คุณคงเจ็บปวด เมื่อ มีข่าว เด็ก ชั้นป.6 ของเรา อ่านหนังสือไม่ออก
ถึง 85 % คุณก็คงหาทางแก้ใข และคง ประชุม ๆ ๆ กัน แต่ยังไม่มีข่าว
ว่าจะแก้ใขอย่างไร
ในฐานะ ที่เป็นปู่ของหลาน อายุ 12 ขวบ และ พื้นฐาน ที่เคยเป็นครู มาก่อน
ครับ ครู เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ผมอยากคุยกับคุณ โอกาศ ที่จะคุย ตัวต่อตัว คงไม่มี
เลยใช้ กระดาน นี้ คุย ก็คงไม่ว่ากัน
ตอนผมเป็นเด้ก เรียนชั้น เตรียม ก่อน ป. 1 ครับ มีกระดานชนวน เป็น สมุด เล่มโต
ครู ให้หัดเขียน ตัวหนังสือไทย ตั้งแต่ ก. ไก่ มาเลย รวมทั้ง อ่านเลข 1 2 3
และเขียนให้เป็น พอขึ้น ป. 1 ทีนี้ เริ่มด้วยการ รู้จัก พยันชนะ และ สระ รู้จักหน้าที่
ของสระ ในการผสมกับพยันชนะเมื่อ เอามาผสมกัน ก็อ่านอย่างง่าย ๆ เรียกว่า อ่านคำ
ง่าย ๆได้ หมด ขึ้น ป. 2 ทีนี้ เอาคำที่ผสมสระ มา ต่อกันเป็นคำยาว ๆ อ่านได้ และ มีการคัดลายมือ
เพื่อให้เขียนหนังสือไทย ได้สวยเป็นระเบียบ หนังสืออ่าน ผมจำ ถึงเรื่อง นกกางเขน ครอบครัวหนึ่ง
มีลูก สี่ตัว นี่ม นิด หน่อย น้อย อ่านแล้ว น้ำตาไหลกันทุกคน หรือเรื่องราวของ คืนหนึ่งในฤดูหนาว
ผู้ใหญ่พา นั่งเงียบ ๆอยู่ที่เรือน ฯลฯ เรื่องคำนวน ก็เรียนเลข บวก ลบ
กันให้ได้ จำได้ว่า ถึง ป. 4 ผมต้องท่อง สูตรคูณ แม่ 1 ถึง แม่ 12 ให้ได้ ตอน จะเลิกเรียน
ทุกวัน แข่งกันท่อง ทุกห้อง เสียงดัง แข่งกัน
ผมจบ ป. 4 ที่เป็นชั้นสูงสุดในตอนนั้น อ่านหนังสือคล่อง รวมทั้ง เพื่อน ๆ ก็เหมือนกัน ตอยเรียน
ม. 1 มีวิชา ต่าง ๆที่ให้เรียน มาก เช่น เลขคณิต เขียนไทย อ่านไทย ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์
รวมทั้ง วิชาพลศึกษา วาดเขียน จนมาขึ้น ม. มีวิชายากขึ้นมาหน่อยคือ พีชคณิต เรขา รวมทั้งวรรณคดี
จำได้ว่า ตอนนั้นเด็ก ม. 4 บวรนิเวศ ตกกัน ครึ่งหนึ่ง ของนักเรียน ม. 4
เด็กรุ่นผม ไม่มีปัญหา กับเรื่องวิชาที่เรียน และได้เอาพื้นฐานเหล่านั้น มาเรียน ในระดับ วิชาชีพได้ อย่างดี
ตอนนั้น นักเรียนช่างกล ไม่มีวิชาคำนวนมากนัก ทำให้ เวลาเรียนระดับสูงขึ้นไป ในระดับ ปวส มีปัญหามาก
ต้องใช้การเรียนจากครู ที่สอนให้ฟรี ๆ ในพวกที่จะไปเรียนต่อ ผมจบ ปวส ปม มาก็มาสอน ในระดับ
ปวช ปัญหาที่เด็กจบ ม. 3 หรือ ม.ศ. 3 มาก็มีปัญหาน้อย เพราะ เด็ก มีพื้นฐาน ดีพอสมควร และ
นักเรียนส่วนใหญ่ เข้าใจ ว่าแกเรียนเพื่อไปทำอะไร
ปัญหา การสอนของผม เริ่มมี เมื่อ มีหลักสูตร ใหม่ ในระดับ มัธยม ประมาณ ปี 2540 เป็นต้นมา นักเรียน
ที่จบ ม. 3 หรือ ม.ศ. 3 ม.ศ. 6 มีความรู้ในเรื่องการเขียนภาษาไทย น้อยมาก วิชาคำนวน ท่องสูตรคูณ
ไม่ได้ อย่างเช่น คำว่า ใจ แกเขียน จัย ผมถาม ว่า ทำไมเขียนอย่างนี้ แกบอกมันง่ายดี ถามต่อว่า ครู
ของเธอว่า ไง ก็บอก ไม่เห็นว่าอะไร
หลังจาก ปี 2540 เป็นต้นมา ผมสอนเด็กยากขึ้น โดยเฉพาะวิชาคำนวน ในชั้น ปวส ที่ต้องการ การคำนวนชั้นสูงขึ้น
เช่นการคำนวนโครงสร้าง หรือความแข็งแรงวัสดุ ที่ต้องใช้ วิชา ทั้งพีชคณิต และ เรขา มาช่วย นักเรียน รับไม่ได้เลย
บางเทอม เด็ก ตก ยกชั้น ในวิชาเหล่านี้ พ่อแม่ มาถาม ผ.อ. ถาม ผมเอา โครงสร้างวิชาให้ดู เอา แผนการสอนให้ดู
เอา สมุด การบ้าน เอา สมุด ที่นักเรียน เรียนให้ดู ในสมุด ไม่มีอะไรเลย แล้ว จะไม่ตกได้อย่างไร ผม อธิบายให้ พ่อ แม่
เขาฟังถึงความจำเป็นต้องรู้ ในวิชาพวกนี้ เพื่อออกไป ทำงาน ตึก จะได้ไม่พัง โครงเหล้ก จะไม่พัง เขา ก็พอเข้าใจ แต่
ไม่ยอมรับเท่าใด
ทีนี้ มาดู หลานของผม เรียน บ้าง วิชาคำนวน หลักสูตร เท่าที่ดู เป็น ลักษณะ เป็นบล๊อค หรือเติมคำในช่องว่าง
ไม่ได้ ให้มีการตรวจสอบ ย้อนไปถึงที่มาที่ไปเลย เช่น สมการ ที่ต้องสามารถ ดูที่มา และตั้งสมมุติฐานได้ แต่ หลานผม
ไม่เข้าใจ บอกครู ให้ทำแบบนี้ หนังสือ เขาเป็นแบบนี้ ที่น่าตกใจ วิชาคำนวน ให้ นักศึกษาฝึกสอน จาก ม. ราชภัฏ
มาสอน ผมตามไปดู การสอน ครับ แกสอน โดย การเขียน แบบฝึกหัด ในหนังสือ ให้เด็กดู มันมีขบวนการทำ อยู่แล้ว
คำตอบ ก็มีอยู่แล้ว คนสอน เขียนตาม ที่หนังสือบอกไว้ เท่านั้น ผม ไม่สงสัย เลย ที่หลานบอกว่า ผมสอนผิด เพราะ
ครู เขาสอนกัน แบบ ในตำราที่ทำมานั่นเอง
ที่น่าตกใจ อีก ครู ประจำ การ บอกเด็ก ถ้าอยากรุ้มาก เข้าใจ ต้องไปเรียนพิเศษ นอกจากกับครู ยังมีสถานสอนพิเศษ
อาจารย์ อะไร ต่อมิ อะไร กลาดเกลื่อน ในห้องเรียนไม่ต้องสอนกัน แล้ว ไปเอาวิชา ที่เรียนพิเศษ ดีกว่า น่าสมเพชไหม
คุณจาตุรงค์ ผมเรียนหนังสือมาจน เป็นครู จน เกษียณ ไม่เคยเรียนพิเศษ ไม่เคยสอนพิเศษ ที่เอาเงินเลย มันไม่จำเป็น
พราะ ครูของผม ไม่สอนพิเศษ นึกออกไหมครับ ว่าปัญหามันอยู่ที่ไหน
ออกมา นอกแนวนิด ผมอยู่ในวงการอาชีวฯ มา ตั้งแต่ ปี 2504 ถึงบัดนี้ กว่า 50 ปีแล้ว เมื่อวาน ได้ยิน อธิการบดี
สจพ พูด ถึงเรื่องการเรียน แบบ มีการฝึกงานไปด้วย ที่เรียกว่า เรียนทวิภาคี เรื่องนี้ มันเกิดมา ตั้งแต่ ด.ร. ชนะ กสิภาร์
ครูของผม ตอนไปเรียน ที่ สจพ เมื่อ 40 ปีมาแล้ว ท่าน ทำโครงการนี้ ร่วมกับ กรมอาชีว ฯ ในสมัยนั้น ครับ เอาแบบอย่าง
มาจาก เยอรมัน ที่เขาเรียนแบบ โรงเรียน โรงงาน โครงการ ไปไม่ถึงไหน เพราะ อธิบดี ใหม่มา ก็เลิกไป รวมทั้ง โรงงาน
ที่จะรับเด็ก ไปฝึกงาน ก็น้อยมาก เราไม่มีก.ม. บังคับ เหมือนของเขา ตอนผม เรียน ป. โท ที่นี่ ได้ทำเรื่องนี้ เป็นงานวิจัย
เป็น ทรีสีต เสนอ กรม อาชีว ฯ สมัยนั้น ไม่ทราบว่างานวิจัย เอาไปที้ง ที่ไหนแล้ว เพราะเรื่องนี้ ถ้าจะได้ผลดี จริง ๆต้องมีก.ม. รองรับ
บังคับ โรงงานด้วย เอาไป ลองคิดดูหน่อยครับเรื่องนี้
วิธีการ ของผม ในการแก้ใข เรื่อง ตั้งแต่ นักเรียน อ่านหนังสือไม่ออก มีครับ ไม่ใช่ติอย่างเดียว
1. ปรับ วิชา ตั้งแต่ชั้น ประถม เป็นต้นมา ให้ เด้กสามารถ ฝึกอ่าน ตั้งแต่ ก อะ กะ ก อา กา ไปเลย
2. ให้เด็ก ได้เรียนรู้ เกี่ยวกับ เลข๕ริต ที่ ต้องใช้ สมองมากกว่าเครื่องคำนวน
3. ปรับ หนังสือเรียนทั้งระบบ ให้เด็กสามารถ คิดเอง ทำเองได้ โดย ไม่ใช้บทเรียนสำเร็จรูป ไอ้ที่เป็นบล๊อค
ทั้งหลาย ลองคิดดู วิชาคำนวนยังเป็นบล๊อค แล้ว เด็กจะคิดเป็น ทำเป็นอย่างไร
4. ครู ต้องใส่ใจ กับการสอนให้ เต้มร้อย อย่าเอา เวลา ไปทำ เรื่องความก้าวหน้าของตนเอง อ. 3 ที่จะให้
ให้ ผ.อ. ประเมินร แบบมีคณะกรรมการ ของโรงเรียน เฝ้าดู การสอน การเอาใจใส่ การเป็นครู ของเขา เอา แค่
3 ปีการศึกษา ก้พอ
5. นี่สำคัญ ห้าม มิให้มีการตั้งโรงเรียนพิเศษ รวมทั้งครู ต้องไม่ มีการกระทำแบบนี้ เป็นอันขาด ข้อนี้ ต้องใจแข็ง
หน่อยครับ ถาม ตัวเองด้วย ว่า ตอนเรียนหนังสือ ท่านเอง เคยเรียนพิเศษไหม ครับไอ้ตอนเรียนวิศวะ น่ะ
6. โรงเรียน ตามชนบท ให้ใช้เทคโนโลยี เข้าไปช่วยอย่างเต็มที่ เรามีดาวเทียม เรามีจาน เรามีทีวี ทำไม ไม่ทำครับ
วิธีนี้ ไม่จำเป็นต้องควบรวม เหมือน อย่างที่คิด กันเลย แถม โรงเรียน ยังเป็นศูนย์รวม ของหมู่บ้าน ที่จะเรียนรู้
เทคโนโลยี่ ใหม่ ๆ เกี่ยวกับ การ ทำมาหากินของเขา เรียนรู้ราคาสินค้า เกษตร ที่เขาผลิต ไม่ต้องถูกเอาเปรียบ
จาก พ่อค้านายทุน
นี่เป็นบางส่วน จากครูบ้านนอก คนหนึ่ง ที่อยากเห็นการสึกษา ของเรา ของเด้ก ที่เป็นอนาคต ของชาติ ไม่เอา
วัฒนธรรมของต่างชาติ เข้ามา ครอบ ตัวเอง จน ไม่ใช่ คนไทย แล้วครับ
จะมี เพื่อนพ้อง ที่ปรึกษาของ คุณ จาตุรงค์ มาอ่าน บ้างไหมครับ คงมีซักคน ก็ยังดี
อยากคุยกับคุณจาตุรงค์ ฉายแสง
ถึง 85 % คุณก็คงหาทางแก้ใข และคง ประชุม ๆ ๆ กัน แต่ยังไม่มีข่าว
ว่าจะแก้ใขอย่างไร
ในฐานะ ที่เป็นปู่ของหลาน อายุ 12 ขวบ และ พื้นฐาน ที่เคยเป็นครู มาก่อน
ครับ ครู เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ผมอยากคุยกับคุณ โอกาศ ที่จะคุย ตัวต่อตัว คงไม่มี
เลยใช้ กระดาน นี้ คุย ก็คงไม่ว่ากัน
ตอนผมเป็นเด้ก เรียนชั้น เตรียม ก่อน ป. 1 ครับ มีกระดานชนวน เป็น สมุด เล่มโต
ครู ให้หัดเขียน ตัวหนังสือไทย ตั้งแต่ ก. ไก่ มาเลย รวมทั้ง อ่านเลข 1 2 3
และเขียนให้เป็น พอขึ้น ป. 1 ทีนี้ เริ่มด้วยการ รู้จัก พยันชนะ และ สระ รู้จักหน้าที่
ของสระ ในการผสมกับพยันชนะเมื่อ เอามาผสมกัน ก็อ่านอย่างง่าย ๆ เรียกว่า อ่านคำ
ง่าย ๆได้ หมด ขึ้น ป. 2 ทีนี้ เอาคำที่ผสมสระ มา ต่อกันเป็นคำยาว ๆ อ่านได้ และ มีการคัดลายมือ
เพื่อให้เขียนหนังสือไทย ได้สวยเป็นระเบียบ หนังสืออ่าน ผมจำ ถึงเรื่อง นกกางเขน ครอบครัวหนึ่ง
มีลูก สี่ตัว นี่ม นิด หน่อย น้อย อ่านแล้ว น้ำตาไหลกันทุกคน หรือเรื่องราวของ คืนหนึ่งในฤดูหนาว
ผู้ใหญ่พา นั่งเงียบ ๆอยู่ที่เรือน ฯลฯ เรื่องคำนวน ก็เรียนเลข บวก ลบ
กันให้ได้ จำได้ว่า ถึง ป. 4 ผมต้องท่อง สูตรคูณ แม่ 1 ถึง แม่ 12 ให้ได้ ตอน จะเลิกเรียน
ทุกวัน แข่งกันท่อง ทุกห้อง เสียงดัง แข่งกัน
ผมจบ ป. 4 ที่เป็นชั้นสูงสุดในตอนนั้น อ่านหนังสือคล่อง รวมทั้ง เพื่อน ๆ ก็เหมือนกัน ตอยเรียน
ม. 1 มีวิชา ต่าง ๆที่ให้เรียน มาก เช่น เลขคณิต เขียนไทย อ่านไทย ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์
รวมทั้ง วิชาพลศึกษา วาดเขียน จนมาขึ้น ม. มีวิชายากขึ้นมาหน่อยคือ พีชคณิต เรขา รวมทั้งวรรณคดี
จำได้ว่า ตอนนั้นเด็ก ม. 4 บวรนิเวศ ตกกัน ครึ่งหนึ่ง ของนักเรียน ม. 4
เด็กรุ่นผม ไม่มีปัญหา กับเรื่องวิชาที่เรียน และได้เอาพื้นฐานเหล่านั้น มาเรียน ในระดับ วิชาชีพได้ อย่างดี
ตอนนั้น นักเรียนช่างกล ไม่มีวิชาคำนวนมากนัก ทำให้ เวลาเรียนระดับสูงขึ้นไป ในระดับ ปวส มีปัญหามาก
ต้องใช้การเรียนจากครู ที่สอนให้ฟรี ๆ ในพวกที่จะไปเรียนต่อ ผมจบ ปวส ปม มาก็มาสอน ในระดับ
ปวช ปัญหาที่เด็กจบ ม. 3 หรือ ม.ศ. 3 มาก็มีปัญหาน้อย เพราะ เด็ก มีพื้นฐาน ดีพอสมควร และ
นักเรียนส่วนใหญ่ เข้าใจ ว่าแกเรียนเพื่อไปทำอะไร
ปัญหา การสอนของผม เริ่มมี เมื่อ มีหลักสูตร ใหม่ ในระดับ มัธยม ประมาณ ปี 2540 เป็นต้นมา นักเรียน
ที่จบ ม. 3 หรือ ม.ศ. 3 ม.ศ. 6 มีความรู้ในเรื่องการเขียนภาษาไทย น้อยมาก วิชาคำนวน ท่องสูตรคูณ
ไม่ได้ อย่างเช่น คำว่า ใจ แกเขียน จัย ผมถาม ว่า ทำไมเขียนอย่างนี้ แกบอกมันง่ายดี ถามต่อว่า ครู
ของเธอว่า ไง ก็บอก ไม่เห็นว่าอะไร
หลังจาก ปี 2540 เป็นต้นมา ผมสอนเด็กยากขึ้น โดยเฉพาะวิชาคำนวน ในชั้น ปวส ที่ต้องการ การคำนวนชั้นสูงขึ้น
เช่นการคำนวนโครงสร้าง หรือความแข็งแรงวัสดุ ที่ต้องใช้ วิชา ทั้งพีชคณิต และ เรขา มาช่วย นักเรียน รับไม่ได้เลย
บางเทอม เด็ก ตก ยกชั้น ในวิชาเหล่านี้ พ่อแม่ มาถาม ผ.อ. ถาม ผมเอา โครงสร้างวิชาให้ดู เอา แผนการสอนให้ดู
เอา สมุด การบ้าน เอา สมุด ที่นักเรียน เรียนให้ดู ในสมุด ไม่มีอะไรเลย แล้ว จะไม่ตกได้อย่างไร ผม อธิบายให้ พ่อ แม่
เขาฟังถึงความจำเป็นต้องรู้ ในวิชาพวกนี้ เพื่อออกไป ทำงาน ตึก จะได้ไม่พัง โครงเหล้ก จะไม่พัง เขา ก็พอเข้าใจ แต่
ไม่ยอมรับเท่าใด
ทีนี้ มาดู หลานของผม เรียน บ้าง วิชาคำนวน หลักสูตร เท่าที่ดู เป็น ลักษณะ เป็นบล๊อค หรือเติมคำในช่องว่าง
ไม่ได้ ให้มีการตรวจสอบ ย้อนไปถึงที่มาที่ไปเลย เช่น สมการ ที่ต้องสามารถ ดูที่มา และตั้งสมมุติฐานได้ แต่ หลานผม
ไม่เข้าใจ บอกครู ให้ทำแบบนี้ หนังสือ เขาเป็นแบบนี้ ที่น่าตกใจ วิชาคำนวน ให้ นักศึกษาฝึกสอน จาก ม. ราชภัฏ
มาสอน ผมตามไปดู การสอน ครับ แกสอน โดย การเขียน แบบฝึกหัด ในหนังสือ ให้เด็กดู มันมีขบวนการทำ อยู่แล้ว
คำตอบ ก็มีอยู่แล้ว คนสอน เขียนตาม ที่หนังสือบอกไว้ เท่านั้น ผม ไม่สงสัย เลย ที่หลานบอกว่า ผมสอนผิด เพราะ
ครู เขาสอนกัน แบบ ในตำราที่ทำมานั่นเอง
ที่น่าตกใจ อีก ครู ประจำ การ บอกเด็ก ถ้าอยากรุ้มาก เข้าใจ ต้องไปเรียนพิเศษ นอกจากกับครู ยังมีสถานสอนพิเศษ
อาจารย์ อะไร ต่อมิ อะไร กลาดเกลื่อน ในห้องเรียนไม่ต้องสอนกัน แล้ว ไปเอาวิชา ที่เรียนพิเศษ ดีกว่า น่าสมเพชไหม
คุณจาตุรงค์ ผมเรียนหนังสือมาจน เป็นครู จน เกษียณ ไม่เคยเรียนพิเศษ ไม่เคยสอนพิเศษ ที่เอาเงินเลย มันไม่จำเป็น
พราะ ครูของผม ไม่สอนพิเศษ นึกออกไหมครับ ว่าปัญหามันอยู่ที่ไหน
ออกมา นอกแนวนิด ผมอยู่ในวงการอาชีวฯ มา ตั้งแต่ ปี 2504 ถึงบัดนี้ กว่า 50 ปีแล้ว เมื่อวาน ได้ยิน อธิการบดี
สจพ พูด ถึงเรื่องการเรียน แบบ มีการฝึกงานไปด้วย ที่เรียกว่า เรียนทวิภาคี เรื่องนี้ มันเกิดมา ตั้งแต่ ด.ร. ชนะ กสิภาร์
ครูของผม ตอนไปเรียน ที่ สจพ เมื่อ 40 ปีมาแล้ว ท่าน ทำโครงการนี้ ร่วมกับ กรมอาชีว ฯ ในสมัยนั้น ครับ เอาแบบอย่าง
มาจาก เยอรมัน ที่เขาเรียนแบบ โรงเรียน โรงงาน โครงการ ไปไม่ถึงไหน เพราะ อธิบดี ใหม่มา ก็เลิกไป รวมทั้ง โรงงาน
ที่จะรับเด็ก ไปฝึกงาน ก็น้อยมาก เราไม่มีก.ม. บังคับ เหมือนของเขา ตอนผม เรียน ป. โท ที่นี่ ได้ทำเรื่องนี้ เป็นงานวิจัย
เป็น ทรีสีต เสนอ กรม อาชีว ฯ สมัยนั้น ไม่ทราบว่างานวิจัย เอาไปที้ง ที่ไหนแล้ว เพราะเรื่องนี้ ถ้าจะได้ผลดี จริง ๆต้องมีก.ม. รองรับ
บังคับ โรงงานด้วย เอาไป ลองคิดดูหน่อยครับเรื่องนี้
วิธีการ ของผม ในการแก้ใข เรื่อง ตั้งแต่ นักเรียน อ่านหนังสือไม่ออก มีครับ ไม่ใช่ติอย่างเดียว
1. ปรับ วิชา ตั้งแต่ชั้น ประถม เป็นต้นมา ให้ เด้กสามารถ ฝึกอ่าน ตั้งแต่ ก อะ กะ ก อา กา ไปเลย
2. ให้เด็ก ได้เรียนรู้ เกี่ยวกับ เลข๕ริต ที่ ต้องใช้ สมองมากกว่าเครื่องคำนวน
3. ปรับ หนังสือเรียนทั้งระบบ ให้เด็กสามารถ คิดเอง ทำเองได้ โดย ไม่ใช้บทเรียนสำเร็จรูป ไอ้ที่เป็นบล๊อค
ทั้งหลาย ลองคิดดู วิชาคำนวนยังเป็นบล๊อค แล้ว เด็กจะคิดเป็น ทำเป็นอย่างไร
4. ครู ต้องใส่ใจ กับการสอนให้ เต้มร้อย อย่าเอา เวลา ไปทำ เรื่องความก้าวหน้าของตนเอง อ. 3 ที่จะให้
ให้ ผ.อ. ประเมินร แบบมีคณะกรรมการ ของโรงเรียน เฝ้าดู การสอน การเอาใจใส่ การเป็นครู ของเขา เอา แค่
3 ปีการศึกษา ก้พอ
5. นี่สำคัญ ห้าม มิให้มีการตั้งโรงเรียนพิเศษ รวมทั้งครู ต้องไม่ มีการกระทำแบบนี้ เป็นอันขาด ข้อนี้ ต้องใจแข็ง
หน่อยครับ ถาม ตัวเองด้วย ว่า ตอนเรียนหนังสือ ท่านเอง เคยเรียนพิเศษไหม ครับไอ้ตอนเรียนวิศวะ น่ะ
6. โรงเรียน ตามชนบท ให้ใช้เทคโนโลยี เข้าไปช่วยอย่างเต็มที่ เรามีดาวเทียม เรามีจาน เรามีทีวี ทำไม ไม่ทำครับ
วิธีนี้ ไม่จำเป็นต้องควบรวม เหมือน อย่างที่คิด กันเลย แถม โรงเรียน ยังเป็นศูนย์รวม ของหมู่บ้าน ที่จะเรียนรู้
เทคโนโลยี่ ใหม่ ๆ เกี่ยวกับ การ ทำมาหากินของเขา เรียนรู้ราคาสินค้า เกษตร ที่เขาผลิต ไม่ต้องถูกเอาเปรียบ
จาก พ่อค้านายทุน
นี่เป็นบางส่วน จากครูบ้านนอก คนหนึ่ง ที่อยากเห็นการสึกษา ของเรา ของเด้ก ที่เป็นอนาคต ของชาติ ไม่เอา
วัฒนธรรมของต่างชาติ เข้ามา ครอบ ตัวเอง จน ไม่ใช่ คนไทย แล้วครับ
จะมี เพื่อนพ้อง ที่ปรึกษาของ คุณ จาตุรงค์ มาอ่าน บ้างไหมครับ คงมีซักคน ก็ยังดี