สวัสดีครับ ปกติผมไม่ค่อยโพส ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นเท่าไร ได้แต่อ่านเงียบๆ หลังจากที่ได้เข้ามาศึกษาขั้นตอน และประสบการณ์ ต่างๆในการขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาในเวป Pantip เลยอยากจะเล่าให้เพื่อนๆฟังบ้างแล้วกันนะครับ
ตัวผมเองเคยได้วีซ่า J-1 แล้ว 2 ครั้ง สมัยตอนเป็นนักศึกษาไป Work&Travel
ตอนนั้นก็ง่ายๆครับ ครั้งแรกเค้าถามว่า
Q: สวัสดีครับ เรียนจบมาจะทำงานอะไรครับ
A: เป็นครูครับ
Q: Good Luck
ครั้งที่ 2
Q: สวัสดีครับ ไปที่ไหนครับ
A: แคลิฟอเนีย ครับ
Q: Have a good trip.
แต่เรื่องราวก็ผ่านไป 7 ปีแล้วแหละ ตอนนี้ผมกับแฟนกำลังจะจบ ป. โท แล้วครับ มาครั้งนี้ต้องการขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา (B2) เพื่อจะไปเที่ยวกับแฟน ก็เลยหาข้อมูลทั้งถามน้อง ถามคนนั้น คนนี้ และก็อ่านจากใน Pantip นี่แหละครับ หลังจากนั้นก็กรอก DS-160 กันอย่างเมามัน มันมาก กรอกทีไรอยากจะหลับ กรอกไปเซฟไป วันละหน้า กว่าจะเสร็จประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็ซื้อ pin จองวันสัมภาษณ์ ได้เลขที่ออก 20 sep 2013 เวลา 9.00 น. ละก็ไปจ่ายค่าวีซ่า
ข้ามมาวันสัมภาษณ์เลยแล้วกัน ประมานว่าวันนี้ 20 sep นะ
ไปถึง8.30 น. ก็ไปถึงสถานทูตซึ่งเห็นแล้วจำไม่ได้เลยเค้าสร้างใหม่ด้านหน้าใหญ๋โต (แต่ก่อนเป็นทางเข้าเล็กๆ) มีน้องเสื้อเขียวเป็นพนักงานคนไทยคอยตรวจเอกสารนัดเวลา หลังจากนั้นพนักงานรักษาความปลอดภัยก็ตะโกนเสียงดังฟังชัดว่า ไม่รับฝากอะไรทั้งนั้นนะครับ นอกจากโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว ผมกะแฟนก็ต้องเดินย้อนกลับไปอีก 600 เมตรได้มั้ง เพื่อไปฝากกระเป๋า (มีคนตั้งร้านรับฝาก เสียเงินใบละประมาณ 50 บาท ผมกะแฟนเป้คนละใบ 100 บาท) หลังจากนั้นก็กลับไปสถานทูต พอฝากโทรศัพท์ แสกนโน่นนี่นั่นเสร็จก็เข้าไปเจอน้องพนักงาน 2 คน เค้าทำหน้าที่เตรียมเอกสารให้เรา โดยนำเอกสารที่ต้องใช้ไปใส่แฟ้มใสๆ เก่าๆ ของเขา อารมณ์ว่าเตรียมเอกสารมาเยอะแยะ เค้าเอาแค่ใบรับรองว่านักศึกษา ใส่ไปแค่ใบเดียว แล้วก็เขียนใบสีฟ้าที่เป็นใบส่งไปรษณีถ้าเราผ่านอ่ะนะ เค้าก็บอกว่าพี่เคยไปอเมริกามาแล้วให้เข้าไปต่อแถวด้านในได้เลยค่ะ ช่อง 14 กับ 15 นะค่ะ คือแฟนผมไม่เคยได้วีซ่ามาก่อนจะต้องไปต่อช่อง 3 ช่องด้านนอกก่อนครับ ซึ่งเจ้าหน้าที่คนไทยประมาณว่าดุร้ายมาก ผมเดินผ่านยังกลัว คิดในใจแบบ... คนไทยด้วยกันน้อออออ คุยดีๆก็ได้
หลังจากเข้ามาด้านในแล้ว ช่อง 14 เป็นฝรั่งหนุ่มๆ ยิ้มแย้ม กับช่อง 15 เป็นคนไทย กำลังตวาด อย่างเมามัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผมเข้าช่องไหน 14 โลดด พอถึงคิวแล้วก็เข้าไปในช่อง สนทนากันดังนี้
ฝรั่ง : จะไปทำอารายครับ (พูดไทย)
กระผม: ไปเที่ยวครับ
ฝรั่ง: ไปกะครายยครับ
กระผม: เพื่อนชื่อ .... ครับ
ฝรั่ง: รู้จักครายที่อเมริกามั้ยครับ
กระผม: ไม่รู้จักครับ
ฝรั่ง: ใครออกค่าใช้จ่ายให้ครับ
กระผม: พ่อแม่ครับ
ฝรั่ง: ขอสเตทเม้นครับ
กระผม: ยื่นไป แล้วเขาก็เอาใส่แฟ้มใสๆ นั่นแหละ
ฝรั่ง: ไปต่อช่อง 9 นะครับ
กระผม : กำ.... คิดว่าผ่านแล้วว T T
ไปช่อง 9 แล้วก็ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของการมาช่องนี้เท่าไร แสกนนิ้วแล้วเค้าบอกว่าไปต่อช่อง 13 เพื่อสัมภาษณ์กับคนที่มีอำนาจการออกวีซ่าให้เราจริงๆละ (เซ็งไล่ตูอีกแระ) ก็ต่อแถวลั้นลาปาจิงโกะ เคยได้วีซ่ามาแล้วคงชิวแหละ ส่วนแฟนผมได้ไปต่อแถวตรงช่อง 12 (คนที่ต่อตรงช่อง 12 หมายถึง เป็นแถวสำหรับช่อง 11 และ ช่อง 12 ช่องไหนเสร็จก็เข้าช่องนั้น) มารู้ทีหลังว่าช่อง 13 นั้นสำหรับคนที่เคยได้วีซ่ามาก่อน เจ้าหน้าที่ช่อง 11 เป็นผู้หญิงหน้าตาเอเชียที่เค้าว่า สวยแต่โหด ช่อง 12 ผู้ชายหน้าเอเชีย หัวโล้น ก็หน้าไม่ค่อยยิ้มแหละ ช่อง 13 แหม่มอ้วน สัมภาษณ์แบบขุดเค้น ตอบไม่ได้ก็ถามอยู่อย่างนั้นแหละ ระหว่างต่อแถวอยู่ช่อง 13 จำได้ว่าตอนนั้นยืนอยู่เป็นคนที่ 6 ก็ดูคนที่เข้าไป เค้าถามเยอะ แต่ผ่าน เราก็แบบอารมณ์ใจดีดีจุงเบย หลังจากนั้น 4 คนถัดมา ไม่ผ่านหมดเลยจ้า ไอ้เราก็แบบเวรแล้ว หันหน้าไปหาแฟนที่ต่อแถวอื่นอยู่ "มุบมิ๊บปากว่าตกหมดเลยว่ะ ซวยแล้ว" เราก็เริ่มรน เริ่มสั่น ตัวหดเหลือตัวเท่ามด แต่ก็ถอยไม่ได้แล้วป๊ะ ถึงตาเราแหระ บทสนทนามีดังนี้
กงศุล: สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ
มดน้อย: เดินเข้าไป พนมมือจรดหน้าอก โค้งไปด้านหน้า โค้งจนหลังแทบหัก
กงศุล: จะไปทำอะไรค่ะ
มดน้อย: ไปเที่ยวครับ
กงศุล: หลังจากนั้น She say เป็นภาษาอังกฤษหมดเลย พูดว่า คุณเรียนอะไร
มดน้อย: เรียนโท คณะ... สาขา.....
กงศุล: จะจบเมื่อไร
มดน้อย: คำตอบยอดฮิต มีนาคม ปีหน้าครับ
กงศุล: ไปกับคนชื่อ....ใช่มั้ยค่ะ
มดน้อย: ใช่ครับ
กงศุล: ไปกี่วัน
มดน้อย: 10 ครับ
กงศุล: ใครออกค่าใช้จ่ายให้
มดน้อย: แพเร้น ครับ
กงศุล: ขอดูสเตทเม้นหน่อยค่ะ (เงิน x,xxx,xxx Thaibath)
มดน้อย: อยู่ในแฟ้มอยู่แล้วครับ
กงศุล: พ่อแม่ทำงานอะไร
มดน้อย: ทำกิจการเกี่ยวกับโรงแรมครับ แล้วเราก็ยื่นใบประกอบกิจการ ที่กระทรวงมหาดไทยออกให้
กงศุล: โอ้วววว
มดน้อย: คิดในใจโอ้ววว สบายตรูดด...
กงศุล: นางกลับมาพูดภาษาไทย นะบัดดล พร้อมเอี๊ยวตัวไปทางซ้ายเล็กน้อย ยกแขนขึ้น เอานิ้วจิกกระดาษ A4 ที่เหน็บด้านข้างหล่อน เขียนวันที่ แล้วติ๊กช่องแรก แล้ว She said "ขอโทดค่ะ เราไม่สามารถออกวีซ่าให้คุณได้ค่ะ" พร้อมยัดใบสีฟ้าลงถังอะไรซักอย่างใต้โต๊ะหล่อนแล้วก็ยัดเอกสารต่างของมดน้อย ผ่านช่องที่มีกระจกกั้นอยู่ทั้งหมดมาให้เรา
มดน้อย: คิดในใจ "กำ" แต่ก็ไม่ได้ทำตัวมีปัญหาอะไร ก็เก็บของออกมาพร้อมมองหน้าแฟนทำหน้าเศร้า แล้วบอกว่า เค้าไปนั่งรอด้านหน้าห้องนะ ก็มีคนตกตามมาอีก 2 คน เค้าก็มานั่งหน้าห้องข้างๆผมแหละ แล้วถามผมว่า แบบนี้พี่ตกหรือเปล่าค่ะน้อง พร้อมยื่นใบ A4 สีขาวให้ผมดู ผมตอบว่าผมตก แล้วก็หยิบกระดาษแบบเดียวกันให้พี่เค้าดู แล้วก็นั่งคอตกทั้ง 2 คน อีกแปปเดียวแฟนตามออกมาอย่างรวดเร็ว บอกเสร็จแล้วช่อง 11 ถามคำถามเดียว พ่อทำงานอะไร ตอบไปว่าประมง ผ่านเบยยย ไม่ดูอะไรเลย นอกจากใบรับรองนักศึกษา แฟนผมก็เก็บอารมณ์เต็มที่ทำเป็นไม่ดีใจที่ผ่าน แอบหันไปมองตอนเผลอมันยิ้มดีใจ แฮ่มมมมมม (แฟนไม่ได้เอาใบทำงานของพ่อแม่ อะไรไปเลย)
สรุปเดินออกแบบห่อเหี่ยว แต่ไม่รีรอ รีบโบก Taxi พี่ค๊าบไปไปรษณี ถึงแล้วไม่รอช้า ซื้อ PIN ใหม่ แล้วเอาเอกสารการประกอบกิจการโรงแรมของพ่อไปแปล หน้าแห้งจ้า 2 ใบ 600 บาท รวมค่าพินอีก เกือบ 400 รวมค่า taxi แล้ว 1000 เบาๆ โทรบอกพ่อถ่ายรูปกิจการส่งมาให้หน่อยยย กลับบ้านทันใดกรอก DS-160 ใหม่ คราวนี้ วันเดียวเสร็จ จองวันสัมภาษณ์ เลขที่ออก 10 ตุลาคม 2556 รอบ 7.00 น. กะว่าไปเช้าๆ กงศุลอารมณ์ดีผ่านง่ายๆ หลังจากนั้นผมกลายเป็นคนวิตกจริตหวาดระแวงคิดมาก กลัวขออีกไม่ได้ นอนฝันร้ายอยู่หลายคืน มีก่อนสัมภาษณ์ 2 วัน ฝันว่าผ่าน แต่ตื่นมาก็เซงที่เป็นแค่ฝัน ระหว่างรอจะถึงวันที่ 10 ตุลา ล้างรูปตัดแปะใส่กระดาษ ให้แฟนโทรหาเอเย่นขายตั๋วเครื่องบินช่วยให้เค้าทำใบว่าจองตั๋วให้ พ่อขอสเตทเม้นเพิ่มให้อีกบัญชีเงิน X,xxx,xxx thaibath ทั้ง 2 บัญชี
และแล้วก็ถึงวันที่ 10 ตุลาคม ไปถึงตั้งแต่ 6.20 เลยจ้า เห็นคนต่อแถวยาวเหยียด (ตูว่าตูมาเช้าแล้วนะ) เรากะไปต่อแถวตามประสา ท่ามกลางเสียงโวยวายของพนักงานรักษาความปลอดภัย "ลบรูปออกเด๋วนี้เลยนะครับ บริเวณนี้ห้ามถ่ายรูปปปปปปปป โดนปรับรูปละ 5,000 บาทนะคราบ" แล้วก็เข้าไปก็เหมือนๆเดิมเอาโทรศัพท์ฝาก จนถึงน้อง 2 คนที่นั่งจัดเอกสารใส่แฟ้ม น้องเค้าก็เอาใบรับรองการเป็นนักศึกษาใส่แฟ้มใส แต่คราวนี้เค้าใส่ใบรับรองการทำงานให้ ก็เขียนใบสีฟ้าเสร็จก็เข้าไป รอต่อที่ช่อง 14 15 เหมือนเดิม เข้าไปแล้วปรากฏว่ายังไม่มีใครทำงาน แต่ละช่องยังรูดม่านปิดทุกช่อง แต่เราแอบเอาใบรับรองการทำงานเราออกเพราะ เราเงินเดือนแต่ 15,000 บาท แต่ในใบรับรองการทำงานมันเขียนว่าได้รับเงินเดือน 9,800 บาท และได้ค่าครองชีพพิเศษ 5,200 บาท เรามองแล้วมันขี้เหล่ไงไม่รุเลยดึงออก แอ๊บเป็นนักศึกษาอย่างเดียว ไม่ได้ทำงาน ด้วยความตื่นเต้นก็ข้าศึกโจมดี ก็ไปจัดแจงธุรข้าศึกก่อน ค่อยออกมาต่อ ช่อง 15 รูดม่านขึ้นฟื้ดดดดดด ผู้หญิงไทยใจยักษ์มานั่ง ดุจนขี้จะออกมาอีกรอบ ซักฝรั่งชายหน้ายิ้มมาเปิดช่อง 14 แล้วไง... ย้ายแถวจ้าไปต่อช่อง 14 พอถึงคิวเราก็ถามเดิมๆ ไปทำไรที่ไหน กะใคร รู้จักใครที่โน่นป่าววว แต่ดราม่า ก็เริ่มเกิดขึ้น ทำไมข้าพเจ้าได้บัตรคิวหมายเลข 5 นำหน้าา เลขที่ออกคือ 503 แล้ว นายฝรั่งคนนั้นเค้าไม่บอกให้เราไปช่อง 9 แบบครั้งก่อนง่ะ เค้าบอกให้ไปนั่งรอเรียกคิว เอาแล้วดิ ห้องเริ่มเย็นทันที ความเครียดบังเกิด แต่ก็ไม่ได้ทำตัวมีปัญหาอะไร ไปนั่งแต่โดยดี เค้าก็เริ่มเรียกคิวไปแสกนนิ้วมือรอบ 2 ที่ช่อง 9 แต่เค้าเรียกแต่พวกที่เลขในบัตรคิวขึ้นต้นด้วย 0 กะ ขึ้นต้นด้วย 9 เท่านั้น ทำไมไม่เรียกพวกเลข 5 นำหน้าบ้างล่ะ นั่งตั้งแต่ 7.30 มามองนาฬิกา อ้าว 8.30 น. เริ่มคิดแระทำไมมันนานแสนนานยังนี้ สัมภาษณ์คนอื่นออกไปตั้งเยอะตั้งแยะแระ มีทั้งคนที่ผ่านและคนที่ไม่ผ่านแต่วันนี้คนผ่านเยอะแยะ คนไม่ผ่านก็เดินทำหน้าเศร้าออกไป คนผ่านก็ดี๊ด๊าา โบกสะบัดใบสีฟ้าดั่งกะโบกธงชาติอเมริกา ทำหน้าแบบ "ก็ไม่รู้สินะ" เราเริ่มทนไม่ไหว หันซ้ายหันขวาอ้าวมีพวกบ้าเห่อ เบอร์ 5 แบบเราด้วยวุ๊ย(แอบมองบัตรคิวเขา) ข้างหน้าเป็นคุณลุง กะคุณป้า เก้าอี้แถวหน้าเรา ได้คิว 504 น้องข้างหลัง 511 หันไปถามน้องเค้าว่าเค้าทำไมถึงไม่เรียกคิวเบอร์ 5 ซักที น้องตอบว่าอ๋อสงสัยเป็นเพราะโดนปฏิเสธวีซ่ามาก่อน เค้าจะแยกมาพิเศษมั้งพี่ ก็ถามน้องเขาว่าจะไปทำอะไร น้องบอกหนูจะไปเรียนภาษา แต่เค้าให้หนูตกนิ เซ็งจุงเบยยย ก็ไม่ได้ใส่ใจไรกันมากหรอก แค่อยากระบายว่ามันช้ามากกกกกก นั่งรอต่อไป คุณลุงกะป้าหยิบเอกสารมาปึ๊งนึง หยิบใบ A4 ที่โดนปฏิเสธไปรอบก่อนมาดู ไอ้เราก็อ้าวสงสัยจะจริงที่แยกพวกเคยโดนปฏิเสธ เราก็เริ่มทักทายลุง ลุงบอกจะไปเยี่ยมลูกหลาน ดูเอกสารลุงก็โอเครนะทำพวกบ้านเช่า ได้เงินแต่ละเดือนก็โอ 35,000-40,000 บาท ก็คงไม่ไปโดดร่มหรอก คราวนี้กลายเป็นสมาคมคนไม่ผ่านวีซ่าเลยจ๊ะนั่งเม้ากัน 7-8 คน อารมณ์สมาคมแม่บ้าน บัตรคิวเบอร์ 5 หมดทุกท่าน ก็เม้ากันชั้นจะไปบ้านแฟนโน่นนี่นั่น ดูนาฬิกา 9.30 เป๊ะ ได้ยินเสียง เลขที่ 501-510 มาต่อแถวที่ช่อง 9 ค่ะ สมาคมแม่บ้านลุกขึ้นพร้อมเพรียงกันดั่งบุคคลสำคัญ ทำการสำรวจ ช่อง 11 12 13 ว่าเป็นท่านกงศุลท่านใดมาก ถึงกะอ้าปากหวอ มองไปช่อง 13 คนเดิมจ้านางที่อ้วนๆรอบที่แล้ว ช่อง 11 เป็นคนเดิมสาวสวยชาวเอเชียร์ที่เขาเล่าขาญกัน สรุปเบอร์ 12 เป็นพระเอกงาน เป็นฝรั่งหนุ่มหล่อ หน้ายิ้มอารมณ์ดี เสร็จจากช่อง 9 ไหงให้ไปนั่งรออีกก เครียดดดดดดด
แต่รอบนี้นั่งไม่นานเท่าไรเพราะลมมันเย็น ประการ 501 - 510 ไปต่อแถวช่อง 12 ในใจเรา "ดี" เอาใครก็ได้ 11 หรือ 12 ก็ได้ ไม่เอา 13 ระหว่างต่อแถวเราก็ลุ้นว่าจะได้ช่องไหน และแล้วเวลาเข้าช่องเย็นก็มาถึง สมาคมแม่บ้านเบอร์ 501 เข้าไปก่อนช่อง 11 อีกแปปช่อง 12 ก็เสร็จ เบอร์ 502 ยิ้มมในใจรีบพุ่งเข้าเบอร์ 12 ดรามาเกิดตรงที่ช่อง 11 เค้าจะขอวีซ่าไปเที่ยวเมกาโดยไปเอ่ยถึงแฟนเค้ามาเยี่ยมครอบครัวเราแล้ว เราอยากไปทางโน้นบ้าง กงศุลผมสวยหุ่นดี ปฏิเสธรวดเร็วทันใจ เสียใจด้วยค่ะ ไม่มีเอกสารอะไรเพิ่มเติมจากเดิมเลยค่ะ ป้าก็อารมณ์แบบ ฉันกลับมาแน่ค่ะ ต้องมารับเงินประกันโน่นนี่นั่น อีกฝั่งก็ sorry อย่างเดียวยัดเอกสารกลับมา แต่ป้าแกสู้ ยัดกลับเข้าไปอีก บอกออันนี้เตรียมมาเพิ่มดูได้เลยคร่าาา ยังไงฉันก็กลับมาา ก็ดื้อกันอยู่แปป ป้าก็ยอม กงศุลส่ายหน้า กวักมือเรียกเราเข้าไป ในใจเราคิดว่าป้าแกจะไปทำให้เขาอารมณ์เสียทำไมนิ เด๋วเค้าก็มาพาลผมหรอก หึ่ยๆ สาวสวยไม่รอใย กวักมือเรียกอย่างทันใด เราก็จำใจต้องไปช่อง 11 แต่โดยดี เฮ่ออออ เซ็ง
เราก็สอดแฟ้มเข้าไป เข้าไปได้ครึ่งเดียว เหมือนมีเสียงจากสวรรค์ 'เอ๊กซ์คิวสะมี' เป็นน้องเสื้อเขียวเจ้าหน้าที่ที่โน่นแหละ และก็หันมาบอกเราว่า ขอแปปนึงนะค่ะ แหม่มสวยชาวเอเชีย ส่งสัญญาณเหมือนคนโบกรถ ประมาณว่าถอยก่อนค๊าาาา เราถอยยาวกลับไปที่แถววเลยจ้า ช่อง 12 โดนปฏิเสธพอดี จะไปบ้านสามีส่วนมากโดนเกือบหมด ไม่รอช้าเค้าไม่ทันเรียกผมก็เดินเข้าช่อง 12 ไปแบบท่านกงศุลหนุ่มหล่อไม่ทันตั้งตัว แต่เค้ากะโอเครแหละไม่ได้ว่าไร เด๋วมาต่อนะตัวหนังสือไม่พอให้พิมพ์
ประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยว อเมริกา 2 ครั้ง งง จุงง
ตัวผมเองเคยได้วีซ่า J-1 แล้ว 2 ครั้ง สมัยตอนเป็นนักศึกษาไป Work&Travel
ตอนนั้นก็ง่ายๆครับ ครั้งแรกเค้าถามว่า
Q: สวัสดีครับ เรียนจบมาจะทำงานอะไรครับ
A: เป็นครูครับ
Q: Good Luck
ครั้งที่ 2
Q: สวัสดีครับ ไปที่ไหนครับ
A: แคลิฟอเนีย ครับ
Q: Have a good trip.
แต่เรื่องราวก็ผ่านไป 7 ปีแล้วแหละ ตอนนี้ผมกับแฟนกำลังจะจบ ป. โท แล้วครับ มาครั้งนี้ต้องการขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา (B2) เพื่อจะไปเที่ยวกับแฟน ก็เลยหาข้อมูลทั้งถามน้อง ถามคนนั้น คนนี้ และก็อ่านจากใน Pantip นี่แหละครับ หลังจากนั้นก็กรอก DS-160 กันอย่างเมามัน มันมาก กรอกทีไรอยากจะหลับ กรอกไปเซฟไป วันละหน้า กว่าจะเสร็จประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็ซื้อ pin จองวันสัมภาษณ์ ได้เลขที่ออก 20 sep 2013 เวลา 9.00 น. ละก็ไปจ่ายค่าวีซ่า
ข้ามมาวันสัมภาษณ์เลยแล้วกัน ประมานว่าวันนี้ 20 sep นะ
ไปถึง8.30 น. ก็ไปถึงสถานทูตซึ่งเห็นแล้วจำไม่ได้เลยเค้าสร้างใหม่ด้านหน้าใหญ๋โต (แต่ก่อนเป็นทางเข้าเล็กๆ) มีน้องเสื้อเขียวเป็นพนักงานคนไทยคอยตรวจเอกสารนัดเวลา หลังจากนั้นพนักงานรักษาความปลอดภัยก็ตะโกนเสียงดังฟังชัดว่า ไม่รับฝากอะไรทั้งนั้นนะครับ นอกจากโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว ผมกะแฟนก็ต้องเดินย้อนกลับไปอีก 600 เมตรได้มั้ง เพื่อไปฝากกระเป๋า (มีคนตั้งร้านรับฝาก เสียเงินใบละประมาณ 50 บาท ผมกะแฟนเป้คนละใบ 100 บาท) หลังจากนั้นก็กลับไปสถานทูต พอฝากโทรศัพท์ แสกนโน่นนี่นั่นเสร็จก็เข้าไปเจอน้องพนักงาน 2 คน เค้าทำหน้าที่เตรียมเอกสารให้เรา โดยนำเอกสารที่ต้องใช้ไปใส่แฟ้มใสๆ เก่าๆ ของเขา อารมณ์ว่าเตรียมเอกสารมาเยอะแยะ เค้าเอาแค่ใบรับรองว่านักศึกษา ใส่ไปแค่ใบเดียว แล้วก็เขียนใบสีฟ้าที่เป็นใบส่งไปรษณีถ้าเราผ่านอ่ะนะ เค้าก็บอกว่าพี่เคยไปอเมริกามาแล้วให้เข้าไปต่อแถวด้านในได้เลยค่ะ ช่อง 14 กับ 15 นะค่ะ คือแฟนผมไม่เคยได้วีซ่ามาก่อนจะต้องไปต่อช่อง 3 ช่องด้านนอกก่อนครับ ซึ่งเจ้าหน้าที่คนไทยประมาณว่าดุร้ายมาก ผมเดินผ่านยังกลัว คิดในใจแบบ... คนไทยด้วยกันน้อออออ คุยดีๆก็ได้
หลังจากเข้ามาด้านในแล้ว ช่อง 14 เป็นฝรั่งหนุ่มๆ ยิ้มแย้ม กับช่อง 15 เป็นคนไทย กำลังตวาด อย่างเมามัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผมเข้าช่องไหน 14 โลดด พอถึงคิวแล้วก็เข้าไปในช่อง สนทนากันดังนี้
ฝรั่ง : จะไปทำอารายครับ (พูดไทย)
กระผม: ไปเที่ยวครับ
ฝรั่ง: ไปกะครายยครับ
กระผม: เพื่อนชื่อ .... ครับ
ฝรั่ง: รู้จักครายที่อเมริกามั้ยครับ
กระผม: ไม่รู้จักครับ
ฝรั่ง: ใครออกค่าใช้จ่ายให้ครับ
กระผม: พ่อแม่ครับ
ฝรั่ง: ขอสเตทเม้นครับ
กระผม: ยื่นไป แล้วเขาก็เอาใส่แฟ้มใสๆ นั่นแหละ
ฝรั่ง: ไปต่อช่อง 9 นะครับ
กระผม : กำ.... คิดว่าผ่านแล้วว T T
ไปช่อง 9 แล้วก็ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของการมาช่องนี้เท่าไร แสกนนิ้วแล้วเค้าบอกว่าไปต่อช่อง 13 เพื่อสัมภาษณ์กับคนที่มีอำนาจการออกวีซ่าให้เราจริงๆละ (เซ็งไล่ตูอีกแระ) ก็ต่อแถวลั้นลาปาจิงโกะ เคยได้วีซ่ามาแล้วคงชิวแหละ ส่วนแฟนผมได้ไปต่อแถวตรงช่อง 12 (คนที่ต่อตรงช่อง 12 หมายถึง เป็นแถวสำหรับช่อง 11 และ ช่อง 12 ช่องไหนเสร็จก็เข้าช่องนั้น) มารู้ทีหลังว่าช่อง 13 นั้นสำหรับคนที่เคยได้วีซ่ามาก่อน เจ้าหน้าที่ช่อง 11 เป็นผู้หญิงหน้าตาเอเชียที่เค้าว่า สวยแต่โหด ช่อง 12 ผู้ชายหน้าเอเชีย หัวโล้น ก็หน้าไม่ค่อยยิ้มแหละ ช่อง 13 แหม่มอ้วน สัมภาษณ์แบบขุดเค้น ตอบไม่ได้ก็ถามอยู่อย่างนั้นแหละ ระหว่างต่อแถวอยู่ช่อง 13 จำได้ว่าตอนนั้นยืนอยู่เป็นคนที่ 6 ก็ดูคนที่เข้าไป เค้าถามเยอะ แต่ผ่าน เราก็แบบอารมณ์ใจดีดีจุงเบย หลังจากนั้น 4 คนถัดมา ไม่ผ่านหมดเลยจ้า ไอ้เราก็แบบเวรแล้ว หันหน้าไปหาแฟนที่ต่อแถวอื่นอยู่ "มุบมิ๊บปากว่าตกหมดเลยว่ะ ซวยแล้ว" เราก็เริ่มรน เริ่มสั่น ตัวหดเหลือตัวเท่ามด แต่ก็ถอยไม่ได้แล้วป๊ะ ถึงตาเราแหระ บทสนทนามีดังนี้
กงศุล: สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ
มดน้อย: เดินเข้าไป พนมมือจรดหน้าอก โค้งไปด้านหน้า โค้งจนหลังแทบหัก
กงศุล: จะไปทำอะไรค่ะ
มดน้อย: ไปเที่ยวครับ
กงศุล: หลังจากนั้น She say เป็นภาษาอังกฤษหมดเลย พูดว่า คุณเรียนอะไร
มดน้อย: เรียนโท คณะ... สาขา.....
กงศุล: จะจบเมื่อไร
มดน้อย: คำตอบยอดฮิต มีนาคม ปีหน้าครับ
กงศุล: ไปกับคนชื่อ....ใช่มั้ยค่ะ
มดน้อย: ใช่ครับ
กงศุล: ไปกี่วัน
มดน้อย: 10 ครับ
กงศุล: ใครออกค่าใช้จ่ายให้
มดน้อย: แพเร้น ครับ
กงศุล: ขอดูสเตทเม้นหน่อยค่ะ (เงิน x,xxx,xxx Thaibath)
มดน้อย: อยู่ในแฟ้มอยู่แล้วครับ
กงศุล: พ่อแม่ทำงานอะไร
มดน้อย: ทำกิจการเกี่ยวกับโรงแรมครับ แล้วเราก็ยื่นใบประกอบกิจการ ที่กระทรวงมหาดไทยออกให้
กงศุล: โอ้วววว
มดน้อย: คิดในใจโอ้ววว สบายตรูดด...
กงศุล: นางกลับมาพูดภาษาไทย นะบัดดล พร้อมเอี๊ยวตัวไปทางซ้ายเล็กน้อย ยกแขนขึ้น เอานิ้วจิกกระดาษ A4 ที่เหน็บด้านข้างหล่อน เขียนวันที่ แล้วติ๊กช่องแรก แล้ว She said "ขอโทดค่ะ เราไม่สามารถออกวีซ่าให้คุณได้ค่ะ" พร้อมยัดใบสีฟ้าลงถังอะไรซักอย่างใต้โต๊ะหล่อนแล้วก็ยัดเอกสารต่างของมดน้อย ผ่านช่องที่มีกระจกกั้นอยู่ทั้งหมดมาให้เรา
มดน้อย: คิดในใจ "กำ" แต่ก็ไม่ได้ทำตัวมีปัญหาอะไร ก็เก็บของออกมาพร้อมมองหน้าแฟนทำหน้าเศร้า แล้วบอกว่า เค้าไปนั่งรอด้านหน้าห้องนะ ก็มีคนตกตามมาอีก 2 คน เค้าก็มานั่งหน้าห้องข้างๆผมแหละ แล้วถามผมว่า แบบนี้พี่ตกหรือเปล่าค่ะน้อง พร้อมยื่นใบ A4 สีขาวให้ผมดู ผมตอบว่าผมตก แล้วก็หยิบกระดาษแบบเดียวกันให้พี่เค้าดู แล้วก็นั่งคอตกทั้ง 2 คน อีกแปปเดียวแฟนตามออกมาอย่างรวดเร็ว บอกเสร็จแล้วช่อง 11 ถามคำถามเดียว พ่อทำงานอะไร ตอบไปว่าประมง ผ่านเบยยย ไม่ดูอะไรเลย นอกจากใบรับรองนักศึกษา แฟนผมก็เก็บอารมณ์เต็มที่ทำเป็นไม่ดีใจที่ผ่าน แอบหันไปมองตอนเผลอมันยิ้มดีใจ แฮ่มมมมมม (แฟนไม่ได้เอาใบทำงานของพ่อแม่ อะไรไปเลย)
สรุปเดินออกแบบห่อเหี่ยว แต่ไม่รีรอ รีบโบก Taxi พี่ค๊าบไปไปรษณี ถึงแล้วไม่รอช้า ซื้อ PIN ใหม่ แล้วเอาเอกสารการประกอบกิจการโรงแรมของพ่อไปแปล หน้าแห้งจ้า 2 ใบ 600 บาท รวมค่าพินอีก เกือบ 400 รวมค่า taxi แล้ว 1000 เบาๆ โทรบอกพ่อถ่ายรูปกิจการส่งมาให้หน่อยยย กลับบ้านทันใดกรอก DS-160 ใหม่ คราวนี้ วันเดียวเสร็จ จองวันสัมภาษณ์ เลขที่ออก 10 ตุลาคม 2556 รอบ 7.00 น. กะว่าไปเช้าๆ กงศุลอารมณ์ดีผ่านง่ายๆ หลังจากนั้นผมกลายเป็นคนวิตกจริตหวาดระแวงคิดมาก กลัวขออีกไม่ได้ นอนฝันร้ายอยู่หลายคืน มีก่อนสัมภาษณ์ 2 วัน ฝันว่าผ่าน แต่ตื่นมาก็เซงที่เป็นแค่ฝัน ระหว่างรอจะถึงวันที่ 10 ตุลา ล้างรูปตัดแปะใส่กระดาษ ให้แฟนโทรหาเอเย่นขายตั๋วเครื่องบินช่วยให้เค้าทำใบว่าจองตั๋วให้ พ่อขอสเตทเม้นเพิ่มให้อีกบัญชีเงิน X,xxx,xxx thaibath ทั้ง 2 บัญชี
และแล้วก็ถึงวันที่ 10 ตุลาคม ไปถึงตั้งแต่ 6.20 เลยจ้า เห็นคนต่อแถวยาวเหยียด (ตูว่าตูมาเช้าแล้วนะ) เรากะไปต่อแถวตามประสา ท่ามกลางเสียงโวยวายของพนักงานรักษาความปลอดภัย "ลบรูปออกเด๋วนี้เลยนะครับ บริเวณนี้ห้ามถ่ายรูปปปปปปปป โดนปรับรูปละ 5,000 บาทนะคราบ" แล้วก็เข้าไปก็เหมือนๆเดิมเอาโทรศัพท์ฝาก จนถึงน้อง 2 คนที่นั่งจัดเอกสารใส่แฟ้ม น้องเค้าก็เอาใบรับรองการเป็นนักศึกษาใส่แฟ้มใส แต่คราวนี้เค้าใส่ใบรับรองการทำงานให้ ก็เขียนใบสีฟ้าเสร็จก็เข้าไป รอต่อที่ช่อง 14 15 เหมือนเดิม เข้าไปแล้วปรากฏว่ายังไม่มีใครทำงาน แต่ละช่องยังรูดม่านปิดทุกช่อง แต่เราแอบเอาใบรับรองการทำงานเราออกเพราะ เราเงินเดือนแต่ 15,000 บาท แต่ในใบรับรองการทำงานมันเขียนว่าได้รับเงินเดือน 9,800 บาท และได้ค่าครองชีพพิเศษ 5,200 บาท เรามองแล้วมันขี้เหล่ไงไม่รุเลยดึงออก แอ๊บเป็นนักศึกษาอย่างเดียว ไม่ได้ทำงาน ด้วยความตื่นเต้นก็ข้าศึกโจมดี ก็ไปจัดแจงธุรข้าศึกก่อน ค่อยออกมาต่อ ช่อง 15 รูดม่านขึ้นฟื้ดดดดดด ผู้หญิงไทยใจยักษ์มานั่ง ดุจนขี้จะออกมาอีกรอบ ซักฝรั่งชายหน้ายิ้มมาเปิดช่อง 14 แล้วไง... ย้ายแถวจ้าไปต่อช่อง 14 พอถึงคิวเราก็ถามเดิมๆ ไปทำไรที่ไหน กะใคร รู้จักใครที่โน่นป่าววว แต่ดราม่า ก็เริ่มเกิดขึ้น ทำไมข้าพเจ้าได้บัตรคิวหมายเลข 5 นำหน้าา เลขที่ออกคือ 503 แล้ว นายฝรั่งคนนั้นเค้าไม่บอกให้เราไปช่อง 9 แบบครั้งก่อนง่ะ เค้าบอกให้ไปนั่งรอเรียกคิว เอาแล้วดิ ห้องเริ่มเย็นทันที ความเครียดบังเกิด แต่ก็ไม่ได้ทำตัวมีปัญหาอะไร ไปนั่งแต่โดยดี เค้าก็เริ่มเรียกคิวไปแสกนนิ้วมือรอบ 2 ที่ช่อง 9 แต่เค้าเรียกแต่พวกที่เลขในบัตรคิวขึ้นต้นด้วย 0 กะ ขึ้นต้นด้วย 9 เท่านั้น ทำไมไม่เรียกพวกเลข 5 นำหน้าบ้างล่ะ นั่งตั้งแต่ 7.30 มามองนาฬิกา อ้าว 8.30 น. เริ่มคิดแระทำไมมันนานแสนนานยังนี้ สัมภาษณ์คนอื่นออกไปตั้งเยอะตั้งแยะแระ มีทั้งคนที่ผ่านและคนที่ไม่ผ่านแต่วันนี้คนผ่านเยอะแยะ คนไม่ผ่านก็เดินทำหน้าเศร้าออกไป คนผ่านก็ดี๊ด๊าา โบกสะบัดใบสีฟ้าดั่งกะโบกธงชาติอเมริกา ทำหน้าแบบ "ก็ไม่รู้สินะ" เราเริ่มทนไม่ไหว หันซ้ายหันขวาอ้าวมีพวกบ้าเห่อ เบอร์ 5 แบบเราด้วยวุ๊ย(แอบมองบัตรคิวเขา) ข้างหน้าเป็นคุณลุง กะคุณป้า เก้าอี้แถวหน้าเรา ได้คิว 504 น้องข้างหลัง 511 หันไปถามน้องเค้าว่าเค้าทำไมถึงไม่เรียกคิวเบอร์ 5 ซักที น้องตอบว่าอ๋อสงสัยเป็นเพราะโดนปฏิเสธวีซ่ามาก่อน เค้าจะแยกมาพิเศษมั้งพี่ ก็ถามน้องเขาว่าจะไปทำอะไร น้องบอกหนูจะไปเรียนภาษา แต่เค้าให้หนูตกนิ เซ็งจุงเบยยย ก็ไม่ได้ใส่ใจไรกันมากหรอก แค่อยากระบายว่ามันช้ามากกกกกก นั่งรอต่อไป คุณลุงกะป้าหยิบเอกสารมาปึ๊งนึง หยิบใบ A4 ที่โดนปฏิเสธไปรอบก่อนมาดู ไอ้เราก็อ้าวสงสัยจะจริงที่แยกพวกเคยโดนปฏิเสธ เราก็เริ่มทักทายลุง ลุงบอกจะไปเยี่ยมลูกหลาน ดูเอกสารลุงก็โอเครนะทำพวกบ้านเช่า ได้เงินแต่ละเดือนก็โอ 35,000-40,000 บาท ก็คงไม่ไปโดดร่มหรอก คราวนี้กลายเป็นสมาคมคนไม่ผ่านวีซ่าเลยจ๊ะนั่งเม้ากัน 7-8 คน อารมณ์สมาคมแม่บ้าน บัตรคิวเบอร์ 5 หมดทุกท่าน ก็เม้ากันชั้นจะไปบ้านแฟนโน่นนี่นั่น ดูนาฬิกา 9.30 เป๊ะ ได้ยินเสียง เลขที่ 501-510 มาต่อแถวที่ช่อง 9 ค่ะ สมาคมแม่บ้านลุกขึ้นพร้อมเพรียงกันดั่งบุคคลสำคัญ ทำการสำรวจ ช่อง 11 12 13 ว่าเป็นท่านกงศุลท่านใดมาก ถึงกะอ้าปากหวอ มองไปช่อง 13 คนเดิมจ้านางที่อ้วนๆรอบที่แล้ว ช่อง 11 เป็นคนเดิมสาวสวยชาวเอเชียร์ที่เขาเล่าขาญกัน สรุปเบอร์ 12 เป็นพระเอกงาน เป็นฝรั่งหนุ่มหล่อ หน้ายิ้มอารมณ์ดี เสร็จจากช่อง 9 ไหงให้ไปนั่งรออีกก เครียดดดดดดด
แต่รอบนี้นั่งไม่นานเท่าไรเพราะลมมันเย็น ประการ 501 - 510 ไปต่อแถวช่อง 12 ในใจเรา "ดี" เอาใครก็ได้ 11 หรือ 12 ก็ได้ ไม่เอา 13 ระหว่างต่อแถวเราก็ลุ้นว่าจะได้ช่องไหน และแล้วเวลาเข้าช่องเย็นก็มาถึง สมาคมแม่บ้านเบอร์ 501 เข้าไปก่อนช่อง 11 อีกแปปช่อง 12 ก็เสร็จ เบอร์ 502 ยิ้มมในใจรีบพุ่งเข้าเบอร์ 12 ดรามาเกิดตรงที่ช่อง 11 เค้าจะขอวีซ่าไปเที่ยวเมกาโดยไปเอ่ยถึงแฟนเค้ามาเยี่ยมครอบครัวเราแล้ว เราอยากไปทางโน้นบ้าง กงศุลผมสวยหุ่นดี ปฏิเสธรวดเร็วทันใจ เสียใจด้วยค่ะ ไม่มีเอกสารอะไรเพิ่มเติมจากเดิมเลยค่ะ ป้าก็อารมณ์แบบ ฉันกลับมาแน่ค่ะ ต้องมารับเงินประกันโน่นนี่นั่น อีกฝั่งก็ sorry อย่างเดียวยัดเอกสารกลับมา แต่ป้าแกสู้ ยัดกลับเข้าไปอีก บอกออันนี้เตรียมมาเพิ่มดูได้เลยคร่าาา ยังไงฉันก็กลับมาา ก็ดื้อกันอยู่แปป ป้าก็ยอม กงศุลส่ายหน้า กวักมือเรียกเราเข้าไป ในใจเราคิดว่าป้าแกจะไปทำให้เขาอารมณ์เสียทำไมนิ เด๋วเค้าก็มาพาลผมหรอก หึ่ยๆ สาวสวยไม่รอใย กวักมือเรียกอย่างทันใด เราก็จำใจต้องไปช่อง 11 แต่โดยดี เฮ่ออออ เซ็ง
เราก็สอดแฟ้มเข้าไป เข้าไปได้ครึ่งเดียว เหมือนมีเสียงจากสวรรค์ 'เอ๊กซ์คิวสะมี' เป็นน้องเสื้อเขียวเจ้าหน้าที่ที่โน่นแหละ และก็หันมาบอกเราว่า ขอแปปนึงนะค่ะ แหม่มสวยชาวเอเชีย ส่งสัญญาณเหมือนคนโบกรถ ประมาณว่าถอยก่อนค๊าาาา เราถอยยาวกลับไปที่แถววเลยจ้า ช่อง 12 โดนปฏิเสธพอดี จะไปบ้านสามีส่วนมากโดนเกือบหมด ไม่รอช้าเค้าไม่ทันเรียกผมก็เดินเข้าช่อง 12 ไปแบบท่านกงศุลหนุ่มหล่อไม่ทันตั้งตัว แต่เค้ากะโอเครแหละไม่ได้ว่าไร เด๋วมาต่อนะตัวหนังสือไม่พอให้พิมพ์