นิตยสารเฉพาะเกี่ยวกับการทหารฉบับหนึ่งรายงานว่า ระเบิดปรมาณูจะถูกผลิตปี]t 10 ถึง 15 ลูกโดยรัฐบาลอิสราเอล
ตามการรายงานของเว็บไซต์ข่าวอัลอาลัม "Jane's Defence Weekly" นิตยสารรายสัปดาห์เกี่ยวกับกิจการทางทหารได้เขียนว่า : อิสราเอลจะผลิตระเบิดปรมาณูที่คล้ายกับสิ่งที่ถูกนำมาใช้ในเมืองนางาซากิของญี่ปุ่น ปีละ 10 ถึง 15 ลูก
นิตยสารฉบับนี้ ได้ชี้ถึงข้อมูลต่างๆ ทางสถิติของศูนย์ "ไซบีเรีย" ซึ่งย้ำว่า "อิสราเอลเป็นเพียงประเทศเดียวที่เป็นมหาอำนาจทางด้านอาวุธนิวเคลียร์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง" พร้อมกับกล่าวว่า : อิสราเอลมีหัวรบนิวเคลียร์อยู่ในระหว่าง 100 ถึง 300 ลูก ที่สามารถจะใช้กับจรวดขีปนาวุธ เรือรบและเครื่องบินรบได้
ข้อมูลทางสถิติดังกล่าวนี้ยังแสดงให้เห็นว่า เทลอาวีฟได้ผลิตพลูโตเนียม 690 ถึง 950 กิโลกรัม และยังคงดำเนินการต่อไปในการผลิตธาตุดังกล่าวนี้ให้ได้ตามปริมาณที่จำเป็นที่จะใช้ผลิตระเบิดปรมาณูที่คล้ายกับสิ่งที่ถูกนำมาใช้ในเมืองนางาซากิของญี่ปุ่น จำนวนปีละ 10 ถึง 15 ลูก
นิตยสารทางทหารฉบับนี้ ได้เขียนต่อไปว่า : อิสราเอลจะผลิตทริเทียม (tritium) ซึ่งเป็นไอโซโทปกัมมันตรังสีและหัวรบ นิวตรอนต่างๆ จะถูกผลิตจากมัน มลพิษของกัมมันตภาพรังสีของหัวรบเหล่านี้เบาบางมาก แต่ก็เป็นอันตรายไม่น้อยทีเดียว
ในขณะเดียวกัน เว็บไซต์ “DamPress” ได้อ้างอิงคำพูดจากหนังสือพิมพ์ "IL MANIFESTO" ตีพิมพ์ในอิตาลี โดยเขียนว่า : รายงานต่างๆ จากนานาชาติ แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของอิสราเอลได้ดำเนินการในการพัฒนาอาวุธชีวและอาวุธเคมีในศูนย์วิจัยทางชีวภาพ ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง “Ness Ziona” ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเทลอาวีฟ
ศูนย์วิจัยนี้อยู่ในเครือของโรงงานผลิตนิวเคลียร์ ดิโมน่า (Dimona) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันที่เป็นความลับที่สุดของอิสราเอล โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของนายกรัฐมนตรีของอิสราเอลโดยตรง
ความลับที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับการวิจัยอาวุธชีวภาพก็คือ แบคทีเรียและไวรัสที่จะทำให้เกิดการแพร่ของโรคต่างๆ เช่น แบคทีเรีย "โรคระบาดดำ" หรือ "กาฬโรค" ในยุคกลาง และไวรัส "อีโบลา" (Ebola) ซึ่งเป็นไวรัสที่ร้ายแรงที่แพร่ระบาดโดยที่ไม่สามารถเยียวยารักษา
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ยังได้เขียนอีกว่า มีเครื่องบ่งชี้ต่างๆ ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการค้นคว้าวิจัย ซึ่งสถาบันการวิจัยต่างๆ ของอิสราเอลดำเนินอยู่เพื่อพัฒนาอาวุธชีวภาพ ที่สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย สถาบันวิจัยดังกล่าวของอิสราเอลได้ทำการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับการปฏิสนธิเชื้อต่อต้านแบคทีเรียและไวรัส เช่น โรคระบาดสัตว์ (แอนแทรกซ์) ซึ่งกระทรวงกลาโหมของอเมริกาได้ให้การสนับสนุนทางการเงินในเรื่องนี้ แต่เป็นที่ชัดเจนว่าการอนุญาตให้มีการพัฒนานี้จะก่อให้เกิดปัจจัยใหม่ที่จะเป็นสาเหตุของความป่วยไข้ต่างๆ ที่มีวัตถุประสงค์ในทางสงคราม
รายงานต่างๆ ทางด้านการแพทย์ชี้ให้เห็นว่า ทหารของอิสราเอลมีการใช้อาวุธชีวภาพในชนวนกาซ่าและในเลบานอน โดยภายนอกนั้นจะไม่ส่งผลกระทบที่เลวร้ายต่อร่างกายของคนเรา แต่จะทำลายเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกายจากภายใน และจะทำให้เกิดการติดเชื้อในไต ตับ ในกระดูกและเลือด และจะทำให้เกิดโรคต่างๆ ที่รักษาไม่หาย
ตามข้อเขียนของนิตยสารนี้ อิตาลีซึ่งมีสนธิสัญญาทางการทหารและด้านความมั่นคงร่วมกับเทลอาวีฟนั้น มีการร่วมมือกันกับระบอบไซออนิสต์ ในการผลิตอาวุธเหล่านี้ และถือเป็นพันธมิตรยุโรปประเทศแรกของอิสราเอลในด้าน "การวิจัยและพัฒนา" นี้
http://www.sahibzaman.com/index.php?view=article&catid=1%3Anews-update&id=2082%3A-15-&option=com_content&Itemid=55 
อิสราเอลผลิตระเบิดนิวเคลียร์ใหม่ปีละ 15 ลูก
ตามการรายงานของเว็บไซต์ข่าวอัลอาลัม "Jane's Defence Weekly" นิตยสารรายสัปดาห์เกี่ยวกับกิจการทางทหารได้เขียนว่า : อิสราเอลจะผลิตระเบิดปรมาณูที่คล้ายกับสิ่งที่ถูกนำมาใช้ในเมืองนางาซากิของญี่ปุ่น ปีละ 10 ถึง 15 ลูก
นิตยสารฉบับนี้ ได้ชี้ถึงข้อมูลต่างๆ ทางสถิติของศูนย์ "ไซบีเรีย" ซึ่งย้ำว่า "อิสราเอลเป็นเพียงประเทศเดียวที่เป็นมหาอำนาจทางด้านอาวุธนิวเคลียร์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง" พร้อมกับกล่าวว่า : อิสราเอลมีหัวรบนิวเคลียร์อยู่ในระหว่าง 100 ถึง 300 ลูก ที่สามารถจะใช้กับจรวดขีปนาวุธ เรือรบและเครื่องบินรบได้
ข้อมูลทางสถิติดังกล่าวนี้ยังแสดงให้เห็นว่า เทลอาวีฟได้ผลิตพลูโตเนียม 690 ถึง 950 กิโลกรัม และยังคงดำเนินการต่อไปในการผลิตธาตุดังกล่าวนี้ให้ได้ตามปริมาณที่จำเป็นที่จะใช้ผลิตระเบิดปรมาณูที่คล้ายกับสิ่งที่ถูกนำมาใช้ในเมืองนางาซากิของญี่ปุ่น จำนวนปีละ 10 ถึง 15 ลูก
นิตยสารทางทหารฉบับนี้ ได้เขียนต่อไปว่า : อิสราเอลจะผลิตทริเทียม (tritium) ซึ่งเป็นไอโซโทปกัมมันตรังสีและหัวรบ นิวตรอนต่างๆ จะถูกผลิตจากมัน มลพิษของกัมมันตภาพรังสีของหัวรบเหล่านี้เบาบางมาก แต่ก็เป็นอันตรายไม่น้อยทีเดียว
ในขณะเดียวกัน เว็บไซต์ “DamPress” ได้อ้างอิงคำพูดจากหนังสือพิมพ์ "IL MANIFESTO" ตีพิมพ์ในอิตาลี โดยเขียนว่า : รายงานต่างๆ จากนานาชาติ แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของอิสราเอลได้ดำเนินการในการพัฒนาอาวุธชีวและอาวุธเคมีในศูนย์วิจัยทางชีวภาพ ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง “Ness Ziona” ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเทลอาวีฟ
ศูนย์วิจัยนี้อยู่ในเครือของโรงงานผลิตนิวเคลียร์ ดิโมน่า (Dimona) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันที่เป็นความลับที่สุดของอิสราเอล โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของนายกรัฐมนตรีของอิสราเอลโดยตรง
ความลับที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับการวิจัยอาวุธชีวภาพก็คือ แบคทีเรียและไวรัสที่จะทำให้เกิดการแพร่ของโรคต่างๆ เช่น แบคทีเรีย "โรคระบาดดำ" หรือ "กาฬโรค" ในยุคกลาง และไวรัส "อีโบลา" (Ebola) ซึ่งเป็นไวรัสที่ร้ายแรงที่แพร่ระบาดโดยที่ไม่สามารถเยียวยารักษา
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ยังได้เขียนอีกว่า มีเครื่องบ่งชี้ต่างๆ ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการค้นคว้าวิจัย ซึ่งสถาบันการวิจัยต่างๆ ของอิสราเอลดำเนินอยู่เพื่อพัฒนาอาวุธชีวภาพ ที่สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย สถาบันวิจัยดังกล่าวของอิสราเอลได้ทำการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับการปฏิสนธิเชื้อต่อต้านแบคทีเรียและไวรัส เช่น โรคระบาดสัตว์ (แอนแทรกซ์) ซึ่งกระทรวงกลาโหมของอเมริกาได้ให้การสนับสนุนทางการเงินในเรื่องนี้ แต่เป็นที่ชัดเจนว่าการอนุญาตให้มีการพัฒนานี้จะก่อให้เกิดปัจจัยใหม่ที่จะเป็นสาเหตุของความป่วยไข้ต่างๆ ที่มีวัตถุประสงค์ในทางสงคราม
รายงานต่างๆ ทางด้านการแพทย์ชี้ให้เห็นว่า ทหารของอิสราเอลมีการใช้อาวุธชีวภาพในชนวนกาซ่าและในเลบานอน โดยภายนอกนั้นจะไม่ส่งผลกระทบที่เลวร้ายต่อร่างกายของคนเรา แต่จะทำลายเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกายจากภายใน และจะทำให้เกิดการติดเชื้อในไต ตับ ในกระดูกและเลือด และจะทำให้เกิดโรคต่างๆ ที่รักษาไม่หาย
ตามข้อเขียนของนิตยสารนี้ อิตาลีซึ่งมีสนธิสัญญาทางการทหารและด้านความมั่นคงร่วมกับเทลอาวีฟนั้น มีการร่วมมือกันกับระบอบไซออนิสต์ ในการผลิตอาวุธเหล่านี้ และถือเป็นพันธมิตรยุโรปประเทศแรกของอิสราเอลในด้าน "การวิจัยและพัฒนา" นี้
http://www.sahibzaman.com/index.php?view=article&catid=1%3Anews-update&id=2082%3A-15-&option=com_content&Itemid=55