ก่อนที่ท่านพระอานนท์จะเป็นพระอุปฐากประจำ ในปฐมโพธิกาล พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ได้มีพระอุปฐากประจำ
บางคราวพระนาคสมาละถือบาตรและจีวรตามเสด็จ บางคราวพระนาคิตะ บางคราวพระอุปวาณะ บางคราวพระสุนักขัตตะ
บางคราวจุนทสมณุเทส บางคราวพระสาคตะ บางคราวพระเมฆิยะ
ณ พระนครสาวัตถี พระผู้มีพระภาคเจ้าแวดล้อมด้วยหมู่ภิกษุ ประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์อันบวรที่ปูไว้
ณ บริเวณคันธกุฏี ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราเป็นผู้แก่ ภิกษุบางรูป เมื่อเราบอกว่าเราไปตามทางนี้กันเถิด ได้ไปเสียทางอื่น
บางรูปวางบาตรและจีวรของเราไว้บนพื้น
พวกเธอจงเลือกภิกษุรูปหนึ่ง เป็นอุปฐากประจำของเรา.
ภิกษุทั้งหลายเกิดธรรมสังเวช.
ลำดับนั้น ท่านพระสารีบุตรลุกจากอาสนะถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว กราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ตั้งความปรารถนาไว้กะพระองค์ บำเพ็ญบารมีตลอดอสงไขยยิ่งด้วยแสนกัป
ธรรมดาอุปฐากมีปัญญามากเช่นข้าพระองค์สมควรมิใช่หรือ ข้าพระองค์จักอุปฐากพระองค์ดังนี้.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามพระสารีบุตรว่า
อย่าเลย สารีบุตร เธออยู่ในทิศใด ทิศนั้นไม่ว่างเปล่าทีเดียว
โอวาทของเธอเช่นเดียวกับโอวาทของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
เธอไม่ต้องทำหน้าที่อุปฐากเรา.
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=1&p=1#อุปฏฺฐากปริจฺเฉทวณฺณนา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ [๗๔๑] สมัยหนึ่ง เมื่อพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะปรินิพพานแล้วไม่นาน พระ
ผู้มีพระภาคประทับอยู่แทบฝั่งแม่น้ำคงคา ใกล้อุกกเจลนคร ในแคว้นวัชชี กับพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่
ก็สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคอันภิกษุสงฆ์แวดล้อมแล้ว ประทับนั่งที่กลางแจ้ง ครั้งนั้น พระผู้มีพระ
ภาค ทรงชำเลืองดูภิกษุสงฆ์ผู้นิ่งอยู่ แล้วตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บริษัทของ
เรานี้ปรากฏเหมือนว่างเปล่า เมื่อสารีบุตรและโมคคัลลานะยังไม่ปรินิพพาน สารีบุตรและโมคคัล-
*ลานะอยู่ในทิศใด ทิศนั้นของเราย่อมไม่ว่างเปล่า ความไม่ห่วงใยย่อมมีในทิศนั้น.
เจลสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=19&A=4327&Z=4362
พระสารีบุตรนั้นระลึกถึงพระคุณของพระทสพลอย่างนี้ว่า พระศาสดาของเราทรงเป็นผู้ยอดเยี่ยมในกุศลบัญญัติ
ยอดเยี่ยมในอายตนบัญญัติ ยอดเยี่ยมในการก้าวลงสู่พระครรภ์ ยอดเยี่ยมในวิธีแสดงดักใจผู้ฟัง ยอดเยี่ยมในทัสสนสมบัติ
ยอดเยี่ยมในบุคคลบัญญัติ ยอดเยี่ยมในปธาน ยอดเยี่ยมในปฏิทา ยอดเยี่ยมในภัสสมาจาร ยอดเยี่ยมในปุริสสีลสมาจาร
ทรงยอดเยี่ยมในอนุสาสนีวิธี ยอดเยี่ยมในปรปุคคลวิมุตติญาณ ยอดเยี่ยมในปุพเพนิวาสญาณ ยอดเยี่ยมในทิพพจักขุญาณ
ยอดเยี่ยมในอิทธิวิธี ยอดเยี่ยมด้วยธรรมนี้ ดังนี้ ก็ไม่เห็นที่สุด ไม่เห็นประมาณแห่งพระคุณทั้งหลายของพระผู้มีพระภาคเจ้าได้.
พระเถระไม่เห็นที่สุด ไม่เห็นประมาณแห่งคุณทั้งหลายของตนก่อน จักเห็นพระคุณทั้งหลายของพระผู้มีพระภาคเจ้าได้อย่างไร
ก็ผู้ใดมีปัญญามากและมีญาณแข็งกล้า ผู้นั้นย่อมเชื่อพุทธคุณอย่างมาก.
โลกิยมหาชน ไอก็ดี จามก็ดี ดำรงอยู่ในอุปนิสัยของตนๆ ย่อมระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าทั้งหลายว่า
ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
พระโสดาบันคนเดียวย่อมเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าโลกิยมหาชนทั้งหมด.
พระสกทาคามีคนเดียวเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระโสดาบันตั้งร้อยตั้งพัน.
พระอนาคามีคนเดียวเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระสกทาคามีตั้งร้อยตั้งพัน.
พระอรหันต์องค์เดียวเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระอนาคามีตั้งร้อยตั้งพัน.
พระอสีติมหาเถระเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระอรหันต์ที่เหลือ.
พระมหาเถระ ๔ รูปเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระอสีติมหาเถระ.
พระอัครสาวกทั้งสองรูปเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระมหาเถระทั้ง ๔ รูป
บรรดาพระอัครสาวกทั้งสองนั้น พระสารีบุตรเถระเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระโมคคัลลานะ.
พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปเดียวก็เชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระสารีบุตรเถระ
อนึ่ง น้ำในมหาสมุทร มิใช่มีประมาณเพียงเท่านั้น โดยที่แท้ย่อมมีมากหาที่สุดหาประมาณมิได้
เพราะมหาสมุทรมีความลึกถึง ๘๔,๐๐๐ โยชน์
ข้อนี้มีอุปมาฉันใด พึงทราบพระพุทธคุณที่โลกิยมหาชนเห็น เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ด้วยเชือก
พึงทราบพระพุทธคุณมีอุปไมยฉันนั้น คือ ตั้งแต่วาหนึ่งจนถึง ๙ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่โลกิยมหาชนเห็น เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ด้วยเชือกตั้งแต่วาหนึ่งจนถึง ๙ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่พระโสดาบันเห็นได้ เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ในที่ประมาณ ๑๐ วาด้วยเชือกยาว ๑๐ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่พระสกิทาคามีเห็นได้ เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ในที่ลึก ๒๐ วาด้วยเชือกยาว ๒๐ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่พระอนาคามีเห็นได้เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ในที่ลึก ๓๐ วาด้วยเชือกยาว ๓๐ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่พระอรหันต์เห็นได้ เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษเห็นได้ในที่ลึก ๔๐ วาด้วยเชือกยาว ๔๐ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่พระอสีติมหาเถระเห็นได้ เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษเห็นได้ในที่ลึก ๕๐ วาด้วยเชือกยาว ๕๐ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่พระมหาเถระ ๔ รูปเห็นได้ เปรียบเหมือนน้ำที่บุรุษเห็นได้ในที่ลึก ๑๐๐ วาด้วยเชือกยาว ๑๐๐ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่พระมหาโมคคัลลานะเห็นได้ เปรียบเหมือนน้ำที่บุรุษเห็นได้ ในที่ลึก ๑,๐๐๐ วาด้วยเชือกยาว ๑,๐๐๐ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเห็นได้ เปรียบเหมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ในที่ลึกประมาณ
๘๔,๐๐๐ วา ด้วยเชือกยาว ๘๔,๐๐๐ วา.
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=73&p=1
สารีบุตร เธออยู่ในทิศใด ทิศนั้นไม่ว่างเปล่าทีเดียว
ก่อนที่ท่านพระอานนท์จะเป็นพระอุปฐากประจำ ในปฐมโพธิกาล พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ได้มีพระอุปฐากประจำ
บางคราวพระนาคสมาละถือบาตรและจีวรตามเสด็จ บางคราวพระนาคิตะ บางคราวพระอุปวาณะ บางคราวพระสุนักขัตตะ
บางคราวจุนทสมณุเทส บางคราวพระสาคตะ บางคราวพระเมฆิยะ
ณ พระนครสาวัตถี พระผู้มีพระภาคเจ้าแวดล้อมด้วยหมู่ภิกษุ ประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์อันบวรที่ปูไว้
ณ บริเวณคันธกุฏี ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราเป็นผู้แก่ ภิกษุบางรูป เมื่อเราบอกว่าเราไปตามทางนี้กันเถิด ได้ไปเสียทางอื่น
บางรูปวางบาตรและจีวรของเราไว้บนพื้น
พวกเธอจงเลือกภิกษุรูปหนึ่ง เป็นอุปฐากประจำของเรา.
ภิกษุทั้งหลายเกิดธรรมสังเวช.
ลำดับนั้น ท่านพระสารีบุตรลุกจากอาสนะถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว กราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ตั้งความปรารถนาไว้กะพระองค์ บำเพ็ญบารมีตลอดอสงไขยยิ่งด้วยแสนกัป
ธรรมดาอุปฐากมีปัญญามากเช่นข้าพระองค์สมควรมิใช่หรือ ข้าพระองค์จักอุปฐากพระองค์ดังนี้.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามพระสารีบุตรว่า
อย่าเลย สารีบุตร เธออยู่ในทิศใด ทิศนั้นไม่ว่างเปล่าทีเดียว
โอวาทของเธอเช่นเดียวกับโอวาทของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
เธอไม่ต้องทำหน้าที่อุปฐากเรา.
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=1&p=1#อุปฏฺฐากปริจฺเฉทวณฺณนา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พระสารีบุตรนั้นระลึกถึงพระคุณของพระทสพลอย่างนี้ว่า พระศาสดาของเราทรงเป็นผู้ยอดเยี่ยมในกุศลบัญญัติ
ยอดเยี่ยมในอายตนบัญญัติ ยอดเยี่ยมในการก้าวลงสู่พระครรภ์ ยอดเยี่ยมในวิธีแสดงดักใจผู้ฟัง ยอดเยี่ยมในทัสสนสมบัติ
ยอดเยี่ยมในบุคคลบัญญัติ ยอดเยี่ยมในปธาน ยอดเยี่ยมในปฏิทา ยอดเยี่ยมในภัสสมาจาร ยอดเยี่ยมในปุริสสีลสมาจาร
ทรงยอดเยี่ยมในอนุสาสนีวิธี ยอดเยี่ยมในปรปุคคลวิมุตติญาณ ยอดเยี่ยมในปุพเพนิวาสญาณ ยอดเยี่ยมในทิพพจักขุญาณ
ยอดเยี่ยมในอิทธิวิธี ยอดเยี่ยมด้วยธรรมนี้ ดังนี้ ก็ไม่เห็นที่สุด ไม่เห็นประมาณแห่งพระคุณทั้งหลายของพระผู้มีพระภาคเจ้าได้.
พระเถระไม่เห็นที่สุด ไม่เห็นประมาณแห่งคุณทั้งหลายของตนก่อน จักเห็นพระคุณทั้งหลายของพระผู้มีพระภาคเจ้าได้อย่างไร
ก็ผู้ใดมีปัญญามากและมีญาณแข็งกล้า ผู้นั้นย่อมเชื่อพุทธคุณอย่างมาก.
โลกิยมหาชน ไอก็ดี จามก็ดี ดำรงอยู่ในอุปนิสัยของตนๆ ย่อมระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าทั้งหลายว่า
ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
พระโสดาบันคนเดียวย่อมเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าโลกิยมหาชนทั้งหมด.
พระสกทาคามีคนเดียวเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระโสดาบันตั้งร้อยตั้งพัน.
พระอนาคามีคนเดียวเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระสกทาคามีตั้งร้อยตั้งพัน.
พระอรหันต์องค์เดียวเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระอนาคามีตั้งร้อยตั้งพัน.
พระอสีติมหาเถระเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระอรหันต์ที่เหลือ.
พระมหาเถระ ๔ รูปเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระอสีติมหาเถระ.
พระอัครสาวกทั้งสองรูปเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระมหาเถระทั้ง ๔ รูป
บรรดาพระอัครสาวกทั้งสองนั้น พระสารีบุตรเถระเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระโมคคัลลานะ.
พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปเดียวก็เชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระสารีบุตรเถระ
อนึ่ง น้ำในมหาสมุทร มิใช่มีประมาณเพียงเท่านั้น โดยที่แท้ย่อมมีมากหาที่สุดหาประมาณมิได้
เพราะมหาสมุทรมีความลึกถึง ๘๔,๐๐๐ โยชน์
ข้อนี้มีอุปมาฉันใด พึงทราบพระพุทธคุณที่โลกิยมหาชนเห็น เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ด้วยเชือก
พึงทราบพระพุทธคุณมีอุปไมยฉันนั้น คือ ตั้งแต่วาหนึ่งจนถึง ๙ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่โลกิยมหาชนเห็น เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ด้วยเชือกตั้งแต่วาหนึ่งจนถึง ๙ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่พระโสดาบันเห็นได้ เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ในที่ประมาณ ๑๐ วาด้วยเชือกยาว ๑๐ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่พระสกิทาคามีเห็นได้ เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ในที่ลึก ๒๐ วาด้วยเชือกยาว ๒๐ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่พระอนาคามีเห็นได้เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ในที่ลึก ๓๐ วาด้วยเชือกยาว ๓๐ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่พระอรหันต์เห็นได้ เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษเห็นได้ในที่ลึก ๔๐ วาด้วยเชือกยาว ๔๐ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่พระอสีติมหาเถระเห็นได้ เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษเห็นได้ในที่ลึก ๕๐ วาด้วยเชือกยาว ๕๐ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่พระมหาเถระ ๔ รูปเห็นได้ เปรียบเหมือนน้ำที่บุรุษเห็นได้ในที่ลึก ๑๐๐ วาด้วยเชือกยาว ๑๐๐ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่พระมหาโมคคัลลานะเห็นได้ เปรียบเหมือนน้ำที่บุรุษเห็นได้ ในที่ลึก ๑,๐๐๐ วาด้วยเชือกยาว ๑,๐๐๐ วา.
พึงทราบพระพุทธคุณที่พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเห็นได้ เปรียบเหมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ในที่ลึกประมาณ
๘๔,๐๐๐ วา ด้วยเชือกยาว ๘๔,๐๐๐ วา.
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=73&p=1