คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เท่าที่อ่านมาทั้งหมดแล้ว ผมก็คงตอบแบบเดียวกับที่ ครอบครัว พี่น้อง เพื่อนฝูงคุณบอกนั่นแหละครับ
เอาล่ะ ผมจะอธิบายให้เพิ่มเติมละกัน
อย่างแรกเลยนะครับ ผมอยากจะบอกว่า คุณก็รู้อยู่เต็มอก ว่าแฟนของคุณหมดใจจากคุณไปแล้ว
คุณก็ยังไปรั้งเค้ากลับมา ยอมทำอะไรต่างๆที่ไม่ใช่ตัวคุณเอง เพื่อให้เค้าอยู่
ถามว่า คุณมีความสุขเหรอครับ?
ที่ทุกวันนี้ คุณต้องคอยกลัว คอยระแวง ว่าแฟนของคุณจะหนีไปหา ผญ คนอื่นอีก นี่คือความสุขที่คุณได้รับเหรอครับ
แล้วคุณคิดว่าอีกคนเค้ามีความสุขมั๊ยครับ
ที่ทุกวันนี้ ไม่มีใจจะอยู่แล้ว แต่ก็ต้องมาอยู่ตรงนี้ อยากจะไปใจจะขาด แต่คุณก็คอยรั้งขาของเค้าไว้
จริงๆเค้าจะไปตอนไหนก็ได้ แต่ตอนนี้เค้าอยู่ในฐานะของผู้ชนะ ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องสนใจ แล้วก็ทำดีให้คุณบ้างนิดๆหน่อยๆ
แล้วแบบนี้ คุณจะอยู่ด้วยกันไปเพื่ออะไรครับ
ผมว่ามันไม่คุ้มหรอกนะ ที่คุณจะยอมแบกรับความทุกข์มากมายเอาไว้ เพื่อแลกกับเศษเสี้ยวความสุขที่เค้าโยนมาให้
อย่างที่สอง ผมอยากให้คุณเลิกหลอกตัวเองเถอะครับ ว่าซักวันเค้าจะดีขึ้นมา
ที่ผมเห็นคุณตอนนี้ก็คือ ปิดตาไม่ยอมรับความจริง แล้วก็ได้แต่ฝันลมๆแล้งๆ หลอกตัวเองว่าซักวันเค้าจะดีขึ้นมา
ผมว่าคุณยอมรับความจริงให้ได้จะดีกว่า ว่าเค้าไม่มีใจจะอยู่แล้ว
ทำใจให้ได้เถอะครับ คุณอยู่ไปทุกวันนี้มันก็เหมือนยึดติดกับตัวบุคคล ยึดติดกับความทรงจำเก่าๆ
แล้วทุกวันนี้มันมีอะไรดีๆมาให้คุณบ้างมั๊ยครับ ... จากที่เล่ามา มันไม่มีเลย
ผมว่า คุณควรจะปล่อยให้เค้าจากไป ทิ้งความรู้สึกแย่ๆไปซะ ความทรงจำดีๆก็เก็บไว้ จะได้ไม่ต้องเกลียดขี้หน้ากัน
ยอมถอยซะตั้งแต่ตอนนี้ จะได้มีเวลาทำใจมากขึ้น ยิ่งนานวันผ่านไปมันก็มีแต่ทำร้ายตัวเองมากไปทุกวัน
ขอให้คุณตาสว่างซักทีนะครับ ผมจะเป็นกำลังใจให้ สู้ๆนะครับ
เอาล่ะ ผมจะอธิบายให้เพิ่มเติมละกัน
อย่างแรกเลยนะครับ ผมอยากจะบอกว่า คุณก็รู้อยู่เต็มอก ว่าแฟนของคุณหมดใจจากคุณไปแล้ว
คุณก็ยังไปรั้งเค้ากลับมา ยอมทำอะไรต่างๆที่ไม่ใช่ตัวคุณเอง เพื่อให้เค้าอยู่
ถามว่า คุณมีความสุขเหรอครับ?
ที่ทุกวันนี้ คุณต้องคอยกลัว คอยระแวง ว่าแฟนของคุณจะหนีไปหา ผญ คนอื่นอีก นี่คือความสุขที่คุณได้รับเหรอครับ
แล้วคุณคิดว่าอีกคนเค้ามีความสุขมั๊ยครับ
ที่ทุกวันนี้ ไม่มีใจจะอยู่แล้ว แต่ก็ต้องมาอยู่ตรงนี้ อยากจะไปใจจะขาด แต่คุณก็คอยรั้งขาของเค้าไว้
จริงๆเค้าจะไปตอนไหนก็ได้ แต่ตอนนี้เค้าอยู่ในฐานะของผู้ชนะ ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องสนใจ แล้วก็ทำดีให้คุณบ้างนิดๆหน่อยๆ
แล้วแบบนี้ คุณจะอยู่ด้วยกันไปเพื่ออะไรครับ
ผมว่ามันไม่คุ้มหรอกนะ ที่คุณจะยอมแบกรับความทุกข์มากมายเอาไว้ เพื่อแลกกับเศษเสี้ยวความสุขที่เค้าโยนมาให้
อย่างที่สอง ผมอยากให้คุณเลิกหลอกตัวเองเถอะครับ ว่าซักวันเค้าจะดีขึ้นมา
ที่ผมเห็นคุณตอนนี้ก็คือ ปิดตาไม่ยอมรับความจริง แล้วก็ได้แต่ฝันลมๆแล้งๆ หลอกตัวเองว่าซักวันเค้าจะดีขึ้นมา
ผมว่าคุณยอมรับความจริงให้ได้จะดีกว่า ว่าเค้าไม่มีใจจะอยู่แล้ว
ทำใจให้ได้เถอะครับ คุณอยู่ไปทุกวันนี้มันก็เหมือนยึดติดกับตัวบุคคล ยึดติดกับความทรงจำเก่าๆ
แล้วทุกวันนี้มันมีอะไรดีๆมาให้คุณบ้างมั๊ยครับ ... จากที่เล่ามา มันไม่มีเลย
ผมว่า คุณควรจะปล่อยให้เค้าจากไป ทิ้งความรู้สึกแย่ๆไปซะ ความทรงจำดีๆก็เก็บไว้ จะได้ไม่ต้องเกลียดขี้หน้ากัน
ยอมถอยซะตั้งแต่ตอนนี้ จะได้มีเวลาทำใจมากขึ้น ยิ่งนานวันผ่านไปมันก็มีแต่ทำร้ายตัวเองมากไปทุกวัน
ขอให้คุณตาสว่างซักทีนะครับ ผมจะเป็นกำลังใจให้ สู้ๆนะครับ
แสดงความคิดเห็น
มีปัญหาเรื่องความรักอยากปรึกษาค่ะ (ทั้งนิสัยและปัจจัยอื่นๆ)
เรากับแฟนคบกันมา 3 ปี ตั้งแต่เรียนปริญญาตรีด้วยกัน จนตอนนี้เรียนปริญญาโทแล้วค่ะ ปัญหาแรกคือเรื่องนิสัยส่วนตัวที่เราจะเป็นคนคิดมาก ขี้น้อยใจ (แต่เราไม่เคยระแวงเรื่องผู้หญิงคนอื่นกับแฟนเรา เพราะไว้ใจเค้ามาก) ขี้โวยวาย โมโหง่าย เราชอบให้แฟนเราเอาใจใส่ ดูแล พูดจาหวานๆ ให้กำลังใจเวลาที่เครียด แล้วเราก็จะเป็นคนที่ทุ่มเทกับการเรียนและงานมากๆ ส่วนแฟนเราจะเป็นคนค่อนข้างขี้เกียจ ไม่ค่อยสนใจโลก (แต่เค้าก็มีสนใจเราบ้าง) เป็น Geek ที่ชอบนั่งหน้าคอมและอ่านเทคโนโลยีต่างๆ วันละ 4 ชั่วโมง และนิสัยค่อนข้างเด็กกว่าเรามาก คือเค้าจะไม่ชอบตัดสินใจและไม่ชอบวางแผน แต่เรื่องนิสัยเหล่านี้ก็มีขัดแย้งกันบ้างค่ะ แต่ก็ไม่หนักหนาเท่าไหร่
ปัญหาจริงๆ มันเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เราเรียนจบปริญญาตรีค่ะ เพราะในช่วงที่เรียนตรีเราอยู่หอพักเดียวกันกับแฟนค่ะ (เรื่องนี้อาจจะไม่เหมาะสมนะคะ แต่อยากปรึกษาจริงๆ) การที่คนเราอยู่กันมันมีทั้งข้อดีข้อเสียค่ะ ข้อดีคือเราเห็นกันตลอดเวลา แต่ข้อเสียคือเราไม่มีเวลาให้คิดถึงกัน แต่พอเรียนจบตรี เราก็แยกย้ายกันไปพักที่บ้านใครบ้านมัน ช่วงแรกๆ ก็ทะเลาะเพราะไม่มีเวลาว่างให้กัน เพราะต่างคนต่างเตรียมตัวเรียนต่อโท ซึ่งสมัครเรียนกันคนละมหาวิทยาลัย (เราเลือกเรียนที่เดิม ส่วนแฟนเราสมัครไปอีกที่) ประกอบกับเราที่ทำงานแบบ Full time ไปด้วยก็ยิ่งไม่มีเวลาเข้าไปอีก จากที่เจอกันทุกวันก็เหลือแค่อาทิตย์ละครั้ง ครั้งละไม่กี่ชั่วโมง สำหรับการทะเลาะกันหลักๆ แล้วแฟนเราจะเป็นคนเริ่มค่ะ เพราะช่วงนั้นเค้าจะว่างกว่าเรา และเค้าก็จะมีปัญหามากๆ กับการที่เราเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับงานและเตรียมตัว Survery ข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อ Thesis ตั้งแต่ก่อนเปิดเรียน (คืออาจารย์ที่ปรึกษาเราเค้าเป็นคน Active อะค่ะ ซึ่งเป็นเรื่องดี)
ช่วงปีแรกที่เรียนปริญญาโท แฟนเราเค้าจะมีเวลาว่างมากกว่า เพราะเค้ายังไม่ได้เริ่มทำ Thesis ส่วนเราก็จัดเต็มกับงานและเรื่องเรียนตลอดเวลา แฟนเราเค้าก็ชอบว่าตลอดว่าทำไมไม่มีเวลาให้กันบ้าง ชอบเอาเวลาไปทุ่มกับงาน และอีกร้อยพันอย่างที่เค้าสรรหามาว่าเรา ซึ่งเราก็ไม่ค่อยพอใจนะคะ เพราะเราคิดว่าการที่เราทุ่มเทกับเรื่องงานและเรื่องเรียนมันไม่ได้ผิด เราทำทุกอย่างก็เพื่อให้อนาคตของเรา (และเค้า) และครอบครัวของเรา ส่วนแฟนเราเหมือนช่วงนั้นเค้ายังไม่ได้มีเพื่อนสนิทจากที่เรียนที่ใหม่ เค้าเลยค่อนข้างจะต้องการเวลาจากเรา ซึ่งช่วงนั้นเราก็ยุ่งมากจริงๆ ค่ะ ทำงานและเรียนตั้งแต่ 9 โมงถึงดึกเลยค่ะ แต่เราก็พยามนัดเจอเค้า ไปหาเค้าบ้าง โดยทุกครั้งเราจะเอางานไปทำด้วย แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเราไปให้เห็นหน้า (นี่คือสิ่งที่เราคิด) แต่แฟนเราเค้าก็ไม่พอใจอยู่ดีค่ะ เค้าต้องการให้เราหยุดทำงานเวลามาเจอเค้า ซึ่งเราทำไม่ได้ (ก็งานมันมี Dead line อะ ต้องส่ง ไม่ทำได้ไง)
แต่พอหลังจากจบปริญญาโทปีแรก เรื่องราวมันก็ค่อนข้างพลิกค่ะ เพราะว่าเราเริ่มงานน้อยลง เนื่องจากปั่นทุกอย่างไปในช่วงแรก ส่วนแฟนเราเค้าต้องเริ่มทำ Thesis ค่ะ ทีนี้กลายเป็นว่าเราว่าง เค้ายุ่ง แต่เราก็พยามเข้าใจนะคะ ซึ่งมันดูเหมือนจะราบรื่นใช่ไหมคะ แต่จริงๆ กลับแย่กว่าเดิมค่ะ เพราะแฟนเราเค้าเริ่มติดเพื่อนที่มหาลัยใหม่ค่ะ จากที่เค้าต้องกลับมาหาเราตามเวลา เค้าก็เริ่มขอเลื่อน ขอไม่กลับมา (คือขออยู่หอต่อ) แล้วก็ไม่มีเวลาคุยกันแม้แต่โทรศัพท์ค่ะ เพราะว่าเค้าตื่น 11 โมง เค้าทำงานตั้งแต่ 11-6 โมงเย็น พอ 6-7 เค้ากินข้าวและ Hang out กับเพื่อน แล้วพอ 2 ทุ่มเค้าต้องไปเล่นกีฬากับถึงสี่ทุ่ม พอกลับมาเค้าก็ต้องเล่นคอม อ่านเทคโนโลยี จะว่างจริงๆ ก็ห้าทุ่มนู่นแหละค่ะ เราก็เริ่มมีปัญหาบ้างแล้วค่ะ เพราะกลายเป็นว่าทำไมเธอไม่สนใจเค้าบ้างหละ แฟนเราเค้าก็ดูไม่เดือดร้อนนะคะกับการที่เค้าไม่มีเวลา (สงสัยเอาคืน) แต่จริงๆ แล้วเราก็เข้าใจอยู่ค่ะว่าคนเราต้องมีสังคมใหม่ มีเพื่อนบ้าง ทุ่มเทเวลาให้เพื่อนบ้าง แต่ก็อดน้อยใจ แล้วก็ชวนเค้าทะเลาะไม่ได้
แต่ปัญหาใหม่มันเกิดขึ้นตอนนี้ค่ะ ตอนที่เราทะเลาะกันหนักเข้า แล้วมันถึงจุดอิ่มตัว ช่วงนั้นแฟนเราไปสอบชิงทุน แล้วเค้าติดค่ะ ทีนี้ต้องไปสัมมนา และช่วงสัมมนาเค้าก็เจอเพื่อนใหม่อีกค่ะ ทีนี้ไม่ใช่เพื่อนธรรมดาค่ะ แต่เป็นผู้หญิงที่เรียกได้ว่าเป็นกิ๊กเป็นตัวเป็นตน จากที่เค้าไม่ใส่ใจเราอยู่แล้ว เค้าก็ยิ่งไม่ใส่ใจเรามากขึ้นไปอีก เช่น เราชวนเค้าดูหนัง แต่เค้ากลับบอกว่าไม่ดู (เราเพิ่งมารู้ทีหลังว่าเค้าไปดูกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว) แล้วเค้าก็เลือกที่จะไปหาผู้หญิงอีกคน แทนที่จะมาหาเรา ซึ่งทุกครั้งที่เค้าไปหาผู้หญิงคนนั้นจะบอกว่าไปหาเพื่อน เราก็ไม่ได้ระแวงนะคะ จนจับได้ เพราะว่าอ่าน Chat log ที่เค้าคุยกับผู้หญิงคนนั้น จริงๆ มันเป็นเรื่องบังเอิญค่ะ เพราะเราไม่ได้ตั้งใจ แต่พอเห็นข้อความในช่วงแรกที่เค้าคุยกัน ก็อดเผือกต่อไม่ได้ ทีนี้เลยกระจ่างแจ้งเลยค่ะ เค้าคุยกันจ๊ะจ๋า บอกว่าคิดถึง อยากไปหา อยากเจอ เราวีนแตกเลยค่ะ แต่แฟนเราเค้าก็ยังโทษเราอยู่ดี บอกว่าเพราะขี้โวยวายอย่างนี้ไง มีปัญหาอย่างนี้ไง เค้าเลยไปคุยกับคนอื่นดีกว่า แถมเค้าก็ไม่ยอมรับนะคะว่าเป็นกิ๊กกัน ก็ยังบอกว่าเพื่อนอยู่ดี (คือจนตอนนี้ก็ยังไม่ยอมรับค่ะ ว่าตัวเองผิดเหมือนกัน)
หลังจากนั้นเหมือนว่าเราจะต้องเป็นฝ่ายถูกง้อใช่ไหมคะ แต่กลับตาลปัตรค่ะ ยิ่งเราโวยวาย แฟนเราเค้ายิ่งสนใจผู้หญิงคนนั้นมากเข้าไปอีก (เค้าไม่เลิกคุยเพราะเป็นเพื่อนกัน) ทีนี้เหลังจากเสียศูนย์และเสียใจอยู่หลายอาทิตย์ เรารู้ว่าเราอยู่คนเดียวไม่ได้ เราเลยปรับตัวเองค่ะ พยามทำตัวเองให้ดี ให้เลิกโวยวาย แล้วกลับไปง้อเค้าค่ะ ผลที่ได้ก็คือ เค้ากลับมาค่ะ กลับมาแต่ตัว แต่หัวใจเค้ามันหายไปแล้วค่ะ เราก็พยามทำตัวให้ยอมคน ใส่ใจทุกอย่าง เค้าเลยยอมเลิกคุยกับผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้ผ่านไปสองเดือนแล้วค่ะ แต่เราก็เริ่มทะเลาะกันอีกแล้ว เพราะว่าแฟนเราเค้าก็ไม่ใส่ใจเราเหมือนเดิม เค้าไม่สนใจว่าเราจะเครียดหรือต้องการกำลังใจไหม เค้าติดเพื่อนเหมือนเดิม เค้าไม่เคยบอกเราเลยว่าตอนนี้เค้าทำอะไร อยู่ที่ไหน ขนาดว่าเค้าย้ายออกจากหอเก่าไปอยู่อีกที่นึงเค้ายังไม่ยอมบอกเราเลย ซ้ำร้ายเค้าไม่ง้อเราด้วย ทะเลาะกันทุกทีเค้าจะบอกว่าอยากทำไรก็เชิญ จะเลิกก็ได้ กลายเป็นว่าเราหมดคุณค่าไปแล้ว แล้วอีกไม่นานแฟนเราจะไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วค่ะ อีกไม่ต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งเราคิดว่าคงเป็นเวลาที่ต้องห่างกันจริงๆ
อยากขอความคิดเห็นหน่อยค่ะ ว่าเรื่องนี้เราควรจะปรับตัวยังไง ถามว่าเรารักเค้าไหม ตอบได้เต็มปากว่า “รัก” ถามว่าเราอยากเลิกกับเค้าไหม คือเราก็ไม่อยาก เพราะเค้าก็มีเรื่องดีๆ มุมน่ารักเหมือนกัน ตอนนี้ครอบครัว พี่น้อง เพื่อนฝูงหรือแม้แต่อาจารย์ก็บอกว่าเลิกกันน่าจะดีกว่า... แต่เราก็ยังไม่อยากปักใจเชื่ออยู่ดี เรายังเชื่อว่าต่อไปเค้าจะเปลี่ยน เค้าจะใส่ใจเรามากขึ้น และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เราถึงพยามประคองทุกอย่างให้มาได้ถึงทุกวันนี้...
ขอบคุณทุกคนล่วงหน้านะคะ และขอโทษด้วยถ้าเล่าสับสนไปบ้าง (และอาจจะยาวไป) คิดว่าน่าจะมีคนที่เคยเจอปัญหาคล้ายๆ กัน
ยังไงขอคำปรึกษาด้วยนะคะ