สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7

พระนามทั้งสามท่าน ดูจากภาพเลยค่ะ พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์นี้ ทำพิธีประดิษฐานหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่เมื่อปี 2526
เราก็เกิดไม่ทันค่ะ เกิดมาก็เห็นทั้งสามพระองค์ประทับอยู่แล้ว
ทั้งสามกำลังปรึกษาการสร้างเวียงใหม่ค่ะ เพราะเวียงเดิมคือเวียงกุมกามโดนน้ำปิงเข้าท่วม
สถานที่ทั้งสามท่านปรึกษากันคือ เชิงดอยอ้อยช้าง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเชียงใหม่ในปัจจุบัน
ดอยอ้อยช้าง ต่อมาเรียกดอยสุเทพเพราะมีฤาษีวาสุเทพขึ้นไปบำเพ็ญพรตที่นั่น
ทั้งสามพระองค์นี้ เป็นกษัตริย์จากสามเมือง คือพญามังรายเมืองเชียงใหม่ (ตอนนั้นยังไม่ได้ตั้งชื่อเมือง)
พญางำเมือง เมืองภูกามยาว (พะเยา) และพญาร่วงจากสุโขทัย
ทั้งสามพระองค์เป็นพระสหายร่วมสำนักวิชาที่เมืองละโว้ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
เมื่อสำเร็จวิชาก็แยกย้ายกันกลับเมืองและขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ปกครองเมืองตนเอง แต่สายสัมพันธ์ทั้งสามก็ยังแน่นแฟ้นค่ะ
พญามังรายกับพญางำเมืองไม่ได้ทะเลาะกันค่ะ ทั้งสองพระองค์เป็นพระญาติสืบสายเลือดร่วมต้นตระกูลเดียวกัน
คือปู่เจ้าลาวจก ราชวงศ์เชียงแสน ซึ่งเมืองภูกามยาวเป็นเมืองลูกหลวงของหิรัญนครเงินยางเชียงแสน
กษัตริย์ก็สืบเชื้อสายมาจากเชียงแสน (พระโอรสของกษัตริย์หิรัญนครเสด็จมาครองภูกามยาว)
พญางำเมืองเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 9 ของราชวงศ์เชียงแสนที่ปกครองภูกามยาว
ส่วนพญามังรายคือกษัตริย์รัชกาลสุดท้ายของราชวงศ์เชียงแสนที่ปกครองเชียงแสน(หิรัญนครเงินยาง)
และเป็นรัชกาลที่หนึ่งของราชวงศ์มังรายเพราะท่านย้ายเมืองหลวงจากเชียงแสนมาทางล้านนาตะวันตก ก็คือเชียงใหม่ในปัจจุบันค่ะ
เพราะฉะนั้น พญางำเมืองกับพญามังรายคือพระญาติกันค่ะ และไม่เคยรบราฆ่าฟันกัน แต่การขยายอำนาจของพญามังรายอาจจะกินดินแดนของภูกามยาวไปบ้าง
เช่นเมืองเทิง เมืองพาน ซึ่งแต่เดิมขึ้นกับภูกามยาว พญางำเมืองท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะถือว่าเป็นพระญาติกัน และสนิทกันค่ะ
จนพญามังรายท่านสร้างเชียงใหม่ได้สำเร็จ ท่านก็เวนคืนเมืองเทิงกับเมืองพานให้พญางำเมือง และมอบผอบมณีให้เป็นที่ระลึกด้วยค่ะ
จะเห็นว่าสถานะของภูกามยาวกับเชียงใหม่นั้นราบรื่นมากเพราะเป็นญาติกัน อาจจะนับเชียงรายไปด้วยก็ได้ (ตอนนั้นเรียกเชียงแสน)
พะเยา เชียงราย มีบทบาทสำคัญในการเป็นแนวร่วมสนับสนุนราชวงศ์มังรายในการทหาร การเมืองและการรบค่ะ
สถานะจะต่างกับเมืองหริภุญชัยและลำปางที่ไม่ใช่ราชวงศ์เชียงแสน ซึ่งพญามังรายท่านใช้ไม้แข็งเข้าไปปราบ
คือเผาเมือง ล้มราชวงศ์เดิม และตั้งเชียงใหม่ขึ้นมาเป็นศูนย์กลางแทน ส่วนด้านตะวันออก พะเยากับเชียงราย เป็นหน่วยสนับสนุน
ถ้าดูประวัติศาสตร์การปกครองเชียงใหม่ เราจะเห็นพะเยากับเชียงรายมีบทบาทสำคัญหลายอย่างในการช่วยเชียงใหม่
เมื่อสมัยที่ลำปางมีอำนาจ พวกขุนนางเมืองลำปางรวมกลุ่มกันต่อต้านราชวงศ์มังรายในเชียงใหม่
พระนางจิรประภาก็เชิญพระญาติจากพะเยาและเชียงรายเข้ามาช่วย ซึ่งตอนนั้น พระเกษเมืองเกล้าถูกลอบปลงพระชนม์ไปแล้วค่ะ
ราชวงศ์เชียงแสนสายล้านนาตะวันออกก็ถือเป็นพันธมิตรสำคัญของเชียงใหม่ เพราะเข้ามาในเวียงแล้วจับพวกลำปางสังหารไปมาก
ราชวงศ์มังรายถึงได้ประคองตัวไปได้จนถึงสมัยพระเจ้าเมกุสุทธิวงศ์
ย้อนกลับมาที่เรื่องสามกษัตริย์นะคะ สังเกตดูรูปดี ๆ รูปนี้แฝงอะไรหลายอย่าง เราจะอธิบายให้ฟัง
แต่บอกก่อนว่า เรื่องนี้บันทึกไว้อย่างไม่เป็นทางการ ไม่ใช่บันทึกประวัติศาสตร์ แต่เป็นเหมือนกอสซิบซะมากกว่า
อ่านแล้วก็อย่าเอาเรื่องนี้ไปเป็นประเด็นใด ๆ เลยค่ะ ฟังไว้สนุก ๆ ดีกว่า
และช่างปั้นพระรูปนี้ น่าจะฟังเรื่องนี้มาด้วย ถึงได้ปั้นพระรูปสามกษัตริย์ออกมาแบบนี้
สังเกตว่าพญามังรายซึ่งประทับกลาง ท่านกำลังไกล่เกลี่ยให้ทั้งพระสหายทั้งสองข้างประนีประนอมยอมความกัน
พญางำเมืองแบพระหัตถ์ออก พญาร่วงชี้เลือกของในพระหัตถ์พญางำเมือง
เรื่องมีอยู่ว่า ขณะทั้งสามพระองค์เสด็จไปภูกามยาว ขณะประทับอยู่ริมแม่น้ำอิงได้กระทำสัตย์สาบานเป็นพี่น้องกัน
หลังจากนั้นมา ก็ได้เสด็จไปเยี่ยมกันอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะพญาร่วงนั้น ท่านเสด็จมาค่อนข้างบ่อย จนทางเสด็จที่ผ่านลานหิน
เกิดเป็นร่องลึก เรียกว่าแม่ร่องช้าง (ช้างนำ เกวียนวัวควายตาม) แม่ร่องช้างนี้ ปัจจุบันยังปรากฏอยู่ที่พะเยาค่ะ
ช่วงนั้นพญามังรายท่านก็กำลังยุ่งกับเวียงกุมกาม น้ำก็มีทีท่าจะท่วมเมือง
พญาร่วงก็เสด็จประทับที่ภูกามยาวสำราญพระทัย และเกิดต้องตากับพระนางอั้วเชียงแสน มเหสีของพญางำเมือง
สุดท้ายก็ลอบเข้าหา และอาจจะตรงกับสุภาษิตสมัยนี้ที่ว่า กำแพงมีหู ประตูมีช่อง
ลูกผู้ชายชาวเหนือเขาถือสัตย์กันค่ะ พญางำเมืองท่านเสียพระทัยมาก และสั่งคุมขังพญาร่วงไว้ในคุก
พญามังรายท่านรู้ข่าวเข้าก็คิดว่า หากพะเยากักตัวพญาร่วงไว้ อาจจะเกิดศึกระหว่างเมืองขึ้น ท่านเลยเสด็จไปไกล่เกลี่ยให้ค่ะ
ว่ากันว่า พญางำเมืองท่านเป็นชายใจเดียวค่ะ ค่อนข้างเป็นชายสุภาพบุรุษทีเดียว เจอเรื่องแบบนี้ท่านทำใจไม่ได้
จะฆ่าพญาร่วงเสียก็เห็นว่าเป็นเพื่อน เห็นเมียรักร้องไห้ก็ไม่รู้จะทำไง ก็ได้พญามังรายท่านมาไกล่เกลี่ย
พยายามหาเรื่องงานมาให้เพื่อนลืมเรื่องบาดหมาง ตอนพากันไปที่เวียงใหม่เพื่อปรึกษาการสร้างเมือง พญามังรายท่านก็วางหมากไว้กลางมือพญางำเมือง
ท่านก็ประทับกลาง พญาร่วงประทับซ้าย (ซ้ายของพญามังราย) ท่านให้พญาร่วงเลือกว่าจะเอาหมากคำไหน
หมากคำนึงคือตาย หมากคำนึงคือขอสูมา คือขอโทษ แล้วแต่งของมาถวายพญางำเมือง
พญาร่วงท่านก็เลือกหมากคำที่สอง เรื่องโดนบังคับให้จบแบบนี้ค่ะ เพราะคนสมัยก่อนเขาถือสัตย์กัน
ยอมความแล้ว ไม่ติดใจเอาความตอนหลังอีก
เมื่อปรึกษาและเลือกที่ตั้งเมืองได้แล้ว พญามังรายท่านตั้งที่ประทับชั่วคราวใกล้กับวัดเชียงมั่นในปัจจุบัน (สมัยนั้นยังไม่มีเมือง ไม่มีวัด)
เลือกได้ที่ราบเชิงดอยอ้อยช้าง และสร้างเมืองเชียงใหม่ พญามังรายท่านประทานชื่อเมืองว่า นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
หมายถึงเมืองใหม่ที่อยู่ใกล้แม่น้ำปิง (เมืองเก่าคือเวียงเชียงแสน)
ส่วนเรื่องราวของพญางำเมืองกับพระนางอั้วเชียงแสนยังไม่จบค่ะ พญางำเมืองท่านเสียพระทัยมาก ไม่ได้เสด็จประทับกับพระนางอีกเลย
พญามังรายท่านเลยประทานหญิงในราชวงศ์เชียงแสนจากเชียงรายให้ หวังให้พระสหายลืมเรื่องนี้ไป
แต่เหตุการณ์กลับร้ายกว่าเดิมค่ะ พระนางอั้วเชียงแสนเกิดตรอมใจตายไป เพราะเห็นพญางำเมืองมีหญิงคนใหม่
สุดท้ายแล้ว ช่วงปลายรัชกาล พญางำเมืองท่านสละราชสมบัติแล้วเสด็จไปประทับที่เมืองงาวจนสิ้นพระชนม์
ดูท่านจะไม่มีหญิงใดอีก
พญางำเมืองพระองค์นี้ พระนามท่านหมายถึงผู้มีอิทธิฤทธิ์มาก ไปไหนฝนไม่ตก แดดไม่ร้อน คือไปไหนก็ฟ้าบดราวกับเป็นผู้มีบุญญาธิการ
ยุคสมัยของท่านเป็นยุครุ่งเรืองที่สุดของพะเยา พอสิ้นยุคท่าน พะเยาก็ตกเป็นเมืองขึ้นของเชียงใหม่ และถูกรวมเป็นดินแดนล้านนา
ส่วนพญามังราย ตามจารึกวัดเชียงมั่น จารึกพระนามท่านว่ามังรายค่ะ ไม่ใช่เม็ง แต่ก่อนเราเรียกเม็ง เพราะท่านมาจากสายลาวเม็ง
แต่เมื่อดูจากจารึกวัดเชียงมั่นซึ่งเป็นเขตพระราชฐานของพระองค์ พระนามที่ถูกต้องคือ มังราย
แต่อำเภอพญาเม็งราย โรงพยาบาล สถานที่ต่าง ๆ ได้ใช้เม็งไปหมดแล้ว เลยไม่ได้เปลี่ยน
ใครไปเชียงใหม่ อย่าลืมเที่ยววัดเชียงมั่นค่ะ เพราะเป็นวัดหลวงที่พญามังรายโปรดให้สร้างขึ้นในเขตพระราชฐานที่ประทับเมื่อคราวสร้างเมือง
วัดนี้เป็นวัดแรกในเมืองเชียงใหม่ ถือเป็นวัดสำคัญที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จัก เพราะรู้จักแต่วัดดอยสุเทพกับวัดพระสิงห์ซึ่งสร้างมาหลังยุคพญามังราย

พระนามทั้งสามท่าน ดูจากภาพเลยค่ะ พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์นี้ ทำพิธีประดิษฐานหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่เมื่อปี 2526
เราก็เกิดไม่ทันค่ะ เกิดมาก็เห็นทั้งสามพระองค์ประทับอยู่แล้ว
ทั้งสามกำลังปรึกษาการสร้างเวียงใหม่ค่ะ เพราะเวียงเดิมคือเวียงกุมกามโดนน้ำปิงเข้าท่วม
สถานที่ทั้งสามท่านปรึกษากันคือ เชิงดอยอ้อยช้าง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเชียงใหม่ในปัจจุบัน
ดอยอ้อยช้าง ต่อมาเรียกดอยสุเทพเพราะมีฤาษีวาสุเทพขึ้นไปบำเพ็ญพรตที่นั่น
ทั้งสามพระองค์นี้ เป็นกษัตริย์จากสามเมือง คือพญามังรายเมืองเชียงใหม่ (ตอนนั้นยังไม่ได้ตั้งชื่อเมือง)
พญางำเมือง เมืองภูกามยาว (พะเยา) และพญาร่วงจากสุโขทัย
ทั้งสามพระองค์เป็นพระสหายร่วมสำนักวิชาที่เมืองละโว้ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
เมื่อสำเร็จวิชาก็แยกย้ายกันกลับเมืองและขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ปกครองเมืองตนเอง แต่สายสัมพันธ์ทั้งสามก็ยังแน่นแฟ้นค่ะ
พญามังรายกับพญางำเมืองไม่ได้ทะเลาะกันค่ะ ทั้งสองพระองค์เป็นพระญาติสืบสายเลือดร่วมต้นตระกูลเดียวกัน
คือปู่เจ้าลาวจก ราชวงศ์เชียงแสน ซึ่งเมืองภูกามยาวเป็นเมืองลูกหลวงของหิรัญนครเงินยางเชียงแสน
กษัตริย์ก็สืบเชื้อสายมาจากเชียงแสน (พระโอรสของกษัตริย์หิรัญนครเสด็จมาครองภูกามยาว)
พญางำเมืองเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 9 ของราชวงศ์เชียงแสนที่ปกครองภูกามยาว
ส่วนพญามังรายคือกษัตริย์รัชกาลสุดท้ายของราชวงศ์เชียงแสนที่ปกครองเชียงแสน(หิรัญนครเงินยาง)
และเป็นรัชกาลที่หนึ่งของราชวงศ์มังรายเพราะท่านย้ายเมืองหลวงจากเชียงแสนมาทางล้านนาตะวันตก ก็คือเชียงใหม่ในปัจจุบันค่ะ
เพราะฉะนั้น พญางำเมืองกับพญามังรายคือพระญาติกันค่ะ และไม่เคยรบราฆ่าฟันกัน แต่การขยายอำนาจของพญามังรายอาจจะกินดินแดนของภูกามยาวไปบ้าง
เช่นเมืองเทิง เมืองพาน ซึ่งแต่เดิมขึ้นกับภูกามยาว พญางำเมืองท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะถือว่าเป็นพระญาติกัน และสนิทกันค่ะ
จนพญามังรายท่านสร้างเชียงใหม่ได้สำเร็จ ท่านก็เวนคืนเมืองเทิงกับเมืองพานให้พญางำเมือง และมอบผอบมณีให้เป็นที่ระลึกด้วยค่ะ
จะเห็นว่าสถานะของภูกามยาวกับเชียงใหม่นั้นราบรื่นมากเพราะเป็นญาติกัน อาจจะนับเชียงรายไปด้วยก็ได้ (ตอนนั้นเรียกเชียงแสน)
พะเยา เชียงราย มีบทบาทสำคัญในการเป็นแนวร่วมสนับสนุนราชวงศ์มังรายในการทหาร การเมืองและการรบค่ะ
สถานะจะต่างกับเมืองหริภุญชัยและลำปางที่ไม่ใช่ราชวงศ์เชียงแสน ซึ่งพญามังรายท่านใช้ไม้แข็งเข้าไปปราบ
คือเผาเมือง ล้มราชวงศ์เดิม และตั้งเชียงใหม่ขึ้นมาเป็นศูนย์กลางแทน ส่วนด้านตะวันออก พะเยากับเชียงราย เป็นหน่วยสนับสนุน
ถ้าดูประวัติศาสตร์การปกครองเชียงใหม่ เราจะเห็นพะเยากับเชียงรายมีบทบาทสำคัญหลายอย่างในการช่วยเชียงใหม่
เมื่อสมัยที่ลำปางมีอำนาจ พวกขุนนางเมืองลำปางรวมกลุ่มกันต่อต้านราชวงศ์มังรายในเชียงใหม่
พระนางจิรประภาก็เชิญพระญาติจากพะเยาและเชียงรายเข้ามาช่วย ซึ่งตอนนั้น พระเกษเมืองเกล้าถูกลอบปลงพระชนม์ไปแล้วค่ะ
ราชวงศ์เชียงแสนสายล้านนาตะวันออกก็ถือเป็นพันธมิตรสำคัญของเชียงใหม่ เพราะเข้ามาในเวียงแล้วจับพวกลำปางสังหารไปมาก
ราชวงศ์มังรายถึงได้ประคองตัวไปได้จนถึงสมัยพระเจ้าเมกุสุทธิวงศ์
ย้อนกลับมาที่เรื่องสามกษัตริย์นะคะ สังเกตดูรูปดี ๆ รูปนี้แฝงอะไรหลายอย่าง เราจะอธิบายให้ฟัง
แต่บอกก่อนว่า เรื่องนี้บันทึกไว้อย่างไม่เป็นทางการ ไม่ใช่บันทึกประวัติศาสตร์ แต่เป็นเหมือนกอสซิบซะมากกว่า
อ่านแล้วก็อย่าเอาเรื่องนี้ไปเป็นประเด็นใด ๆ เลยค่ะ ฟังไว้สนุก ๆ ดีกว่า
และช่างปั้นพระรูปนี้ น่าจะฟังเรื่องนี้มาด้วย ถึงได้ปั้นพระรูปสามกษัตริย์ออกมาแบบนี้
สังเกตว่าพญามังรายซึ่งประทับกลาง ท่านกำลังไกล่เกลี่ยให้ทั้งพระสหายทั้งสองข้างประนีประนอมยอมความกัน
พญางำเมืองแบพระหัตถ์ออก พญาร่วงชี้เลือกของในพระหัตถ์พญางำเมือง
เรื่องมีอยู่ว่า ขณะทั้งสามพระองค์เสด็จไปภูกามยาว ขณะประทับอยู่ริมแม่น้ำอิงได้กระทำสัตย์สาบานเป็นพี่น้องกัน
หลังจากนั้นมา ก็ได้เสด็จไปเยี่ยมกันอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะพญาร่วงนั้น ท่านเสด็จมาค่อนข้างบ่อย จนทางเสด็จที่ผ่านลานหิน
เกิดเป็นร่องลึก เรียกว่าแม่ร่องช้าง (ช้างนำ เกวียนวัวควายตาม) แม่ร่องช้างนี้ ปัจจุบันยังปรากฏอยู่ที่พะเยาค่ะ
ช่วงนั้นพญามังรายท่านก็กำลังยุ่งกับเวียงกุมกาม น้ำก็มีทีท่าจะท่วมเมือง
พญาร่วงก็เสด็จประทับที่ภูกามยาวสำราญพระทัย และเกิดต้องตากับพระนางอั้วเชียงแสน มเหสีของพญางำเมือง
สุดท้ายก็ลอบเข้าหา และอาจจะตรงกับสุภาษิตสมัยนี้ที่ว่า กำแพงมีหู ประตูมีช่อง
ลูกผู้ชายชาวเหนือเขาถือสัตย์กันค่ะ พญางำเมืองท่านเสียพระทัยมาก และสั่งคุมขังพญาร่วงไว้ในคุก
พญามังรายท่านรู้ข่าวเข้าก็คิดว่า หากพะเยากักตัวพญาร่วงไว้ อาจจะเกิดศึกระหว่างเมืองขึ้น ท่านเลยเสด็จไปไกล่เกลี่ยให้ค่ะ
ว่ากันว่า พญางำเมืองท่านเป็นชายใจเดียวค่ะ ค่อนข้างเป็นชายสุภาพบุรุษทีเดียว เจอเรื่องแบบนี้ท่านทำใจไม่ได้
จะฆ่าพญาร่วงเสียก็เห็นว่าเป็นเพื่อน เห็นเมียรักร้องไห้ก็ไม่รู้จะทำไง ก็ได้พญามังรายท่านมาไกล่เกลี่ย
พยายามหาเรื่องงานมาให้เพื่อนลืมเรื่องบาดหมาง ตอนพากันไปที่เวียงใหม่เพื่อปรึกษาการสร้างเมือง พญามังรายท่านก็วางหมากไว้กลางมือพญางำเมือง
ท่านก็ประทับกลาง พญาร่วงประทับซ้าย (ซ้ายของพญามังราย) ท่านให้พญาร่วงเลือกว่าจะเอาหมากคำไหน
หมากคำนึงคือตาย หมากคำนึงคือขอสูมา คือขอโทษ แล้วแต่งของมาถวายพญางำเมือง
พญาร่วงท่านก็เลือกหมากคำที่สอง เรื่องโดนบังคับให้จบแบบนี้ค่ะ เพราะคนสมัยก่อนเขาถือสัตย์กัน
ยอมความแล้ว ไม่ติดใจเอาความตอนหลังอีก
เมื่อปรึกษาและเลือกที่ตั้งเมืองได้แล้ว พญามังรายท่านตั้งที่ประทับชั่วคราวใกล้กับวัดเชียงมั่นในปัจจุบัน (สมัยนั้นยังไม่มีเมือง ไม่มีวัด)
เลือกได้ที่ราบเชิงดอยอ้อยช้าง และสร้างเมืองเชียงใหม่ พญามังรายท่านประทานชื่อเมืองว่า นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
หมายถึงเมืองใหม่ที่อยู่ใกล้แม่น้ำปิง (เมืองเก่าคือเวียงเชียงแสน)
ส่วนเรื่องราวของพญางำเมืองกับพระนางอั้วเชียงแสนยังไม่จบค่ะ พญางำเมืองท่านเสียพระทัยมาก ไม่ได้เสด็จประทับกับพระนางอีกเลย
พญามังรายท่านเลยประทานหญิงในราชวงศ์เชียงแสนจากเชียงรายให้ หวังให้พระสหายลืมเรื่องนี้ไป
แต่เหตุการณ์กลับร้ายกว่าเดิมค่ะ พระนางอั้วเชียงแสนเกิดตรอมใจตายไป เพราะเห็นพญางำเมืองมีหญิงคนใหม่
สุดท้ายแล้ว ช่วงปลายรัชกาล พญางำเมืองท่านสละราชสมบัติแล้วเสด็จไปประทับที่เมืองงาวจนสิ้นพระชนม์
ดูท่านจะไม่มีหญิงใดอีก
พญางำเมืองพระองค์นี้ พระนามท่านหมายถึงผู้มีอิทธิฤทธิ์มาก ไปไหนฝนไม่ตก แดดไม่ร้อน คือไปไหนก็ฟ้าบดราวกับเป็นผู้มีบุญญาธิการ
ยุคสมัยของท่านเป็นยุครุ่งเรืองที่สุดของพะเยา พอสิ้นยุคท่าน พะเยาก็ตกเป็นเมืองขึ้นของเชียงใหม่ และถูกรวมเป็นดินแดนล้านนา
ส่วนพญามังราย ตามจารึกวัดเชียงมั่น จารึกพระนามท่านว่ามังรายค่ะ ไม่ใช่เม็ง แต่ก่อนเราเรียกเม็ง เพราะท่านมาจากสายลาวเม็ง
แต่เมื่อดูจากจารึกวัดเชียงมั่นซึ่งเป็นเขตพระราชฐานของพระองค์ พระนามที่ถูกต้องคือ มังราย
แต่อำเภอพญาเม็งราย โรงพยาบาล สถานที่ต่าง ๆ ได้ใช้เม็งไปหมดแล้ว เลยไม่ได้เปลี่ยน
ใครไปเชียงใหม่ อย่าลืมเที่ยววัดเชียงมั่นค่ะ เพราะเป็นวัดหลวงที่พญามังรายโปรดให้สร้างขึ้นในเขตพระราชฐานที่ประทับเมื่อคราวสร้างเมือง
วัดนี้เป็นวัดแรกในเมืองเชียงใหม่ ถือเป็นวัดสำคัญที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จัก เพราะรู้จักแต่วัดดอยสุเทพกับวัดพระสิงห์ซึ่งสร้างมาหลังยุคพญามังราย
แสดงความคิดเห็น
ถามเรื่องอนุสาวรีย์ สามกษัตริย์ ของจ.เชียงใหม่ครับ
ตามรูปภาพข้างบนเลยครับ เป้นรูปของ อนุสาวรีย์ สามกษัตริย์ ที่ จ.เชียงใหม่น่ะครับ
ผมอยากทราบครับว่า องค์ไหนคือใครบ้างน่ะครับ เท่าที่ทราบมา คือ พญามังราย พญางำเมือง แล้วก็พ่อขุนรามคำแหง
แต่เรื่องของเ้รื่องผมอยากรู้ละเอียดกว่านั้นครับ คืออยากทราบว่า ตามรูปข้างบน องค์ไหน คือใครบ้างครับ ตามลำดับเลยครับ
ขวา กลาง ซ้ายน่ะครับ