เนื่องจากตัวเองเป็นหมอที่ตรวจคนไข้อยู่ที่ศูนย์สุขภาพชุมชนแห่งหนึ่ง (คล้ายๆ สถานีอนามัยค่ะ) ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดไม่ไกลจากกทม.นัก
ทุกๆ วัน ผู้ป่วยที่มาตรวจจะมีทั้งผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หรือป่วยเล็กๆ น้อยๆ เช่นเจ็บคอ เป็นหวัด ปวดเข่า
แต่หลังจากการตรวจไปได้ 2-3 เดือน ก็เริ่มสังเกตเห็นว่า มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังและรุนแรงแต่ไม่เคยมีญาติมาด้วยกัน
ผู้ที่มาด้วยเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงานที่สถานแรกรับคนไร้ที่พึ่ง ผู้ป่วยเปลี่ยนหน้าแต่เจ้าหน้าที่หน้าเดิม
จากการพูดคุย เจ้าหน้าที่เล่าว่า
ขณะนี้ในสถานไร้ที่พึ่ง ไม่มีแพทย์ ไม่มีพยาบาลอยู่ประจำ มีแต่เจ้าหน้าที่ และพนักงานทั่วไปเท่านั้น
คนไข้ที่อยู่ในนั้นมีประมาณ 300-400 คน มีเจ้าหน้าที่ประจำแค่ 3-4 คนเท่านั้น
เราสะดุดใจกับคำว่า
“คนไข้ที่อยู่ในนั้น”
เดี๋ยวก่อน? ทำไมเป็นคนไข้ละ?
ตามความคิดของเรา สถานไร้ที่พึ่ง คือ สถานที่ที่รับคนที่ปกติแข็งแรงดี เพียงแต่ว่าแก่ ไม่มีญาติ ไม่มีบ้าน ไม่มีที่อยู่อาศัยไม่ใช่เหรอ?
เจ้าหน้าที่ยิ้มแห้งๆ แล้วบอกว่า “หมอลองมาดูเองไหมคะ”
เราจึงตัดสินใจลงไปเยี่ยมสถานไร้ที่พึ่งแห่งนี้ ลองไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานประจำ
สถานที่ภายในศูนย์มีต้นไม้ร่มรื่น มีสระน้ำ มีอาคารสำนักงานอยู่ด้านหน้า
ด้านในเป็นที่อยู่ของ “แขก” ที่มาพำนักอยู่ที่ศูนย์แห่งนี้
“แขก” ที่ว่า มีทั้งผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยพิการ ผู้ป่วยจิตเวช ผู้ป่วยสมองเสื่อมทั้งระยะต้นๆ และระยะสุดท้ายที่นอนรอกำหนดเวลาของตัวเอง
เขาทั้งหมดเป็นเสมือนคนไร้ญาติ บางคนก็เป็นคนตัวเปล่าเล่าเปลือยไม่มีพี่น้องและพ่อแม่เสียหมดแล้ว
แต่บางคนลูกหลานที่ตนเคยเลี้ยงกับมือก็ไม่สามารถรับภาระในการดูแลได้ หรือไม่ก็หนีหายไปเฉยๆ
บางคนศูนย์นเรนทร หรือ รถโรงพยาบาลก็นำส่งมาอยู่เพราะเป็นคนสติไม่ค่อยดี จรจัด หรือเดินไร้จุดหมายอยู่ตามถนน
“แต่ก่อนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่ศูนย์นี้มี “แขก” แค่ประมาณ 5-10 คนเองค่ะ” พี่ประจำศูนย์คนหนึ่งเล่าให้เราฟังด้วยสีหน้าแช่มชื่น
“พวกป้าๆ ลุงๆ เขาช่วยเหลือตัวเองได้ แต่เขาไม่มีญาติ ไม่มีคนดูแล ไม่มีที่อยู่ก็มาอยู่ที่นี่กัน ตกเย็น เราก็จะคุยกัน วันนี้จะทำอะไรกินกันดี มาช่วยกันตำน้ำพริกดีไหม”
ฤาจะเป็นคำตอบที่ไร้ทางออก? เสียงเล็กๆ จากบ้านไร้ที่พึ่ง
ทุกๆ วัน ผู้ป่วยที่มาตรวจจะมีทั้งผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หรือป่วยเล็กๆ น้อยๆ เช่นเจ็บคอ เป็นหวัด ปวดเข่า
แต่หลังจากการตรวจไปได้ 2-3 เดือน ก็เริ่มสังเกตเห็นว่า มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังและรุนแรงแต่ไม่เคยมีญาติมาด้วยกัน
ผู้ที่มาด้วยเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงานที่สถานแรกรับคนไร้ที่พึ่ง ผู้ป่วยเปลี่ยนหน้าแต่เจ้าหน้าที่หน้าเดิม
จากการพูดคุย เจ้าหน้าที่เล่าว่า
ขณะนี้ในสถานไร้ที่พึ่ง ไม่มีแพทย์ ไม่มีพยาบาลอยู่ประจำ มีแต่เจ้าหน้าที่ และพนักงานทั่วไปเท่านั้น
คนไข้ที่อยู่ในนั้นมีประมาณ 300-400 คน มีเจ้าหน้าที่ประจำแค่ 3-4 คนเท่านั้น
เราสะดุดใจกับคำว่า “คนไข้ที่อยู่ในนั้น”
เดี๋ยวก่อน? ทำไมเป็นคนไข้ละ?
ตามความคิดของเรา สถานไร้ที่พึ่ง คือ สถานที่ที่รับคนที่ปกติแข็งแรงดี เพียงแต่ว่าแก่ ไม่มีญาติ ไม่มีบ้าน ไม่มีที่อยู่อาศัยไม่ใช่เหรอ?
เจ้าหน้าที่ยิ้มแห้งๆ แล้วบอกว่า “หมอลองมาดูเองไหมคะ”
เราจึงตัดสินใจลงไปเยี่ยมสถานไร้ที่พึ่งแห่งนี้ ลองไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานประจำ
สถานที่ภายในศูนย์มีต้นไม้ร่มรื่น มีสระน้ำ มีอาคารสำนักงานอยู่ด้านหน้า
ด้านในเป็นที่อยู่ของ “แขก” ที่มาพำนักอยู่ที่ศูนย์แห่งนี้
“แขก” ที่ว่า มีทั้งผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยพิการ ผู้ป่วยจิตเวช ผู้ป่วยสมองเสื่อมทั้งระยะต้นๆ และระยะสุดท้ายที่นอนรอกำหนดเวลาของตัวเอง
เขาทั้งหมดเป็นเสมือนคนไร้ญาติ บางคนก็เป็นคนตัวเปล่าเล่าเปลือยไม่มีพี่น้องและพ่อแม่เสียหมดแล้ว
แต่บางคนลูกหลานที่ตนเคยเลี้ยงกับมือก็ไม่สามารถรับภาระในการดูแลได้ หรือไม่ก็หนีหายไปเฉยๆ
บางคนศูนย์นเรนทร หรือ รถโรงพยาบาลก็นำส่งมาอยู่เพราะเป็นคนสติไม่ค่อยดี จรจัด หรือเดินไร้จุดหมายอยู่ตามถนน
“แต่ก่อนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่ศูนย์นี้มี “แขก” แค่ประมาณ 5-10 คนเองค่ะ” พี่ประจำศูนย์คนหนึ่งเล่าให้เราฟังด้วยสีหน้าแช่มชื่น
“พวกป้าๆ ลุงๆ เขาช่วยเหลือตัวเองได้ แต่เขาไม่มีญาติ ไม่มีคนดูแล ไม่มีที่อยู่ก็มาอยู่ที่นี่กัน ตกเย็น เราก็จะคุยกัน วันนี้จะทำอะไรกินกันดี มาช่วยกันตำน้ำพริกดีไหม”