ขอ tag ห้องกล้อง มาบุญครอง และชานเรือน นะครับ
อ่านแล้วจะรู้ว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไง
คือผมมีรูปทั้งหมดประมาณ 45,000 รูป และบันทึกวีดีโออีกกว่า 800 เรื่องราว
ซึ่งได้เก็บเป็นภาพถ่ายและวีดีโอในลักษณะของ Photo Diary
หรืออาจจะเรียกได้ว่า เป็นรูปภาพที่บอกเรื่องราวในชีวิตประจำวัน
แทนการเขียนไดอารี่ลงสมุดทั่วๆไป
โดยผมมีโอกาสได้จับกล้องถ่ายรูปครั้งแรก เมื่อช่วงปี 1993
ด้วยกล้องฟิล์มตัวนี้ครับ Kodak
แต่ช่วงนั้นก็ถ่ายโดยไม่ได้มีเป้าหมาย หรือเพื่อจุดประสงค์ใดๆ
ถ่ายเพียงเพื่อเอาไปล้าง แล้วเก็บมาไว้ดูเล่นๆ
ต่อมา โลกได้เข้าสู่ยุคของกล้องดิจิตอล
ตัวแรกที่เก็บเงินซื้อเองเมื่อปี 2004
นี่เลยครับ Panasonic D-Snap
ด้วยความที่มันพกพาง่ายและสะดวก
ความละเอียดสูงสุดของกล้องตัวนี้น่าจะประมาณ 1024 x 768 pixel
ตั้งแต่นั้นมา ก็เริ่มถ่ายรูปแบบมีเป้าหมาย นั่นคือเก็บเป็น Photo Diary
ซึ่งภาพถ่ายช่วงที่มีเจ้า D-Snap จะเป็นในผับ ในบาร์ ซะเป็นส่วนใหญ่
ใช้กล้องตัวนี้มาได้ 2 ปี ก็ทำหาย คงไม่ต้องบอกว่าหายที่ไหน 555+
ต่อมาก็จำเป็นต้องหาซื้อกล้องตัวใหม่มาทดแทน
กว่าจะหาตัวใหม่มาทดแทนเจ้า D-Snap ได้ ก็ใช้เวลาเกือบเดือน
ทำให้ Photo Diary ช่วงนั้นต้องขาดตอน ไม่มีบันทึกรูปถ่ายช่วงนั้น
และก็มาลงตัวที่ Fuji S6500FD ซึ่งเป็น DSLR Like
ภาพสวย คมชัด แตกต่างจากเจ้า D-Snap มาก
แต่มันกลับไม่ได้ตอบโจทย์ที่ผมได้ตั้งเอาไว้ นั่นคือการพกพา เพื่อถ่ายเป็น Diary
เนื่องด้วยกล้องมันตัวใหญ่ พกพาลำบาก
สรุปว่าช่วงที่มีเจ้า S6500FD ทำให้ Photo Diary ต้องมีขาดตอนบ้าง
เพราะว่าไม่ได้พกพาไปไหนมาไหนได้บ่อยครั้งนัก เนื่องด้วยขนาด
ก็เลยต้องหาซื้อกล้องตัวใหม่มาเสริมทัพ
คราวนี้หันมาเล่นกล้อง Compact ดูมั่ง
มาตกลงปลงใจกับเจ้า Canon iXus 70
ด้วยรูปลักษณ์ของมันที่ดูกระทัดรัด พกพาง่าย
ทำให้ไปไหนมาไหนด้วยกันได้ทุกวัน ไม่ว่าจะไปทำงาน หรือเข้าห้าง
แต่ถ้าต้องไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็จะใช้งานเจ้า Fuji S6500FD
ปัจจุบัน เจ้า Fuji S6500FD ได้เจ๊งไปแล้ว
เพราะทำตกน้ำทะเล (ให้มันได้ยังงี้สิ)
ส่วนเจ้า Canon iXus 70 ก็เจ๊งแล้วเช่นกัน คือถ่ายแล้วดูรูปไม่ได้
ทุกวันนี้ก็เลยอาศัยเจ้า iPhone 5 สำหรับเก็บ Photo Diary ในทุกๆวัน
ซึ่งก็ถือว่าตอบโจทย์ได้มากทีเดียว โดยเฉพาะกับการถ่ายวีดีโอ
มันทำได้ดีกว่ากล้องทุกๆ ตัวที่ผมเคยใช้งานมา
การแสดงภาพระดับ 1080P บนจอ LED 55 นิ้ว มันอลังการเพียงใด
การได้นั่งดูบันทึกวีดีโอของลูกสาว เหมือนได้ชมหนัง Hi Def เรื่องหนึ่ง
ไม่ได้โอเวอร์นะครับ แต่มันคมชัดใกล้เคียงระดับนั้นจริงๆ
แต่ถึงกระนั้นก็อยากได้กล้องจริงๆ ซักตัว
เพราะ iPhone 5 ยังทำได้ไม่ดีพอในการถ่ายภาพ
และที่เล็งไว้คือ Fuji x-m1 ครับ
มาพูดถึงการเก็บรูปถ่ายบ้างครับ ตามหัวข้อกระทู้
ผมจะจัดเก็บรูปถ่ายและวีดีโอทั้งหมดลง External Harddisk
โดยแบ่งเป็น Folder ตามวันที่ เดือน ปี
ซึ่งถ้าเจ้า External Harddisk เกิดหายขึ้นมา รูปที่ถ่ายมาคงปิ๋วไปทั้งหมด
ฉะนั้น อย่ามั่นใจตัวเองครับ ว่าจะไม่ทำมันหาย
การเก็บ Backup จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆๆๆ
ผมเก็บ Backup ไว้ 2 ที่ คือเครื่องคอมฯ ที่ออฟฟิศ
แต่ก็ต้องใช้พื้นที่ราวๆ 80GB (ที่สำคัญ อย่าให้เจ้านายรู้)
และอีกที่ก็คือ ซื้อ External Harddisk มาอีก 1 ตัว เพื่อ Backup
สรุปคือ มีไฟล์สำรองไว้ทั้งหมด 3 ชุด
แค่นี้คุณก็จะมีรูปถ่ายไว้ให้ลูกๆ หลานๆ ดูยามแก่เฒ่า
เมื่อลูกคุณอายุ 40 เค้าจะรู้สึกอย่างไร เมื่อได้เห็นวีดีโอภาพถ่ายในวัยเด็กของเค้า
พ่อแม่คนไหน ที่ยังไม่เริ่ม Backup รูปถ่ายและวีดีโอเหล่านั้น รีบเถอะครับ ก่อนจะสาย
เพราะถ้ามันเกิดหายขึ้นมา บันทึกความทรงจำเหล่านั้น มันไม่สามารถย้อนกลับมาได้นะครับ
ปกติเก็บรูปถ่าย กันแบบไหนครับ
อ่านแล้วจะรู้ว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไง
คือผมมีรูปทั้งหมดประมาณ 45,000 รูป และบันทึกวีดีโออีกกว่า 800 เรื่องราว
ซึ่งได้เก็บเป็นภาพถ่ายและวีดีโอในลักษณะของ Photo Diary
หรืออาจจะเรียกได้ว่า เป็นรูปภาพที่บอกเรื่องราวในชีวิตประจำวัน
แทนการเขียนไดอารี่ลงสมุดทั่วๆไป
โดยผมมีโอกาสได้จับกล้องถ่ายรูปครั้งแรก เมื่อช่วงปี 1993
ด้วยกล้องฟิล์มตัวนี้ครับ Kodak
แต่ช่วงนั้นก็ถ่ายโดยไม่ได้มีเป้าหมาย หรือเพื่อจุดประสงค์ใดๆ
ถ่ายเพียงเพื่อเอาไปล้าง แล้วเก็บมาไว้ดูเล่นๆ
ต่อมา โลกได้เข้าสู่ยุคของกล้องดิจิตอล
ตัวแรกที่เก็บเงินซื้อเองเมื่อปี 2004
นี่เลยครับ Panasonic D-Snap
ด้วยความที่มันพกพาง่ายและสะดวก
ความละเอียดสูงสุดของกล้องตัวนี้น่าจะประมาณ 1024 x 768 pixel
ตั้งแต่นั้นมา ก็เริ่มถ่ายรูปแบบมีเป้าหมาย นั่นคือเก็บเป็น Photo Diary
ซึ่งภาพถ่ายช่วงที่มีเจ้า D-Snap จะเป็นในผับ ในบาร์ ซะเป็นส่วนใหญ่
ใช้กล้องตัวนี้มาได้ 2 ปี ก็ทำหาย คงไม่ต้องบอกว่าหายที่ไหน 555+
ต่อมาก็จำเป็นต้องหาซื้อกล้องตัวใหม่มาทดแทน
กว่าจะหาตัวใหม่มาทดแทนเจ้า D-Snap ได้ ก็ใช้เวลาเกือบเดือน
ทำให้ Photo Diary ช่วงนั้นต้องขาดตอน ไม่มีบันทึกรูปถ่ายช่วงนั้น
และก็มาลงตัวที่ Fuji S6500FD ซึ่งเป็น DSLR Like
ภาพสวย คมชัด แตกต่างจากเจ้า D-Snap มาก
แต่มันกลับไม่ได้ตอบโจทย์ที่ผมได้ตั้งเอาไว้ นั่นคือการพกพา เพื่อถ่ายเป็น Diary
เนื่องด้วยกล้องมันตัวใหญ่ พกพาลำบาก
สรุปว่าช่วงที่มีเจ้า S6500FD ทำให้ Photo Diary ต้องมีขาดตอนบ้าง
เพราะว่าไม่ได้พกพาไปไหนมาไหนได้บ่อยครั้งนัก เนื่องด้วยขนาด
ก็เลยต้องหาซื้อกล้องตัวใหม่มาเสริมทัพ
คราวนี้หันมาเล่นกล้อง Compact ดูมั่ง
มาตกลงปลงใจกับเจ้า Canon iXus 70
ด้วยรูปลักษณ์ของมันที่ดูกระทัดรัด พกพาง่าย
ทำให้ไปไหนมาไหนด้วยกันได้ทุกวัน ไม่ว่าจะไปทำงาน หรือเข้าห้าง
แต่ถ้าต้องไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็จะใช้งานเจ้า Fuji S6500FD
ปัจจุบัน เจ้า Fuji S6500FD ได้เจ๊งไปแล้ว
เพราะทำตกน้ำทะเล (ให้มันได้ยังงี้สิ)
ส่วนเจ้า Canon iXus 70 ก็เจ๊งแล้วเช่นกัน คือถ่ายแล้วดูรูปไม่ได้
ทุกวันนี้ก็เลยอาศัยเจ้า iPhone 5 สำหรับเก็บ Photo Diary ในทุกๆวัน
ซึ่งก็ถือว่าตอบโจทย์ได้มากทีเดียว โดยเฉพาะกับการถ่ายวีดีโอ
มันทำได้ดีกว่ากล้องทุกๆ ตัวที่ผมเคยใช้งานมา
การแสดงภาพระดับ 1080P บนจอ LED 55 นิ้ว มันอลังการเพียงใด
การได้นั่งดูบันทึกวีดีโอของลูกสาว เหมือนได้ชมหนัง Hi Def เรื่องหนึ่ง
ไม่ได้โอเวอร์นะครับ แต่มันคมชัดใกล้เคียงระดับนั้นจริงๆ
แต่ถึงกระนั้นก็อยากได้กล้องจริงๆ ซักตัว
เพราะ iPhone 5 ยังทำได้ไม่ดีพอในการถ่ายภาพ
และที่เล็งไว้คือ Fuji x-m1 ครับ
มาพูดถึงการเก็บรูปถ่ายบ้างครับ ตามหัวข้อกระทู้
ผมจะจัดเก็บรูปถ่ายและวีดีโอทั้งหมดลง External Harddisk
โดยแบ่งเป็น Folder ตามวันที่ เดือน ปี
ซึ่งถ้าเจ้า External Harddisk เกิดหายขึ้นมา รูปที่ถ่ายมาคงปิ๋วไปทั้งหมด
ฉะนั้น อย่ามั่นใจตัวเองครับ ว่าจะไม่ทำมันหาย
การเก็บ Backup จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆๆๆ
ผมเก็บ Backup ไว้ 2 ที่ คือเครื่องคอมฯ ที่ออฟฟิศ
แต่ก็ต้องใช้พื้นที่ราวๆ 80GB (ที่สำคัญ อย่าให้เจ้านายรู้)
และอีกที่ก็คือ ซื้อ External Harddisk มาอีก 1 ตัว เพื่อ Backup
สรุปคือ มีไฟล์สำรองไว้ทั้งหมด 3 ชุด
แค่นี้คุณก็จะมีรูปถ่ายไว้ให้ลูกๆ หลานๆ ดูยามแก่เฒ่า
เมื่อลูกคุณอายุ 40 เค้าจะรู้สึกอย่างไร เมื่อได้เห็นวีดีโอภาพถ่ายในวัยเด็กของเค้า
พ่อแม่คนไหน ที่ยังไม่เริ่ม Backup รูปถ่ายและวีดีโอเหล่านั้น รีบเถอะครับ ก่อนจะสาย
เพราะถ้ามันเกิดหายขึ้นมา บันทึกความทรงจำเหล่านั้น มันไม่สามารถย้อนกลับมาได้นะครับ