กาลครั้งหนึ่ง ในวันนั้น ตอนที่ 3

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์ของ ตัวผู้เขียนเอง ซึ่งเกิดขึ้นจริง แต่จะเป็นการเข้าใจผิดหรือมีคนแอบแกล้งอันนี้ไม่ทราบได้ โดยสาเหตุที่แท็กห้องเรื่องสั้นและชีวิตวัยรุ่นเพราะเกิดขึ้นในช่วงวัยเยาว์และวัยรุ่น ซึ่งคิดว่าเหมาะสมมากกว่าที่จะแท๊กห้องศาสนาหรือห้องอื่นๆ เพราะตัวผู้เขียนไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องพิศดารลี้ลับแต่ประการใด โดยตอนที่ 1 และตอนที่ 2 ท่านผู้อ่านสามารถเข้าไปอ่านได้ที่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้อ่านสามารถแชร์ประสบการณ์ที่ตนเองพบเจอมาและคิดว่าคล้ายกับตัวผู้เขียนได้เช่นเดียวกันในกระทู้นี้

สําหรับเรื่องแรกในกระทู้นี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยที่ผู้เขียนยังเป็นเด็ก ตอนนั้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่งมีการพาเด็กไปทัศนศึกษาต่างจังหวัด ซึ่งตัวผู้เขียนก็ได้เดินทางไปด้วย การเดินทางต้องไปโดยรถบัส ซึ่งบนรถบัสนั้นก็มีทั้งเด็กที่ผู้เขียนรู้จักและไม่รู้จัก ผู้เขียนตัดสินใจนั่งบนเบาะที่ว่างที่หนึ่งซึ่งมีเด็กที่ผู้เขียนไม่รู้จักนั่งอยู่ก่อนแล้วติดริมหน้าต่าง เมื่อรถบัสออกเดินทาง เด็กคนนั้นก็เริ่มชวนผู้เขียนคุย พอสักพักผู้เขียนก็นึกขึ้นได้ว่าลืมเอากระติกน้ำมา เด็กคนนั้นยื่นขวดน้ำมาให้ดื่ม ผู้เขียนไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งเมื่อรถเดินทางใกล้ถึงที่หมาย ผู้เขียนบ่นกระหายน้ำอัดลม ประมาณว่ารู้สึกอยากดื่มน้ำอัดลมขึ้นมา เด็กคนนั้นก็หยิบน้ำอัดลมมาให้ดื่ม และไม่ว่าผู้เขียนนึกอยากอะไรก็ราวกับเพื่อนใหม่คนนี้จะรู้ใจและมีของสิ่งนั้นๆเอามาให้ในทันที ซึ่งทําให้ผู้เขียนประทับใจมากที่รู้สึกว่าเพื่อนใหม่คนนี้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพ โดยที่ผู้เขียนลืมคิดไปเลยว่า ในตอนแรกที่ผู้เขียนตัดสินใจมานั่งตรงนี้ ผู้เขียนมองเพื่อนใหม่คนนี้นั่งอยู่ตัวเปล่าโดยที่เขาไม่มีกระเป๋าและไม่ได้พกของใดๆมาทั้งสิ้น!!

หลังจากการทัศนศึกษาเสร็จ เราเดินทางกลับ ผู้เขียนจึงชวนเพื่อนใหม่คนนี้คุย โดยตอนนั้นยกเรื่องการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งขึ้นมาคุย ปรากฏว่าเพื่อนใหม่คนนี้เล่าให้ผู้เขียนฟังถึงการ์ตูนเรื่องนี้ว่าเหตุการณ์ในเรื่องจะดําเนินไปอย่างไรต่อ และเล่ายาวไปไกลมากจนผู้เขียนเข้าใจว่าเพื่อนใหม่คงแต่งเรื่องขึ้นมาเล่าให้ฟังสนุกๆ เพราะเนื้อหาที่เล่ามานั้นยาวไปจนเปรียบเป็นภาค 3 ภาค 4 ทั้งๆที่ปัจจุบันยังพึ่งเป็นภาคแรก ( หลายปีผ่านไป การ์ตูนเรื่องนั้นก็ยังไม่จบ และกลายเป็นว่าดําเนินเรื่องเหมือนที่เพื่อนใหม่ของผู้เขียนคนนั้นเล่ามาทุกประการ  ) เมื่อกลับมาถึงบ้าน ผู้เขียนเล่าให้แม่ผู้เขียนฟังว่าเจอเพื่อนใหม่ที่ดีกับเรามาก อยากได้อะไรก็หยิบออกมาให้หมด แม่ผู้เขียนกล่าวกับผู้เขียนเชิงติดตลกว่า "ทําไมไม่ขอหวยมาด้วย"  

สําหรับเรื่องที่สองในวันนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ผู้เขียนอยู่ในช่วงวัยรุ่น ช่วงนั้นผู้เขียนค่อนข้างจะเป็นเด็กเก(เร)อยู่หน่อยหนึ่ง ช่วงสายของวันหนึ่งผู้เขียนเดินออกจากโรงเรียนมานั่งรถเมล์กลับบ้าน โดยตัดสินใจนั่งรถเมล์ในสายหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่สายประจําที่ผู้เขียนนั่ง ระหว่างทางมีเด็กท่าทางแก่เรียนใส่แว่นสะพายกระเป๋าใบโตขึ้นมานั่งข้างๆผู้เขียน ผู้เขียนซึ่งกําลังมีอารมณ์หงุดหงิดเพราะมีเรื่องกับอาจารย์เมื่อเช้าก็ยิ่งรู้สึกรําคาญมากขึ้นไปอีกโดยที่เด็กคนนั้นแค่มานั่งข้างๆเท่านั้นเอง

ผู้เขียนเริ่มบ่นในใจ และพลางเหลือบสายตามองไปยังเด็กแว่นข้างๆ เด็กนั่นนั่งก้มหน้าอย่างเดียว แต่ไม่ว่าผู้เขียนจะคิดอะไร ผู้เขียนกลับมีความรู้สึกว่าเด็กคนนั้นรู้สิ่งที่ผู้เขียนคิด ตลอดทางที่นั่งมาผู้เขียนรู้สึกกดดันแปลกๆ ไม่ว่าจะคิดอะไร ผู้เขียนก็มีความรู้สึกทุกครั้ง จนผู้เขียนทดลองด่าคนอื่นในใจ ปรากฏว่าคนอื่นๆสามารถได้ยินสิ่งที่ผู้เขียนคิด เช่น ผู้เขียนคิดตําหนิชุดของผู้หญิงคนหนึ่งที่ลงจากรถเมล์ ผู้หญิงคนนั้นก็หันมาว่าผู้เขียน ผู้เขียนคิดด่าลุงบนรถ ลุงก็รู้ว่าผู้เขียนคิดอะไร บางคนแค่หันมามองหน้าผู้เขียนแบบโกรธๆ ผู้เขียนคิดว่าทั้งหมดนี่เป็นฝีมือของเด็กแว่นคนที่นั่งข้างๆ ผู้เขียนหันไปมองก็พบว่าหมอนั่นนั่งก้มหน้าเหงื่อแตกพลั่กอยู่เช่นเดิม ผู้เขียนจึงคิดเตรียมจะง้างหมัดขึ้นมา ปรากฏว่าเด็กแว่นคนนั้นก็รีบลุกวิ่งลงไปจากรถเมล์ ทั้งๆที่ผู้เขียนยังอยู่ในสภาพที่นั่งเฉยๆไม่ได้ขยับแขนอะไร ภาพจะต่อยนั้นยังเป็นเพียงความคิด หลังจากนั้นผู้เขียนก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรอีก ยกเว้นตอนลงจากรถเมล์ที่รู้สึกปวดเมื่อย ..ก็เพราะผู้เขียนนั่งอยู่นิ่งๆบนรถเมล์โดยที่ไม่ได้ขยับร่างกายอะไรเลยตั้งแต่นั่งมาตลอดทาง!!

สําหรับวันนี้คงเท่านี้ก่อนครับ จริงๆยังมีอีกหลายเรื่อง
ผู้อ่านท่านสามารถแชร์ประสบการณ์แปลกๆได้เช่นเดียวกันครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่