เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวานตอน 2 ทุ่มกว่า ดิฉันได้จอดรถไว้น่าบ้านแล้วก็ล๊อครถโดยใช้รีโมทตามปกติ (ในบ้านมีรถจอดแล้ว 2 คันจึงเข้าไปจอดในบ้านอีกไม่ได้) ฉันก็เข้าบ้านไปทำธุระปกติ ประมาณ 2 ทุ่ม 24 นาทีสัญญาณกันขโมยรถที่จอดหน้าบ้านก็ดังดิฉันชะโงกหน้าไปดูจากหน้าบ้านก็ไม่เห็นมีอะไร ก็เลยทำการปลดล๊อคเพื่อให้สัญญาณเงียบแล้วทำการล๊อคใหม่ (คิดว่าตัวเองไปนั่งทับรีโมทเลยไม่เอ๊ะใจ) พอผ่านไปอีก 15 นาทีสัญญาณกันขโมยก็ดังขึ้นอีก ดิฉันเลยออกมาดูปรากฎว่าเจอยามกำลังออกจากรถดิฉันและกำลังรีบปิดประตู ดิฉันก็ถามยามไปว่า
ฉัน : ยามคุณกำลังทำอะไร?
ยาม : อ้อ เอ่อ กำลังเช็ครถว่ารถได้ล๊อคหรือยัง
ฉัน : อ่าว ยามคะคุณรู้ไหมว่าการไปเปิดรถคนอื่นโดยพละการมันผิดกฎหมายนะ แล้วมันไม่สมควรนะคะที่จู่ๆจะไปเปิดรถคนอื่นแบบนี้ (ลืมไปอยู่บ้านคนเดียว ดันไปคุยกับยามแบบถึงพริกถึงขิง)
ยาม : หัวหน้าผมสั่งให้ไล่เปิดรถที่จอดหน้าบ้านทุกคัน เพื่อตรวจสอบว่ารถคันไหนไม่ได้ล๊อค แล้วให้ลงบันทึกไว้ในสมุด แล้วให้เขียนกระดาษติดหน้ารถว่า "กรุณาล๊อครถด้วย"
ฉัน : เรื่องการตรวจสอบว่ารถล๊อคไม่ล๊อคมันเป็นหน้าที่ของเจ้าของรถนะคะ ยามก็มีหน้าที่ป้องกันคนแปลกหน้าเข้ามาทำลายและทำร้ายทรัพย์สินคนในหมู่บ้าน แต่มันคงไม่ถูกหรอกคะถ้าจะมาเปิดรถเองแบบนี้ หรือถ้าจะมีมาตราการแบบนี้ควรให้นิติบุคคลแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อลุกบ้าน จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดแบบนี้อีก
ยาม : ครับ ครับ ครับ
หลังจากนั้นดิฉันก็ค้นหาเบอร์หัวหน้ายามจาก googel ว่าบริษัทนี้ใครเป็นผู้ดูแลยาม และได้โทรติดต่อไป ปรากฎว่า
ปลายสาย : ฮาโหลครับ
ดิฉัน : คุณ..... หัวหน้ายามรักษาความปลอดภัยที่หมู่บ้าน ...... ใช่ไหมคะ
ปลายสาย : ไม่ใช่ครับ แต่ผมเป็นเจ้าของบริษัท
ดิฉัน : ขอประทานโทษด้วยคะ ดิฉันอาศัยอยู่หมู่บ้าน.................. และได้เล่าเหตุการที่เกิดขึ้นตามข้างบนให้เขาฟัง แล้วบอกเขาว่ามันเป็นมาตราการของบริษัทจริงหรือไม่ แล้วทำแบบนี้มันไม่ผิดกฎหมายหรือ
ปลายสาย : ครับ บริษัทเราอยากให้ผู้จ้างไว้วางใจในบริการเรา เราต้องให้พนักงานของเราไปลองเปิดประตูรถทุกคันที่จอดนอกบ้าน เพื่อรถคันไหนลืมล๊อคหรือลืมกุญแจ เราจะลงบันทึกไว้ในสมุดแล้วทำการแจ้งให้เจ้าของรถทราบ
ดิฉัน : แล้วถ้าสมุดจดบันทึกมันไปตกอยู่กับมิจฉาชีพแล้วมันเข้ามาทำการขโมยรถละคะมันยิ่งไม่เป็นการสร้างความเสี่ยงให้ลูกบ้านหรือคะ และอีกประเด็นลืมล๊อครถหรือล๊อคเสียแล้วยามเปิดประตูเข้าไปในรถแล้วของเกิดหายรถเกิดหายใครจะรับผิดชอบ
ปลายสาย : ยามเขาไม่ทำแน่นอนครับ ผมอบรมมาอย่างดี แต่ถ้ามันหายจริงๆคุณเจ้าของรถก็ต้องรับผิดชอบสิครับ
ดิฉัน : งั้นมาตราการนี้ก็ใช่ไม่ได้สิคะ ยิ่งสร้างความเสี่ยงแก่ทรัพย์สินลูกบ้าน
ปลายสาย : (ชักหงุดหงิด) เอ่อ ต่อไปถ้ารถคุณเป็นอะไรจะมาโทษยามไม่ได้นะ!!!
ดิฉัน : อ่าวคุณพูดแบบนี้ขู่กันนี้คะ แต่ไม่เป็นไรคะทุกคำพูดของคุณที่คุยกับดิฉัน ดิฉันได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานหมดแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นดิฉันก็จะไปแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ที่โทรมาไม่ได้ต้องการเอาผิดหรือคิดร้ายกับบริษัทคุณ แต่แค่มาบอกถึงการปฎิบัติหน้าที่ที่เกินหน้าที่ ให้ปรับปรุงแค่ันั้น ดิฉันขอจบการสนทนาแค่นี้นะคะ ขอบคุณที่ให้ข้อมูลคะ (วางสายไปเลย แอบมาคิดว่า ซวยแล้วอยู่บ้านคนเดียวกำลังต่อสู้กับอำนาจมืดอยู่หรือเปล่าวะ ชักกลัว )
หลังจากนั่งกลัวก็ได้ปรึกษาญาติที่เป็นตำรวจ เขาแนะนำให้ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน แต่เรากลัวว่าเรื่องจะใหญ่ และถ้าเขาเจตนาดีเราก็กลัวเราจะไปทำลายอนาคตเขา กลัวไปสารพัดเพราะเราอาศัยอยู่บ้านคนเดียว เลยโทรไปหาพี่ที่รู้จักที่นิติบุคคลของหมู่บ้าน
พี่นิติบุคคล : ว่าไงนู๋มีอะไรให้พี่รับใช้จ๊ะ
ฉัน : (เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แล้วถามว่าควรทำอย่างไง)
พี่นิติบุคคล : เดี๋ยวพี่จัดการเรื่องนี้ให้ นู๋ยังไม่ต้องไปแจ้งความนะคะ ทางนิติเราไม่ได้มีมาตราการให้ยามไปไล่เปิดรถคนอื่นแน่นอนคะ เพราะมันผิดกฎหมาย อย่างไงพี่จะแจ้งความคืบหน้าให้นู๋ทราบอีกทีนะคะ
ฉัน : ขอบคุณพี่.... มากนะคะ นู๋อยู่คนเดียวกลัวว่าถ้าเกิดเรื่องขึ้นนู่จะทำอย่างไง
พี่นิติบุคล : หมู่บ้านของเราการรักษาความปลอดภัยถือว่าเป็นอันดับ 1 เราไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นแน่นอนคะ ขอบคุณนะคะที่มาบอกพี่ก่อนไปแจ้งความ
(วางสาย..................)
คำถามนะคะ
1. ยามเขามีสิทธิ์ไปเปิดรถคนในหมู่บ้านได้โดยไม่ได้รับอนุญาติได้ด้วยหรือคะ
2. กรณีนี้นู๋ควรทำอย่างไงต่อไป
3. ตรวจสอบเซ้นทรัสล๊อคแล้ว ก็ยังใช้ได้ดีอยู่นะคะ แล้วเขาเข้าไปเปิดรถได้อย่างไง
ขออภัยถ้าใช้คำไม่ถูกต้องนะคะ พิมพ์สดๆ แถมเมื่อคืนไม่ได้นอนกลัวตลอดขึ้น จะเป็นประสาทก่อนเพราะเรื่องนี้
ยามมีสิทธิ์มาเปิดรถเราด้วยพละการได้ด้วยหรือคะ?
ฉัน : ยามคุณกำลังทำอะไร?
ยาม : อ้อ เอ่อ กำลังเช็ครถว่ารถได้ล๊อคหรือยัง
ฉัน : อ่าว ยามคะคุณรู้ไหมว่าการไปเปิดรถคนอื่นโดยพละการมันผิดกฎหมายนะ แล้วมันไม่สมควรนะคะที่จู่ๆจะไปเปิดรถคนอื่นแบบนี้ (ลืมไปอยู่บ้านคนเดียว ดันไปคุยกับยามแบบถึงพริกถึงขิง)
ยาม : หัวหน้าผมสั่งให้ไล่เปิดรถที่จอดหน้าบ้านทุกคัน เพื่อตรวจสอบว่ารถคันไหนไม่ได้ล๊อค แล้วให้ลงบันทึกไว้ในสมุด แล้วให้เขียนกระดาษติดหน้ารถว่า "กรุณาล๊อครถด้วย"
ฉัน : เรื่องการตรวจสอบว่ารถล๊อคไม่ล๊อคมันเป็นหน้าที่ของเจ้าของรถนะคะ ยามก็มีหน้าที่ป้องกันคนแปลกหน้าเข้ามาทำลายและทำร้ายทรัพย์สินคนในหมู่บ้าน แต่มันคงไม่ถูกหรอกคะถ้าจะมาเปิดรถเองแบบนี้ หรือถ้าจะมีมาตราการแบบนี้ควรให้นิติบุคคลแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อลุกบ้าน จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดแบบนี้อีก
ยาม : ครับ ครับ ครับ
หลังจากนั้นดิฉันก็ค้นหาเบอร์หัวหน้ายามจาก googel ว่าบริษัทนี้ใครเป็นผู้ดูแลยาม และได้โทรติดต่อไป ปรากฎว่า
ปลายสาย : ฮาโหลครับ
ดิฉัน : คุณ..... หัวหน้ายามรักษาความปลอดภัยที่หมู่บ้าน ...... ใช่ไหมคะ
ปลายสาย : ไม่ใช่ครับ แต่ผมเป็นเจ้าของบริษัท
ดิฉัน : ขอประทานโทษด้วยคะ ดิฉันอาศัยอยู่หมู่บ้าน.................. และได้เล่าเหตุการที่เกิดขึ้นตามข้างบนให้เขาฟัง แล้วบอกเขาว่ามันเป็นมาตราการของบริษัทจริงหรือไม่ แล้วทำแบบนี้มันไม่ผิดกฎหมายหรือ
ปลายสาย : ครับ บริษัทเราอยากให้ผู้จ้างไว้วางใจในบริการเรา เราต้องให้พนักงานของเราไปลองเปิดประตูรถทุกคันที่จอดนอกบ้าน เพื่อรถคันไหนลืมล๊อคหรือลืมกุญแจ เราจะลงบันทึกไว้ในสมุดแล้วทำการแจ้งให้เจ้าของรถทราบ
ดิฉัน : แล้วถ้าสมุดจดบันทึกมันไปตกอยู่กับมิจฉาชีพแล้วมันเข้ามาทำการขโมยรถละคะมันยิ่งไม่เป็นการสร้างความเสี่ยงให้ลูกบ้านหรือคะ และอีกประเด็นลืมล๊อครถหรือล๊อคเสียแล้วยามเปิดประตูเข้าไปในรถแล้วของเกิดหายรถเกิดหายใครจะรับผิดชอบ
ปลายสาย : ยามเขาไม่ทำแน่นอนครับ ผมอบรมมาอย่างดี แต่ถ้ามันหายจริงๆคุณเจ้าของรถก็ต้องรับผิดชอบสิครับ
ดิฉัน : งั้นมาตราการนี้ก็ใช่ไม่ได้สิคะ ยิ่งสร้างความเสี่ยงแก่ทรัพย์สินลูกบ้าน
ปลายสาย : (ชักหงุดหงิด) เอ่อ ต่อไปถ้ารถคุณเป็นอะไรจะมาโทษยามไม่ได้นะ!!!
ดิฉัน : อ่าวคุณพูดแบบนี้ขู่กันนี้คะ แต่ไม่เป็นไรคะทุกคำพูดของคุณที่คุยกับดิฉัน ดิฉันได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานหมดแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นดิฉันก็จะไปแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ที่โทรมาไม่ได้ต้องการเอาผิดหรือคิดร้ายกับบริษัทคุณ แต่แค่มาบอกถึงการปฎิบัติหน้าที่ที่เกินหน้าที่ ให้ปรับปรุงแค่ันั้น ดิฉันขอจบการสนทนาแค่นี้นะคะ ขอบคุณที่ให้ข้อมูลคะ (วางสายไปเลย แอบมาคิดว่า ซวยแล้วอยู่บ้านคนเดียวกำลังต่อสู้กับอำนาจมืดอยู่หรือเปล่าวะ ชักกลัว )
หลังจากนั่งกลัวก็ได้ปรึกษาญาติที่เป็นตำรวจ เขาแนะนำให้ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน แต่เรากลัวว่าเรื่องจะใหญ่ และถ้าเขาเจตนาดีเราก็กลัวเราจะไปทำลายอนาคตเขา กลัวไปสารพัดเพราะเราอาศัยอยู่บ้านคนเดียว เลยโทรไปหาพี่ที่รู้จักที่นิติบุคคลของหมู่บ้าน
พี่นิติบุคคล : ว่าไงนู๋มีอะไรให้พี่รับใช้จ๊ะ
ฉัน : (เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แล้วถามว่าควรทำอย่างไง)
พี่นิติบุคคล : เดี๋ยวพี่จัดการเรื่องนี้ให้ นู๋ยังไม่ต้องไปแจ้งความนะคะ ทางนิติเราไม่ได้มีมาตราการให้ยามไปไล่เปิดรถคนอื่นแน่นอนคะ เพราะมันผิดกฎหมาย อย่างไงพี่จะแจ้งความคืบหน้าให้นู๋ทราบอีกทีนะคะ
ฉัน : ขอบคุณพี่.... มากนะคะ นู๋อยู่คนเดียวกลัวว่าถ้าเกิดเรื่องขึ้นนู่จะทำอย่างไง
พี่นิติบุคล : หมู่บ้านของเราการรักษาความปลอดภัยถือว่าเป็นอันดับ 1 เราไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นแน่นอนคะ ขอบคุณนะคะที่มาบอกพี่ก่อนไปแจ้งความ
(วางสาย..................)
คำถามนะคะ
1. ยามเขามีสิทธิ์ไปเปิดรถคนในหมู่บ้านได้โดยไม่ได้รับอนุญาติได้ด้วยหรือคะ
2. กรณีนี้นู๋ควรทำอย่างไงต่อไป
3. ตรวจสอบเซ้นทรัสล๊อคแล้ว ก็ยังใช้ได้ดีอยู่นะคะ แล้วเขาเข้าไปเปิดรถได้อย่างไง
ขออภัยถ้าใช้คำไม่ถูกต้องนะคะ พิมพ์สดๆ แถมเมื่อคืนไม่ได้นอนกลัวตลอดขึ้น จะเป็นประสาทก่อนเพราะเรื่องนี้