่งโจทก์ได้ปฏิเสธ และทำให้นายดำรงค์ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
       
       นอกจากนี้โจทก์ยังได้ร้องขอให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาเชิญนายดำรง เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยและระงับข้อพิพาท แต่นายดำรงค์ กลับข่มขู่เจ้าหน้าที่และปฏิเสธที่จะไกล่เกลี่ย โดยมุ่งหวังที่จะให้ใช้มาตรการทางอาญาที่รุนแรงเพื่อให้สื่อสารมวลชนที่ติดตามการดำเนินคดีนำข่าวสู่สาธารณะชนเพื่อให้โจทก์ได้รับความเสียชื่อเสียง ในขณะที่จำเลยได้รับประโยชน์แต่โจทก์กลับต้องได้รับความเสียหายจากบุคคลที่ยังไม่รู้สตาร์บัคส์ อาจจะสับสนหลงผิดว่าสินค้าสตาร์บัง มีความเกี่ยวข้องกัน ขณะที่ลูกค้าก็อาจเสื่อมความนิยมเชื่อถือในคุณภาพสินค้า โจทก์ได้พยายามทุกวิถีทางให้ข้อพิพาทยุติลงโดยไม่จำเป็นต้องฟ้องคดีต่อศาล ซึ่งหากจำเลยทั้ง 2 ยังคงดำเนินการต่อไปย่อมจะนำมาซึ่งความเสียหายที่ไม่อาจประมาณการและใหญ่หลวงแก่สตาร์บัคส์
       
       การกระทำของจำเลยนับเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตและไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ จำเลยทั้งสองจึงต้องมีหน้าที่ชดใช้ค่าเสียหายต่อโจทก์ในชั้นนี้ จากการละเมิดเลียนเครื่องหมายการค้า และค่าใช้จ่ายในการบังคับสิทธิในเครื่องหมายการค้า เพียง 300,000 บาท และขอเรียกค่าเสียหายจากจำเลยอีกเป็นรายเดือนๆ ละ 30,000 บาท นับแต่วันที่ฟ้องเป้นต้นไป จนกว่าจำเลยทั้งสองจะเลิกใช้เครื่องหมายที่พิพาท
       
       ขณะที่นายดำรงค์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ทนายของทาง บ.สตาร์บัคส์ ได้เจรจาเพื่อขอยกเลิกชื่อ "สตาร์บัง" แต่ตนก็ไม่ยอม ทั้งนี้ตนได้มีการแก้ไขให้ตั้งแต่วันแรกที่ทางทนายได้ยื่นหนังสือเตือนมา โดยเครื่องหมายการค้าที่ตนใช้นั้นได้อิงตามหลักศาสนาอิสลามที่ตนนับถือ ทั้งสีเขียวพื้นหลัง โลโก้รูปดาวกับเดือน เครื่องหมายฮาลาล และชื่อบังที่มาจากภาษามลายู อีกทั้งตนก็ไม่ได้ใช้คำว่าบัคส์ ตนจึงสงสัยว่าตนผิดตรงไหน อักษรที่ใช้ก็มีลักษณะไม่เหมือนกัน ถ้าก๊อปปี้ (ลอกเลียนแบบ) แล้วมันต้องเหมือนเป๊ะ อันนี้ไม่ใช่ แถมไม่ให้ใช้โลโก้ภาษาไทยด้วยมันก็ละเมิดสิทธิ์ตนเกินไป ส่วนกรณีที่คำฟ้องอ้างว่าตนได้มีการข่มขู่เรียกค่าเสียหายจำนวน 3 ล้านบาทนั้น ตนเพียงแค่บอกว่าถ้าจะขอให้ตนยกเลิกเครื่องหมายการค้าตนก็ขอขายกิจการให้ทั้งหมดเป็นเงิน 3 ล้านบาท
       
       ส่วนที่มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 300,000 บาท และจ่ายรายเดือนอีกเดือนละ 30,000 บาท นั้น นายดำรงค์ กล่าวว่า ตนใช้วันกินวัน เลี้ยงลูก 6 คน จะมีให้ได้ยังไง ขายแก้วละ 20 - 30 บาท รายได้ปีนึงยังไม่เท่ากับวันนึงของเขาเลย กาแฟ ชา ของเรากับเขาก็คนละอย่าง ไม่ได้ซื้อเครื่องมาใช้เหมือนเขา ขณะที่การดำเนินคดีก็ยังคงต่อสู้ต่อไป
       



http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000130452
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
เค้าเตือนดีๆ ไม่ฟัง เปลี่ยนซะก็จบ เอาวงกลมออกทำแบบอื่นยังได้

พอขึ้นโรงขึ้นศาลละจะมาโวยวาย

เค้าก็ทำตามกฎหมาย ไม่ได้รังแกแต่อย่างใด

อย่าไปคิดว่าเจ้าใหญ่ รังแกเจ้าเล็ก

ไม่งั้นมันจะมีกฎหมายไว้ทำไมกัน
ความคิดเห็นที่ 51
เข้ามาสวนกระแสโดยเฉพาะ  เอาความเห็นผมเองที่ไป post ไว้ใน ผจก ความเห็นที่ 86 มาลงขยายความ หัวเราะ

ผมเห็นว่าการยื่นฟ้องสตาร์บังของสตาร์บัคส์เป็นความโง่และบ้าของสตาร์บัคส์แท้ๆ ที่แยกไม่ออกระหว่างการเจตนาปลอมเครื่องหมายการค้าเพื่อให้คนเข้าใจผิดและใช้บริการ กับการเลียนแบบในลักษณะการล้อเลียนขำขัน


เจตนาของสตาร์บังก็เห็นอยู่แล้วว่าเป็นการล้อเลียนเฉยๆ เป็นจุดขายของบัง ไม่ได้มาแข่งกับสตาร์บัคส์แต่อย่างใด กลุ่มลูกค้าก็คนละกลุ่ม ร้านก็เป็นรถเข็น  ถ้าบังไปเปิดร้านเป็นหลักแหล่ง มีการเลียนแบบสัญลักษณ์โลโก้และอื่นๆ เจตนาเพื่อให้คนเข้าใจผิดว่าร้านบังคือร้านสตาร์บัคส์ แบบนั้นผิดแน่ๆ   แต่ในกรณีนี้บังเลียนแบบในลักษณะที่ขำขัน ไม่ใช่ให้คนเข้าใจผิดว่าบังคือสตาร์บัคส์   ส่วนบังจะผิดหรือไม่ก็คงต้องให้ศาลตัดสิน


ในกรณีแบบนี้ถ้าผมเป็นสตาร์บัคส์ผมจะไม่ซีเรียสหรือลงไปจัดการจริงๆ จังๆ   เพราะการปล่อยวางนอกจากจะไม่เสียภาพลักษณ์ว่ารังแกคนจนแล้ว ยังอาจจะได้ภาพบวกของการมีอารมณ์ขันด้วย  ต้องมองก่อนว่าการปล่อยวางให้บังใช้ยี่ห้อเลียนแบบขำขันของแกต่อไปสตาร์บัคส์เสียอะไร  เพราะคงไม่มีใครอีเดียตพอที่จะเข้าใจผิดว่าบังเป็นสตาร์บัคส์   หรือถ้าจะห่วงว่าจะกลายเป็นตัวอย่างให้คนอื่นเลียนแบบเอาอย่าง ก็มีวิธีการที่นุ่มนวลกว่านี้ในการจัดการ  


ถ้าผมเป็นผู้บริหารสตาร์บัคส์ผมจะจัดงานเรียกบังมาชงกาแฟแข่งหรือทำกิจกรรมขายแข่งหรือชิมกาแฟเปรียบเทียบกันให้เป็นสีสัน เน้นฮาไปเลย เรียกนักข่าวมาทำข่าวส่งเสริมการขายซะเลย  ในขณะเดียวกันก็จะแถลงการปรามๆ ไปด้วยในตัวว่าขอให้มีแต่บังคนเดียวที่ทำ ถ้าคนอื่นทำแบบบังสตาร์บัคส์จะไม่ยอมแล้วนะ เพราะจะกลายเป็นตัวอย่างให้คนอื่นเอาอย่าง อะไรทำนองนี้ เรียกว่าพลิกปัญหาให้กลายเป็นวินๆ กันไป ได้ภาพยักษ์ใหญ่ใจดีแต่ปรามคนอื่นไปด้วย  และผมจะแนะนำบังให้เปลี่ยนโลโก้ซะใหม่อย่าให้เหมือนแบบดีๆ เผลอๆ ลงทุนทำป้ายใหม่ให้บังด้วย  แต่ไม่ใช่เอาทนายไปขู่ หมายศาลไปแปะ  


เพราะสำหรับผู้ใหญ่ บางครั้งการแกล้งไม่เห็นหรือปิดตาข้างเดียวเวลาเห็นเด็กทำอะไรผิดหรือไม่ถูกใจ แต่ไม่ได้เป็นความเสียหายอะไร แค่ขัดหูขัดตาเป็นเรื่องจำเป็น  ถ้าต้องตักเตือนก็ต้องเตือนให้สมกับสถานะ   ยิ่งการไปทะเลาะกับเด็ก มีแต่ผู้ใหญ่เองที่เสียหายมากกว่า  การฟ้องแบบนี้ของสตาร์บัคส์เป็นการฟ้องแบบเอาให้ล่มจม  กลายเป็นภาพของคนรวยรังแกคนจนแท้ๆ ทั้งๆ ที่การเลียนแบบแบบขำๆ ของสตาร์บังไม่ได้มีผลกระทบใดๆ ต่อภาพลักษณ์ของสตาร์บัคส์เลย   ไม่กระทบยอดขายด้วยซ้ำ


การฟ้องของสตาร์บัคส์ครั้งนี้ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร  ชนะหรือแพ้ จะมีแต่เสียกับเสียต่อภาพพจน์แบรนด์ของสตาร์บัคส์เอง เพราะภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะกิจการแบบสตาร์บัคส์   คนที่มองว่าเรื่องลิขสิทธิ์เป็นใหญ่อาจเข้าใจสตาร์บัคส์  แต่คนที่มองเจตนาของบังเป็นใหญ่ หรือคนที่ไม่ชอบคนรวยบริษัทยักษ์ใหญ่ก็มีไม่น้อย  ดังนั้นแม้ว่าบังแกจะยียวนหัวหมอ  เช่นดื้อไม่ยอมเปลี่ยนโลโก้หรือเรียกร้องเงินทอง  แต่สตาร์บัคส์กลายเป็นลดตัวลงไปแกล้งบังซะงั้น ต่อให้ชนะก็คือแพ้ เพราะภาพลักษณ์ป่นปี้ไปแล้ว  ถ้าผมเป็นบริษัทแม่ คงไล่ออกผู้บริหารทั้งชุดที่ไม่มีปัญญาจัดการกับบังด้วยวิธีที่ง่ายและไม่เสียภาพลักษณ์ของแบรนด์แบบนี้  เพราะถึงชนะ ยอดขายของสตาร์บัคส์ก็ไม่เพิ่ม  ยิ่งถ้าแพ้ ภาพพจน์ยิ่งลงเหว


สุดท้ายก็ต้องออกตัวอีกว่า  การมีการคุ้มครองลิขสิทธิ์แบบต่างๆ ไม่ว่าจะเครื่องหมายการค้าหรือลิขสิทธิ์ใดๆ ก็ตามเป็นเรื่องสำคัญ แต่การมองแต่เรื่องลิขสิทธิ์โดยไม่มองบริบทอื่นๆ ประกอบ เป็นการตีความกฏหมายตามตัวอักษรล้วนๆ ไม่มองเจตนาของกฏหมาย  เป็นการใช้กฏหมายสนองความโง่ อัตตา และความไร้เหตุผลจะไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งนั้น    กรณีของบังผมไม่รู้ว่าสิ่งที่บังทำผิดหรือถูกแค่ไหน ผมไม่ได้สนับสนุนหรือเห็นด้วยกับบัง  แต่สิ่งที่ผมเห็นชัดๆ   ก็คือ ทีมผู้บริหารของสตาร์บัคส์แก้ปัญหาได้โง่เง่ามาก


ปล ไม่ต้องมาถามว่าผมใช้โปรแกรมวินโว์แท้หรือเถื่อน  แต่ผมจะบอกเลยว่าแท้ทั้งเครื่อง  ทั้งวินโว์และ office  โปรแกรมอื่นๆ อันไหนมีฟรีแวร์ผมก็ใช้ของฟรี ไม่มีผมก็ไม่ใช้    แต่หนังปุ๊เถื่อนต้องยอมรับว่ามีบ้าง หลิ่วตา
ความคิดเห็นที่ 5
ก่อนหน้านี้ทนายของทาง บ.สตาร์บัคส์ ได้เจรจาเพื่อขอยกเลิกชื่อ "สตาร์บัง" แต่ตนก็ไม่ยอม
สมควรโดน อมยิ้ม20
ความคิดเห็นที่ 15
จำได้ว่าปลายปีที่แล้ว มีคนท้าทายว่า starbucks ยังไงก็ไม่กล้าฟ้อง ตอนนี้อย่าลืมไปช่วยจ่ายนะ
3 แสนนี่ถือว่าน้อยมากนะ สำหรับการฟ้องร้องลิขสิทธิ์ แบรนด์ระดับนี้ถ้าเหี้ยมจริง เรียกไม่ต่ำกว่า 3 ล้านแน่นอน
อันนี้เหมือนไม่ได้หวังที่ตัวเงินค่าเสียหาย แค่อยากจะบีบให้หยุด
ความคิดเห็นที่ 4
ผมว่า สตาร์บัง ผิดครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่