กรณีที่นายกฯปูขี้หย้องพยายามสร้างข่าวใหญ่โตอ้างว่านายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ที่เพิ่งมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ตกลงจะซื้อข้าวจากไทยเพิ่มเติมจากเดิมที่มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ(MOU) ที่จะซื้อข้าวจำนวน 1 ล้านตัน ในเวลา 5 ปี หรือปีละ 2 แสนตันเป็นปีละ 1 ล้านตัน เป็นเวลา 5 ปี
ข่าวดังกล่าวได้สร้างความสงสัยแก่บรรดาผู้รู้และบรรดาผู้ส่งออกข้าวเป็นอย่างมากที่ผู้นำจีนเปลี่ยนแปลงท่าทีในเวลาแค่วันเดียวหลังจากลงนามใน MOU และที่สำคัญมีข้อน่าสังเกตว่าเป็นการสร้างข่าวฝ่ายเดียวของฝ่ายไทยหลังจากที่ผู้นำจีนเดินทางกลับแล้ว อีกทั้งคือฝ่ายจีนไม่เคยออกมายืนยันตัวเลขรายละเอียดการซื้อข้าวจากไทยแม้แต่นิดเดียว
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า MOU เป็นเพียงบันทึกการเจรจาเบื้องต้นซึ่งไม่ใช่ข้อตกลงและไม่มีพันธะผูกขาดผูกมัดๆ ใดสำหรับประเทศคู่เจรจา อีกทั้งปกติหลังลงนามใน MOU ยังมีขั้นตอนรายละเอียดการเจรจาอีกนานกว่าจะบรรลุเป็นข้อตกลงและลงนามในสัญญาซื้อขายจริงและที่สำคัญกว่านั้นที่ผ่านมา MOU ระหว่างไทยกับจีนหลายฉบับก็มีการยกเลิกกลางคันเนื่องจากไม่สามารถตกลงกันได้ในรายละเอียดเงื่อนไขบางประการซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับการทำ MOU
การที่ นายกฯปูขี้หย้อง สร้างข่าวอ้างว่าจีนจะซื้อข้าวจากไทยปีละ 1 ล้านตันนั้น มีการตรวจสอบไปยังบริษัทคอฟโก ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนที่รับผิดชอบการซื้อข้าวจากต่างประเทศและมีตัวแทนร่วมเดินทางมากับคณะของนายกฯจีนที่เยือนไทยครั้งนี้ด้วย ชี้แจงด้วยความงุนงงต่อข่าวไทยจะขายข้าว 1.2 ล้านตันให้บริษัทเป่ยต้าหวงกรุ๊ป ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเฮยหลงเจียง มณฑลฮาบิน พร้อมทั้งให้ความเห็นว่าปกติเมืองเฮยหลงเจียง นำเข้าข้าวปริมาณน้อยมากและบริโภคข้าวเมล็ดสั้นไม่ใช่ข้าวเมล็ดยาวแบบของไทย
ขณะที่แหล่งข่าววงการผู้ส่งออกข้าวตั้งข้อสังเกตว่า การประกาศว่าจีนจะซื้อข้าวไทยปีละ 1 ล้านตัน เป็นเวลา 5 ปีน่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์มากกว่า เพราะจากข้อเท็จจริงจีนไม่เคยนำเข้าข้าวจากไทยเกินปีละ 5 แสนตัน มานานแล้ว โดยหันไปนำเข้าข้าวจากเวียดนามและปากีสถานแทนเพราะมีราคาถูกกว่าข้าวไทยถึงกับเท่าตัว
ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งก็คือ ใน MOU ทางการจีนซื้อข้าวจากภาคเอกชน ไม่ได้ซื้อแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี อย่างที่รัฐบาลลวงโลกอ้าง
เพราะฉะนั้นหาก นายกฯปูขี้หย้องต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้โกหกกรณีจีนซื้อข้าวไทยเพิ่มเป็นปีละ 1 ล้านตันก็ต้องแสดงหลักฐานหนังสือสัญญาและรายละเอียดต่างๆ ต่อสาธารณะอย่างชัดเจนว่าจีนจะซื้อข้าวจากไทยจำนวนและราคาตันละเท่าไหร่ ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลเคยโกหกมาหลายครั้งว่าจีนซื้อข้าวจากไทยแบบจีทูจีแต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่าโกหกทั้งเพ
รัฐบาลนายกฯปูขี้หย้อง นอกจากจะโกหกตีกินอย่างไม่ละอายแล้ว นโยบายรับจำนำข้าวยังเต็มไปด้วยการโกงบ้านกินเมืองมโหฬารและกำลังจะนำพาประเทศไปสู่ความล่มจม โดยล่าสุด ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล หรือ “หม่อมอุ๋ย”อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง ชี้ว่าโครงการรับจำนำข้าวกำลังทำลายฐานะการคลังของประเทศอย่างรุนแรงโดย 2 ปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินโครงการนี้ทำให้ประเทศขาดทุนแล้วประมาณ 410,000 ล้านบาท โดยผู้ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่คือนักการเมือง และพ่อค้าโรงสี ขณะที่ชาวนาได้ประโยชน์เพียง 210,000 ล้านบาท
“หม่อมอุ๋ย” เรียกร้องให้รัฐบาลเลิกโครงการรับจำนำข้าวก่อนชาติล่มจมซึ่งหากยังขืนดันทุรังเดินหน้าต่อไปเท่ากับสนับสนุนคอร์รัปชั่นและหากเป็นเช่นนั้นรัฐบาลก็ไม่ควรอยู่บริหารประเทศต่อไป
เพราะฉะนั้นใครเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของ “หม่อมอุ๋ย” ให้ออกมาแสดงพลังในฐานะเจ้าของประเทศตัวจริง
ที่มา:
http://www.naewna.com/creative/72942
ปล.ตรูว่าแล้ว นายกฯปูขี้หย้อง....หลอกได้แต่ ควายแดง....เอิ๊ก ๆ ๆ
จับโกหก นายกปูขี้หย้อง สร้างข่าวขายข้าวให้จีน!
ข่าวดังกล่าวได้สร้างความสงสัยแก่บรรดาผู้รู้และบรรดาผู้ส่งออกข้าวเป็นอย่างมากที่ผู้นำจีนเปลี่ยนแปลงท่าทีในเวลาแค่วันเดียวหลังจากลงนามใน MOU และที่สำคัญมีข้อน่าสังเกตว่าเป็นการสร้างข่าวฝ่ายเดียวของฝ่ายไทยหลังจากที่ผู้นำจีนเดินทางกลับแล้ว อีกทั้งคือฝ่ายจีนไม่เคยออกมายืนยันตัวเลขรายละเอียดการซื้อข้าวจากไทยแม้แต่นิดเดียว
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า MOU เป็นเพียงบันทึกการเจรจาเบื้องต้นซึ่งไม่ใช่ข้อตกลงและไม่มีพันธะผูกขาดผูกมัดๆ ใดสำหรับประเทศคู่เจรจา อีกทั้งปกติหลังลงนามใน MOU ยังมีขั้นตอนรายละเอียดการเจรจาอีกนานกว่าจะบรรลุเป็นข้อตกลงและลงนามในสัญญาซื้อขายจริงและที่สำคัญกว่านั้นที่ผ่านมา MOU ระหว่างไทยกับจีนหลายฉบับก็มีการยกเลิกกลางคันเนื่องจากไม่สามารถตกลงกันได้ในรายละเอียดเงื่อนไขบางประการซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับการทำ MOU
การที่ นายกฯปูขี้หย้อง สร้างข่าวอ้างว่าจีนจะซื้อข้าวจากไทยปีละ 1 ล้านตันนั้น มีการตรวจสอบไปยังบริษัทคอฟโก ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนที่รับผิดชอบการซื้อข้าวจากต่างประเทศและมีตัวแทนร่วมเดินทางมากับคณะของนายกฯจีนที่เยือนไทยครั้งนี้ด้วย ชี้แจงด้วยความงุนงงต่อข่าวไทยจะขายข้าว 1.2 ล้านตันให้บริษัทเป่ยต้าหวงกรุ๊ป ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเฮยหลงเจียง มณฑลฮาบิน พร้อมทั้งให้ความเห็นว่าปกติเมืองเฮยหลงเจียง นำเข้าข้าวปริมาณน้อยมากและบริโภคข้าวเมล็ดสั้นไม่ใช่ข้าวเมล็ดยาวแบบของไทย
ขณะที่แหล่งข่าววงการผู้ส่งออกข้าวตั้งข้อสังเกตว่า การประกาศว่าจีนจะซื้อข้าวไทยปีละ 1 ล้านตัน เป็นเวลา 5 ปีน่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์มากกว่า เพราะจากข้อเท็จจริงจีนไม่เคยนำเข้าข้าวจากไทยเกินปีละ 5 แสนตัน มานานแล้ว โดยหันไปนำเข้าข้าวจากเวียดนามและปากีสถานแทนเพราะมีราคาถูกกว่าข้าวไทยถึงกับเท่าตัว
ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งก็คือ ใน MOU ทางการจีนซื้อข้าวจากภาคเอกชน ไม่ได้ซื้อแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี อย่างที่รัฐบาลลวงโลกอ้าง
เพราะฉะนั้นหาก นายกฯปูขี้หย้องต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้โกหกกรณีจีนซื้อข้าวไทยเพิ่มเป็นปีละ 1 ล้านตันก็ต้องแสดงหลักฐานหนังสือสัญญาและรายละเอียดต่างๆ ต่อสาธารณะอย่างชัดเจนว่าจีนจะซื้อข้าวจากไทยจำนวนและราคาตันละเท่าไหร่ ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลเคยโกหกมาหลายครั้งว่าจีนซื้อข้าวจากไทยแบบจีทูจีแต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่าโกหกทั้งเพ
รัฐบาลนายกฯปูขี้หย้อง นอกจากจะโกหกตีกินอย่างไม่ละอายแล้ว นโยบายรับจำนำข้าวยังเต็มไปด้วยการโกงบ้านกินเมืองมโหฬารและกำลังจะนำพาประเทศไปสู่ความล่มจม โดยล่าสุด ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล หรือ “หม่อมอุ๋ย”อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง ชี้ว่าโครงการรับจำนำข้าวกำลังทำลายฐานะการคลังของประเทศอย่างรุนแรงโดย 2 ปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินโครงการนี้ทำให้ประเทศขาดทุนแล้วประมาณ 410,000 ล้านบาท โดยผู้ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่คือนักการเมือง และพ่อค้าโรงสี ขณะที่ชาวนาได้ประโยชน์เพียง 210,000 ล้านบาท
“หม่อมอุ๋ย” เรียกร้องให้รัฐบาลเลิกโครงการรับจำนำข้าวก่อนชาติล่มจมซึ่งหากยังขืนดันทุรังเดินหน้าต่อไปเท่ากับสนับสนุนคอร์รัปชั่นและหากเป็นเช่นนั้นรัฐบาลก็ไม่ควรอยู่บริหารประเทศต่อไป
เพราะฉะนั้นใครเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของ “หม่อมอุ๋ย” ให้ออกมาแสดงพลังในฐานะเจ้าของประเทศตัวจริง
ที่มา:http://www.naewna.com/creative/72942
ปล.ตรูว่าแล้ว นายกฯปูขี้หย้อง....หลอกได้แต่ ควายแดง....เอิ๊ก ๆ ๆ