คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ดูเผินๆเป็หนังน่าเบื่อ ช้าๆ อืดๆ มีพระเอกแก่ๆ นางเอกแก่ๆ ลูกที่ไม่น่ารัก กับความตกต่ำในอาชีพของพระเอก
หนังได้ออสการ์ น่าจะเพราะสะท้อนชีวิตคนในยุคสมัยที่มีความรุ่งโรจน์ แต่ขาดการวางแผนชีวิต จนเดินมาลงสู่จุดตกต่ำ ต้องไปขายอาหาร ในโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งที่พระเอกยังหยุดเวลาของตัวเองไว้ ในวันรุ่งโรจน์เมื่อ 20 ปีก่อน เรียกว่าฉากหน้าหรือหัวโขน พระเอกเป็นยอดนักมวยปล้ำที่ได้รับความนิยม ยังฟังเพลงแบบเก่า ยังใช้ชีวิตเสเพล เช่นการปาร์ตี้กับสาวที่เพิ่งเจอ จนลืมนัดสำคัญกับลูกสาว ซึ่งเด็กเกินกว่าจะเข้าใจชีวิตและการให้อภัยกับคนสำคัญในครอบครัว
หนังในฉากจบพระเอกมีประโยคที่พูด และทำตัวประชด เนื่องจากรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองในชีวิตจริง ทั้งลูกสาวทอดทิ้ง นางโชว์ปฏิเสธ และลูกค้าร้านขายอาหารต้องมาเห็นแชมป์มวยปล้ำขายอาหาร ทำให้พระเอกซึ่งติดกับภาพฝัน สิ่งที่อุปโลกขึ้นมาบนโลกใบนี้ รับไม่ได้กับสภาพตนเอง และหันกลับไปหาภาพฝัน แม้ร่างกายนั้นเกินกว่าจะรับได้ ซึ่งแม้ภายหลัง นางโชว์จะกลับมาให้โอกาสเค้าอีกครั้ง แต่การปฏิเสธโอกาสแก่นางโชว์ เหมือนกับการได้ใช้ อีโก้ขั้นสูงสุด สังเวยด้วยชีวิต ซึ่งนางโชว์ได้เดินจากไป เพราะทนดูไม่ได้
เกิน 10 บรรทัดแล้ว แต่อยากบอกว่า หนังได้สะท้อนให้เห็น การสร้างภาพลักษณ์ ความนิยมต่างๆ ของอาชีพนักมวยปล้ำ รวมถึงทุกสาขาอาชีพ เป็นเพียงส่วนนึงของชีวิต ซึ่งทุกคนต้องก้าวผ่านไป เมื่อเลยจุดนั้นมาแล้ว ( ประโยคนี้คุ้นๆนะ ) เราก็ต้องรับสภาพ ตามครรลองของชีวิต ไม่มีใคร ดูเยาว์วัย สง่างาม ดูดี " I am not as pretty as I used to be " อย่างที่พระเอกบอกนั่นแหล่ะ ( มันก็เข้าใจนี่หว่า แต่อีโก้แรงกว่าความเข้าใจ )
เมื่อยามเราเข้าวัยโรยรา การปรับตัวยอมรับ ว่า อดีตคือสิ่งที่ไม่สามารถทำได้เหมือนเดิมแล้ว และทำในสิ่งที่ตัวเองสมควรทำ คือแก่นแท้ของชีวิตมากกว่า แต่คนเราหลายคน หรือหลายล้านคน เลือกที่จะเดินไปบนหนทาง ทรนง และจบลงอย่าง The Wrestler คนนี้
หนังได้ออสการ์ น่าจะเพราะสะท้อนชีวิตคนในยุคสมัยที่มีความรุ่งโรจน์ แต่ขาดการวางแผนชีวิต จนเดินมาลงสู่จุดตกต่ำ ต้องไปขายอาหาร ในโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งที่พระเอกยังหยุดเวลาของตัวเองไว้ ในวันรุ่งโรจน์เมื่อ 20 ปีก่อน เรียกว่าฉากหน้าหรือหัวโขน พระเอกเป็นยอดนักมวยปล้ำที่ได้รับความนิยม ยังฟังเพลงแบบเก่า ยังใช้ชีวิตเสเพล เช่นการปาร์ตี้กับสาวที่เพิ่งเจอ จนลืมนัดสำคัญกับลูกสาว ซึ่งเด็กเกินกว่าจะเข้าใจชีวิตและการให้อภัยกับคนสำคัญในครอบครัว
หนังในฉากจบพระเอกมีประโยคที่พูด และทำตัวประชด เนื่องจากรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองในชีวิตจริง ทั้งลูกสาวทอดทิ้ง นางโชว์ปฏิเสธ และลูกค้าร้านขายอาหารต้องมาเห็นแชมป์มวยปล้ำขายอาหาร ทำให้พระเอกซึ่งติดกับภาพฝัน สิ่งที่อุปโลกขึ้นมาบนโลกใบนี้ รับไม่ได้กับสภาพตนเอง และหันกลับไปหาภาพฝัน แม้ร่างกายนั้นเกินกว่าจะรับได้ ซึ่งแม้ภายหลัง นางโชว์จะกลับมาให้โอกาสเค้าอีกครั้ง แต่การปฏิเสธโอกาสแก่นางโชว์ เหมือนกับการได้ใช้ อีโก้ขั้นสูงสุด สังเวยด้วยชีวิต ซึ่งนางโชว์ได้เดินจากไป เพราะทนดูไม่ได้
เกิน 10 บรรทัดแล้ว แต่อยากบอกว่า หนังได้สะท้อนให้เห็น การสร้างภาพลักษณ์ ความนิยมต่างๆ ของอาชีพนักมวยปล้ำ รวมถึงทุกสาขาอาชีพ เป็นเพียงส่วนนึงของชีวิต ซึ่งทุกคนต้องก้าวผ่านไป เมื่อเลยจุดนั้นมาแล้ว ( ประโยคนี้คุ้นๆนะ ) เราก็ต้องรับสภาพ ตามครรลองของชีวิต ไม่มีใคร ดูเยาว์วัย สง่างาม ดูดี " I am not as pretty as I used to be " อย่างที่พระเอกบอกนั่นแหล่ะ ( มันก็เข้าใจนี่หว่า แต่อีโก้แรงกว่าความเข้าใจ )
เมื่อยามเราเข้าวัยโรยรา การปรับตัวยอมรับ ว่า อดีตคือสิ่งที่ไม่สามารถทำได้เหมือนเดิมแล้ว และทำในสิ่งที่ตัวเองสมควรทำ คือแก่นแท้ของชีวิตมากกว่า แต่คนเราหลายคน หรือหลายล้านคน เลือกที่จะเดินไปบนหนทาง ทรนง และจบลงอย่าง The Wrestler คนนี้
แสดงความคิดเห็น
ถามนักวิจารณ์หนังหน่อย เรื่อง The Wrestler ที่ มิกกี้ รูก เล่นน่ะครับ