ผมขอเขียนถึงดัชนีเมื่อวานที่ลงซักหน่อย การลงแรงๆในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ต้องเกิด และจำเป็นต้องเกิด เพื่อให้การขึ้นต่อเป็นไปอย่างมั่นคง เพราะหากย้อนไปดูตั้งแต่ดัชนีดีดตัวจาก 1260 แทบจะเรียกได้ว่าขึ้นมาขาเดียวเลย ผู้ที่ขายออกมาเมื่อวานส่วนใหญ่จะเป็นนักเทคนิคที่ชำนาญในการเข้าใจธรรมชาติของระลอกคลื่นเป็นอย่างดี ซึ่งมักจะไม่พ้นมือโปรจากกองทุนหรือ พร็อพเทรด ถามว่าแล้วลงตั้ง 50 จุด มันน่ากลัวว่าจะไปนิวโลว์ใหม่มั๊ย คำตอบคือยากถึงยากมาก แม้ว่าหากมองการดีดตัวเป็นลักษณะของ Rebound มากกว่า Impulse ก็ตาม เพราะคลื่นย่อยต้องมีอย่างน้อย 3 ขา ถ้าจะให้มันจบ ส่วนจะไปสุดตรงไหน ยังบอกยากครับ หากปรับลงน้อยก็ขึ้นเยอะ หากปรับลงเยอะก็อาจขึ้นสุดได้ไม่เยอะ แต่ด้วยความที่มันต้องมีขาสุดท้าย ยังไงโอกาสนิวไฮหรือใกล้นิวไฮคงได้เห็นครับ จริงๆในขาลงนี้มันยังมีอะไรซับซ้อนอีกนิดหน่อย คือคลื่นย่อยในการปรับฐานก็ควรต้องมี 3 ขาย่อยเช่นกัน หากถ้าจะรอซื้อก็รอให้การลงมามีขาครบถ้วน ซึ่งจะไปรับแถวไหนจะเหมาะก็ขอให้ดูการเด้งอีกระลอกย่อยๆก่อน และหากลงมาในระลอกหลังมีขาครบ อาจพิจารณาเข้าไปช้อนรับได้ครับ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151754901332562&set=a.10151538654817562.1073741826.704327561&type=1&theater
ถามว่าแล้วต่อไปนี้จะเป็นอย่างไร หากดูตามแนวโน้มต่อไปนี้ ภาพรวม SET จะค่อยๆดีขึ้นและการเข้าซื้อ และรูปแบบของแท่งเทียนถือเป็นสิ่งที่ดีเลยครับ แม้ว่าจะได้แท่งแดง แต่ก็ถือว่าไม่น่ากลัว เพราะเป็นการปรับฐานไปในตัว หากไม่มีอะไรพลิกผันรุนแรงเกินกว่าที่คาด ดัชนีคงไปทดสอบนิวไฮของรอบ 1500 จุดในไม่ช้า ส่วนจะไป นิวไฮของปีหรือไม่ ยังเป็นเรื่องไกลเกินไปที่จะบอกแต่ก็จะได้การไต่ระดับดีๆอีกรอบ และต่อไปนี้หากจะปรับฐานลงมาก็คงเป็นลักษณะ Sideway ไปก่อน หากจะถามว่าแล้วจะพลิกกลับลงรุนแรงแบบ Subprime หรือต้มยำกุ้งเลยหรือไม่ อันนี้โอกาสในกรอบปีนี้คงยากครับ
หากมองภาพใหญ่หน่อย สำหรับกราฟ Week ยิ่งเห็นชัดว่ายังไม่มีอะไรน่ากังวล ยังห่างไกลกับช่วง Subprime หรือ ต้มยำกุ้งมากนัก แต่ภาพ Week ยังยากที่จะสร้างโอกาสในการไปไกลๆในรอบนี้ คงเป็นลักษณะขึ้นลงตามกรอบ หรือลักษณะ Non Trend มากกว่าครับ ส่วนแท่งเทียนระดับ Week นับตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ควรเป็นไปแบบปี 55 หากต้องไปที่จะไปยาวๆ คือได้แท่งเขียวทุกสัปดาห์โดย High-Low ควรอยู่ในกรอบ 20-40 จุด ไม่ใช่ 70-100 จุดแบบช่วงที่ผ่านมา ไม่งั้น SET ยากที่จะไหนไกลๆได้ เรียกว่า Slow But Sure ดีกว่าครับ
ปล.ส่วนตัวที่ซื้อหนักๆมาตั้งแต่ปลายสค. ยังไม่ได้ขายเลย แค่ปรับพอร์ต และทยอยหาหุ้นลงทุนที่มี MOS หรือ Story&Turnaround ดีๆเก็บไว้ประมาณ 60% ของพอร์ต เหลือ 40 % ไว้ Hedging และ Trading ซึ่งตอนนี้พอร์ตผมพึ่งทำ All Time High ไปเมื่อสัปดาห์ก่อนครับ สุดท้ายขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนครับ
แชร์มุมมองSET (เขียนไว้เมื่อ 24/9/56)
ผมขอเขียนถึงดัชนีเมื่อวานที่ลงซักหน่อย การลงแรงๆในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ต้องเกิด และจำเป็นต้องเกิด เพื่อให้การขึ้นต่อเป็นไปอย่างมั่นคง เพราะหากย้อนไปดูตั้งแต่ดัชนีดีดตัวจาก 1260 แทบจะเรียกได้ว่าขึ้นมาขาเดียวเลย ผู้ที่ขายออกมาเมื่อวานส่วนใหญ่จะเป็นนักเทคนิคที่ชำนาญในการเข้าใจธรรมชาติของระลอกคลื่นเป็นอย่างดี ซึ่งมักจะไม่พ้นมือโปรจากกองทุนหรือ พร็อพเทรด ถามว่าแล้วลงตั้ง 50 จุด มันน่ากลัวว่าจะไปนิวโลว์ใหม่มั๊ย คำตอบคือยากถึงยากมาก แม้ว่าหากมองการดีดตัวเป็นลักษณะของ Rebound มากกว่า Impulse ก็ตาม เพราะคลื่นย่อยต้องมีอย่างน้อย 3 ขา ถ้าจะให้มันจบ ส่วนจะไปสุดตรงไหน ยังบอกยากครับ หากปรับลงน้อยก็ขึ้นเยอะ หากปรับลงเยอะก็อาจขึ้นสุดได้ไม่เยอะ แต่ด้วยความที่มันต้องมีขาสุดท้าย ยังไงโอกาสนิวไฮหรือใกล้นิวไฮคงได้เห็นครับ จริงๆในขาลงนี้มันยังมีอะไรซับซ้อนอีกนิดหน่อย คือคลื่นย่อยในการปรับฐานก็ควรต้องมี 3 ขาย่อยเช่นกัน หากถ้าจะรอซื้อก็รอให้การลงมามีขาครบถ้วน ซึ่งจะไปรับแถวไหนจะเหมาะก็ขอให้ดูการเด้งอีกระลอกย่อยๆก่อน และหากลงมาในระลอกหลังมีขาครบ อาจพิจารณาเข้าไปช้อนรับได้ครับ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151754901332562&set=a.10151538654817562.1073741826.704327561&type=1&theater
ถามว่าแล้วต่อไปนี้จะเป็นอย่างไร หากดูตามแนวโน้มต่อไปนี้ ภาพรวม SET จะค่อยๆดีขึ้นและการเข้าซื้อ และรูปแบบของแท่งเทียนถือเป็นสิ่งที่ดีเลยครับ แม้ว่าจะได้แท่งแดง แต่ก็ถือว่าไม่น่ากลัว เพราะเป็นการปรับฐานไปในตัว หากไม่มีอะไรพลิกผันรุนแรงเกินกว่าที่คาด ดัชนีคงไปทดสอบนิวไฮของรอบ 1500 จุดในไม่ช้า ส่วนจะไป นิวไฮของปีหรือไม่ ยังเป็นเรื่องไกลเกินไปที่จะบอกแต่ก็จะได้การไต่ระดับดีๆอีกรอบ และต่อไปนี้หากจะปรับฐานลงมาก็คงเป็นลักษณะ Sideway ไปก่อน หากจะถามว่าแล้วจะพลิกกลับลงรุนแรงแบบ Subprime หรือต้มยำกุ้งเลยหรือไม่ อันนี้โอกาสในกรอบปีนี้คงยากครับ
หากมองภาพใหญ่หน่อย สำหรับกราฟ Week ยิ่งเห็นชัดว่ายังไม่มีอะไรน่ากังวล ยังห่างไกลกับช่วง Subprime หรือ ต้มยำกุ้งมากนัก แต่ภาพ Week ยังยากที่จะสร้างโอกาสในการไปไกลๆในรอบนี้ คงเป็นลักษณะขึ้นลงตามกรอบ หรือลักษณะ Non Trend มากกว่าครับ ส่วนแท่งเทียนระดับ Week นับตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ควรเป็นไปแบบปี 55 หากต้องไปที่จะไปยาวๆ คือได้แท่งเขียวทุกสัปดาห์โดย High-Low ควรอยู่ในกรอบ 20-40 จุด ไม่ใช่ 70-100 จุดแบบช่วงที่ผ่านมา ไม่งั้น SET ยากที่จะไหนไกลๆได้ เรียกว่า Slow But Sure ดีกว่าครับ
ปล.ส่วนตัวที่ซื้อหนักๆมาตั้งแต่ปลายสค. ยังไม่ได้ขายเลย แค่ปรับพอร์ต และทยอยหาหุ้นลงทุนที่มี MOS หรือ Story&Turnaround ดีๆเก็บไว้ประมาณ 60% ของพอร์ต เหลือ 40 % ไว้ Hedging และ Trading ซึ่งตอนนี้พอร์ตผมพึ่งทำ All Time High ไปเมื่อสัปดาห์ก่อนครับ สุดท้ายขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนครับ