ต้องขอเกริ่นยาวๆก่อนนะค่ะ คือดิฉันมีคอนโดอยู่ห้องนึง ซึ่งได้เข้าอยู่ตั้งแต่ปี 2528
เจ้าของคอนโดเป็นญาติกันค่ะ พ่อดิฉันเป็นผู้รับเหมาทำกระจกตามห้องต่างๆค่ะ
การชำระเงินก็หักจากการรับเหมา พอหักจนครบ คุณพ่อก็ทวงถามเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์
ฝั่งญาติแจ้งว่าตอนนี้ขัดสนเงิน จะขอยืมห้องไปจำนองก่อน พ่อดิฉันก็เชื่อใจ และไว้ใจ ก็เลยให้ยืมคะ
ก็มีการทวงถามเรื่อยๆ เค้าก็ผัดมาเรื่อย ๆ จนทุกอย่างเงียบไป ดิฉันก็คิดว่าเรื่องนี้จบแล้ว เพราะตอนมีปัญหากันดิฉันอายุประมาณ 3 ขวบ
จนกระทั่งปี 51 คุณพ่ออยู่ดีๆก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา และยอมรับผิดอีกว่าหลักฐานการชำระเงินต่างๆก็หายไปหมดแล้ว และทางญาติก็กำลังถูกฟ้องล้มละลายด้วย โดยมีสรรพากรเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ พอไปเช็คดูก็พบว่าห้องโดนสรรพากรอายัด ดิฉันจึงรีบทำการฟ้องญาติเพื่อให้โอนห้องให้ แต่ตอนนี้ไม่เหลือหลักฐานอะไรแล้วค่ะ เลยใช้รูปถ่ายที่ยังเด็ก พร้อมด้วยบิลค่าน้ำค่าไฟปีที่เก่าที่สุดซึ่งเป็นปี 34 และภรรยาของญาติคนนั้นมาเป็นพยานว่าเราจ่ายเงินจริง วันไต่สวนไม่แน่ใจว่ากี่ครั้ง จำเลยไม่มาเลยสักครั้งค่ะ และไม่ส่งทนายมาด้วย ต่อมาก็นัดเจ้าหนี้ทั้งหลายที่กรมบังคับคดีว่ามีใครคัดค้านมั้ย ถ้าจะโอนห้องให้ดิฉัน เจ้าหนี้ก็จะมี สรรพากรกับธนาคารต่างๆ เจ้าหนี้มาทุกรายค่ะ ยกเว้นสรรพากร และไม่มีใครคัดค้านเรื่องห้องของดิฉัน ศาลก็เลยพิพากษาให้โอนห้องให้ดิฉัน พอจะไปโอนปรากฎว่าสรรพากรไม่ถอนอายัดค่ะ ไปติดต่อที่สรรพากร เจ้าหน้าที่แจ้งว่า เป็นการไต่สวนข้างเดียว สรรพากรไม่ยอมรับ และจะไม่ถอนอายัดให้ด้วย แต่ถ้ามีหลักฐานการชำระเงิน หรือกรรมการของคอนโด(ญาติ)เซ็นรับรองมา จะพิจารณาให้ ซึ่งดิฉันก็ทำไม่ได้ทั้ง 2 ข้อ เพราะหลักฐานหายหมดแล้ว ส่วนจะให้ญาติเซ็นก็ยากค่ะ ทนายที่ดูเรื่องนี้ก็ไม่ดีค่ะ ไม่ตามเรื่องให้ คดีถึงที่สุดปี 53 จนป่านนี้ยังจัดการปัญหานี้ไม่ได้เลยค่ะ
จะเปลี่ยนทนายก็ไม่ค่อยจะมีเงินแล้ว เพราะกับคนนี้ก็หมดไปเยอะเหมือนกันค่ะ จะแก้ปัญหาสรรพากรยังไงดีค่ะ กลุ้มใจมาก ถ้าโดนยึดก็ไม่มีที่จะไปแล้วค่ะ ใครมีความรู้ด้านกฎหมายช่วยแนะนำทีคะ
ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำค่ะ
ปล.บางทีขั้นตอนอาจจะผิดเพี้ยนไป ต้องขอโทษด้วยนะคะ
ปล. ขอโทษด้วยคะ ถ้าตั้งกระทู้ผิดห้อง
สอบถามเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์แต่ถูกสรรพากรอายัดค่ะ
เจ้าของคอนโดเป็นญาติกันค่ะ พ่อดิฉันเป็นผู้รับเหมาทำกระจกตามห้องต่างๆค่ะ
การชำระเงินก็หักจากการรับเหมา พอหักจนครบ คุณพ่อก็ทวงถามเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์
ฝั่งญาติแจ้งว่าตอนนี้ขัดสนเงิน จะขอยืมห้องไปจำนองก่อน พ่อดิฉันก็เชื่อใจ และไว้ใจ ก็เลยให้ยืมคะ
ก็มีการทวงถามเรื่อยๆ เค้าก็ผัดมาเรื่อย ๆ จนทุกอย่างเงียบไป ดิฉันก็คิดว่าเรื่องนี้จบแล้ว เพราะตอนมีปัญหากันดิฉันอายุประมาณ 3 ขวบ
จนกระทั่งปี 51 คุณพ่ออยู่ดีๆก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา และยอมรับผิดอีกว่าหลักฐานการชำระเงินต่างๆก็หายไปหมดแล้ว และทางญาติก็กำลังถูกฟ้องล้มละลายด้วย โดยมีสรรพากรเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ พอไปเช็คดูก็พบว่าห้องโดนสรรพากรอายัด ดิฉันจึงรีบทำการฟ้องญาติเพื่อให้โอนห้องให้ แต่ตอนนี้ไม่เหลือหลักฐานอะไรแล้วค่ะ เลยใช้รูปถ่ายที่ยังเด็ก พร้อมด้วยบิลค่าน้ำค่าไฟปีที่เก่าที่สุดซึ่งเป็นปี 34 และภรรยาของญาติคนนั้นมาเป็นพยานว่าเราจ่ายเงินจริง วันไต่สวนไม่แน่ใจว่ากี่ครั้ง จำเลยไม่มาเลยสักครั้งค่ะ และไม่ส่งทนายมาด้วย ต่อมาก็นัดเจ้าหนี้ทั้งหลายที่กรมบังคับคดีว่ามีใครคัดค้านมั้ย ถ้าจะโอนห้องให้ดิฉัน เจ้าหนี้ก็จะมี สรรพากรกับธนาคารต่างๆ เจ้าหนี้มาทุกรายค่ะ ยกเว้นสรรพากร และไม่มีใครคัดค้านเรื่องห้องของดิฉัน ศาลก็เลยพิพากษาให้โอนห้องให้ดิฉัน พอจะไปโอนปรากฎว่าสรรพากรไม่ถอนอายัดค่ะ ไปติดต่อที่สรรพากร เจ้าหน้าที่แจ้งว่า เป็นการไต่สวนข้างเดียว สรรพากรไม่ยอมรับ และจะไม่ถอนอายัดให้ด้วย แต่ถ้ามีหลักฐานการชำระเงิน หรือกรรมการของคอนโด(ญาติ)เซ็นรับรองมา จะพิจารณาให้ ซึ่งดิฉันก็ทำไม่ได้ทั้ง 2 ข้อ เพราะหลักฐานหายหมดแล้ว ส่วนจะให้ญาติเซ็นก็ยากค่ะ ทนายที่ดูเรื่องนี้ก็ไม่ดีค่ะ ไม่ตามเรื่องให้ คดีถึงที่สุดปี 53 จนป่านนี้ยังจัดการปัญหานี้ไม่ได้เลยค่ะ
จะเปลี่ยนทนายก็ไม่ค่อยจะมีเงินแล้ว เพราะกับคนนี้ก็หมดไปเยอะเหมือนกันค่ะ จะแก้ปัญหาสรรพากรยังไงดีค่ะ กลุ้มใจมาก ถ้าโดนยึดก็ไม่มีที่จะไปแล้วค่ะ ใครมีความรู้ด้านกฎหมายช่วยแนะนำทีคะ
ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำค่ะ
ปล.บางทีขั้นตอนอาจจะผิดเพี้ยนไป ต้องขอโทษด้วยนะคะ
ปล. ขอโทษด้วยคะ ถ้าตั้งกระทู้ผิดห้อง