ตอนที่ 3
ณ กรุงธนบุรี เรือนของพระยามิตรไมตรีซึ่งสร้างจากไม้สักทองทั้งหลังอย่างสวยงามสมเป็นเรือนของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ยามนี้คุณท้าวเฟื่องเดินกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบด้วยอาการร้อนรุ่มกลุ้มใจ เพราะขุนไกรบุตรชายเพียงคนเดียวของท่าน แจ้งข่าวมาว่าจะกลับเรือนมาตั้งแต่เมื่อวานซืน นี่ก็ล่วงมาหลายวันด้วยกันแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวใดส่งมาจากลูกชายของนางอีกเลย อาหารคาวหวานที่จัดไว้อย่างพิถีพิถัน เตรียมต้อนรับการกลับมาของบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน จึงต้องตกเป็นลาภปากของบรรดาบ่าวไพร่มาหลายมื้อแล้ว
คุณท้าวเฟื่องทรุดกายลงนั่งตรงตั่งไม้สักทองตัวเดิม ที่มักจะใช้นั่งเล่นนอนเล่นเสมอ โดยมีบ่าวไพร่วัยแรกรุ่น หน้าตาหมดจดหลายคนกำลังนั่งกรองมาลัยสำหรับบูชาพระ
“พ่อขุนหนาพ่อขุนหายไปไหนลูก รู้รึไม่ แม่คนนี้รอคอยเจ้าด้วยความเป็นห่วง” ใบหน้าที่ยังคงงดงามแม้จะผ่านวัยสาวมาเนิ่นนาน ปรายตามองไปยังบ่าวสาวคนสนิท
“นังขมิ้น เอ็งไปตามขุนศรีเกลอรักของพ่อขุนลูกชายข้ามาทีเถิด ข้าจักได้ถามจากขุนศรีว่า พ่อขุนติดงานอันใดถึงยังมิได้กลับเรือนอีก ข้าห่วงกลัวจักเกิดเหตุร้ายกับพ่อขุนนัก”
คนเป็นแม่นั้นไม่มีห่วงอะไรเท่ากับการห่วงลูกห่วงผัว กลัวว่าจะได้รับอันตราย นางจึงใจเย็นอยู่ไม่ได้
“เจ้าค่ะ บ่าวจักรีบไปเจ้าค่ะ”
กิริยานั้นดูรีบเร่งทำตามคำสั่งจนดูเหมือนจะลนลาน แต่เมื่อบ่าวสาวรับใช้ลงเรือนไปได้ยังมิทันพ้นเรือนก็กลับหมอบคลานเข้ามาแจ้งข่าวกับคุณท้าวเฟื่อง
“คงมิต้องไปตามแล้วเจ้าค่ะคุณท้าวเจ้าขา”
“มีเหตุอันใดรึนังขมิ้น เอ็งจึงมิทำตามคำสั่งของข้า” คุณท้าวเฟื่องทำสีหน้าฉงน แล้วเอ่ยถาม ทั้งที่นางร้อนใจแต่นางขมิ้นกลับขึ้นมาบอกว่ามิต้องไป หรือว่า...พลางรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้า
“พ่อขุนกลับมาถึงเรือนแล้วรึ”
“มิใช่เจ้าค่ะ แต่ท่านขุนศรีกับแม่หญิงชบาน้องสาว กำลังขึ้นเรือนมาเจ้าค่ะ”
ขมิ้นเองก็ดีใจจนออกนอกหน้าที่จะได้รู้ข่าวนายหนุ่มที่ตนเองเฝ้ารอคอยรับใช้อยู่ทุกลมหายใจ
“เยี่ยงนั้นเอง” สีหน้าของคุณท้าวเฟื่องดูสดชื่นขึ้นในทันที
“เอ็งรีบไปจัดของว่างมาบัดเดี๋ยวนี้”
“เจ้าค่ะ”
บ่าวสาวคนสวยของคุณท้าวเฟื่อง รีบทำตามคำสั่งนายของตน เพื่อจะได้รีบกลับมาฟังข่าวว่า ขุนศรีมีอะไรมารายงานคุณท้าว
บุพเพข้ามภพ ตอนที่ 3
ตอนที่ 3
ณ กรุงธนบุรี เรือนของพระยามิตรไมตรีซึ่งสร้างจากไม้สักทองทั้งหลังอย่างสวยงามสมเป็นเรือนของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ยามนี้คุณท้าวเฟื่องเดินกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบด้วยอาการร้อนรุ่มกลุ้มใจ เพราะขุนไกรบุตรชายเพียงคนเดียวของท่าน แจ้งข่าวมาว่าจะกลับเรือนมาตั้งแต่เมื่อวานซืน นี่ก็ล่วงมาหลายวันด้วยกันแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวใดส่งมาจากลูกชายของนางอีกเลย อาหารคาวหวานที่จัดไว้อย่างพิถีพิถัน เตรียมต้อนรับการกลับมาของบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน จึงต้องตกเป็นลาภปากของบรรดาบ่าวไพร่มาหลายมื้อแล้ว
คุณท้าวเฟื่องทรุดกายลงนั่งตรงตั่งไม้สักทองตัวเดิม ที่มักจะใช้นั่งเล่นนอนเล่นเสมอ โดยมีบ่าวไพร่วัยแรกรุ่น หน้าตาหมดจดหลายคนกำลังนั่งกรองมาลัยสำหรับบูชาพระ
“พ่อขุนหนาพ่อขุนหายไปไหนลูก รู้รึไม่ แม่คนนี้รอคอยเจ้าด้วยความเป็นห่วง” ใบหน้าที่ยังคงงดงามแม้จะผ่านวัยสาวมาเนิ่นนาน ปรายตามองไปยังบ่าวสาวคนสนิท
“นังขมิ้น เอ็งไปตามขุนศรีเกลอรักของพ่อขุนลูกชายข้ามาทีเถิด ข้าจักได้ถามจากขุนศรีว่า พ่อขุนติดงานอันใดถึงยังมิได้กลับเรือนอีก ข้าห่วงกลัวจักเกิดเหตุร้ายกับพ่อขุนนัก”
คนเป็นแม่นั้นไม่มีห่วงอะไรเท่ากับการห่วงลูกห่วงผัว กลัวว่าจะได้รับอันตราย นางจึงใจเย็นอยู่ไม่ได้
“เจ้าค่ะ บ่าวจักรีบไปเจ้าค่ะ”
กิริยานั้นดูรีบเร่งทำตามคำสั่งจนดูเหมือนจะลนลาน แต่เมื่อบ่าวสาวรับใช้ลงเรือนไปได้ยังมิทันพ้นเรือนก็กลับหมอบคลานเข้ามาแจ้งข่าวกับคุณท้าวเฟื่อง
“คงมิต้องไปตามแล้วเจ้าค่ะคุณท้าวเจ้าขา”
“มีเหตุอันใดรึนังขมิ้น เอ็งจึงมิทำตามคำสั่งของข้า” คุณท้าวเฟื่องทำสีหน้าฉงน แล้วเอ่ยถาม ทั้งที่นางร้อนใจแต่นางขมิ้นกลับขึ้นมาบอกว่ามิต้องไป หรือว่า...พลางรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้า
“พ่อขุนกลับมาถึงเรือนแล้วรึ”
“มิใช่เจ้าค่ะ แต่ท่านขุนศรีกับแม่หญิงชบาน้องสาว กำลังขึ้นเรือนมาเจ้าค่ะ”
ขมิ้นเองก็ดีใจจนออกนอกหน้าที่จะได้รู้ข่าวนายหนุ่มที่ตนเองเฝ้ารอคอยรับใช้อยู่ทุกลมหายใจ
“เยี่ยงนั้นเอง” สีหน้าของคุณท้าวเฟื่องดูสดชื่นขึ้นในทันที
“เอ็งรีบไปจัดของว่างมาบัดเดี๋ยวนี้”
“เจ้าค่ะ”
บ่าวสาวคนสวยของคุณท้าวเฟื่อง รีบทำตามคำสั่งนายของตน เพื่อจะได้รีบกลับมาฟังข่าวว่า ขุนศรีมีอะไรมารายงานคุณท้าว