สารีบุตร เธออยู่ในทิศใด ทิศนั้นไม่ว่างเปล่าทีเดียว


             ก่อนที่ท่านพระอานนท์จะเป็นพระอุปฐากประจำ ในปฐมโพธิกาล พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ได้มีพระอุปฐากประจำ
             บางคราวพระนาคสมาละถือบาตรและจีวรตามเสด็จ บางคราวพระนาคิตะ บางคราวพระอุปวาณะ บางคราวพระสุนักขัตตะ
บางคราวจุนทสมณุเทส บางคราวพระสาคตะ บางคราวพระเมฆิยะ

             ณ พระนครสาวัตถี พระผู้มีพระภาคเจ้าแวดล้อมด้วยหมู่ภิกษุ ประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์อันบวรที่ปูไว้
ณ บริเวณคันธกุฏี ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราเป็นผู้แก่ ภิกษุบางรูป เมื่อเราบอกว่าเราไปตามทางนี้กันเถิด ได้ไปเสียทางอื่น
             บางรูปวางบาตรและจีวรของเราไว้บนพื้น
             พวกเธอจงเลือกภิกษุรูปหนึ่ง เป็นอุปฐากประจำของเรา
.

             ภิกษุทั้งหลายเกิดธรรมสังเวช.

             ลำดับนั้น ท่านพระสารีบุตรลุกจากอาสนะถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว กราบทูลว่า
             ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ตั้งความปรารถนาไว้กะพระองค์ บำเพ็ญบารมีตลอดอสงไขยยิ่งด้วยแสนกัป
ธรรมดาอุปฐากมีปัญญามากเช่นข้าพระองค์สมควรมิใช่หรือ ข้าพระองค์จักอุปฐากพระองค์ดังนี้.

             พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามพระสารีบุตรว่า
             อย่าเลย สารีบุตร เธออยู่ในทิศใด ทิศนั้นไม่ว่างเปล่าทีเดียว
             โอวาทของเธอเช่นเดียวกับโอวาทของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
             เธอไม่ต้องทำหน้าที่อุปฐากเรา.

http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=1&p=1#อุปฏฺฐากปริจฺเฉทวณฺณนา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



             พระสารีบุตรนั้นระลึกถึงพระคุณของพระทสพลอย่างนี้ว่า พระศาสดาของเราทรงเป็นผู้ยอดเยี่ยมในกุศลบัญญัติ
             ยอดเยี่ยมในอายตนบัญญัติ ยอดเยี่ยมในการก้าวลงสู่พระครรภ์ ยอดเยี่ยมในวิธีแสดงดักใจผู้ฟัง ยอดเยี่ยมในทัสสนสมบัติ
             ยอดเยี่ยมในบุคคลบัญญัติ ยอดเยี่ยมในปธาน ยอดเยี่ยมในปฏิทา ยอดเยี่ยมในภัสสมาจาร ยอดเยี่ยมในปุริสสีลสมาจาร
             ทรงยอดเยี่ยมในอนุสาสนีวิธี ยอดเยี่ยมในปรปุคคลวิมุตติญาณ ยอดเยี่ยมในปุพเพนิวาสญาณ ยอดเยี่ยมในทิพพจักขุญาณ
             ยอดเยี่ยมในอิทธิวิธี ยอดเยี่ยมด้วยธรรมนี้ ดังนี้ ก็ไม่เห็นที่สุด ไม่เห็นประมาณแห่งพระคุณทั้งหลายของพระผู้มีพระภาคเจ้าได้.

             พระเถระไม่เห็นที่สุด ไม่เห็นประมาณแห่งคุณทั้งหลายของตนก่อน จักเห็นพระคุณทั้งหลายของพระผู้มีพระภาคเจ้าได้อย่างไร

             ก็ผู้ใดมีปัญญามากและมีญาณแข็งกล้า ผู้นั้นย่อมเชื่อพุทธคุณอย่างมาก.

             โลกิยมหาชน ไอก็ดี จามก็ดี ดำรงอยู่ในอุปนิสัยของตนๆ ย่อมระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าทั้งหลายว่า
             ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย.

             พระโสดาบันคนเดียวย่อมเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าโลกิยมหาชนทั้งหมด.
             พระสกทาคามีคนเดียวเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระโสดาบันตั้งร้อยตั้งพัน.
             พระอนาคามีคนเดียวเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระสกทาคามีตั้งร้อยตั้งพัน.
             พระอรหันต์องค์เดียวเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระอนาคามีตั้งร้อยตั้งพัน.
             พระอสีติมหาเถระเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระอรหันต์ที่เหลือ.
             พระมหาเถระ ๔ รูปเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระอสีติมหาเถระ.
             พระอัครสาวกทั้งสองรูปเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระมหาเถระทั้ง ๔ รูป
             บรรดาพระอัครสาวกทั้งสองนั้น พระสารีบุตรเถระเชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระโมคคัลลานะ.
             พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปเดียวก็เชื่อพระพุทธคุณมากกว่าพระสารีบุตรเถระ

             อนึ่ง น้ำในมหาสมุทร มิใช่มีประมาณเพียงเท่านั้น โดยที่แท้ย่อมมีมากหาที่สุดหาประมาณมิได้
             เพราะมหาสมุทรมีความลึกถึง ๘๔,๐๐๐ โยชน์
             ข้อนี้มีอุปมาฉันใด พึงทราบพระพุทธคุณที่โลกิยมหาชนเห็น เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ด้วยเชือก
             พึงทราบพระพุทธคุณมีอุปไมยฉันนั้น คือ ตั้งแต่วาหนึ่งจนถึง ๙ วา.

             พึงทราบพระพุทธคุณที่โลกิยมหาชนเห็น เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ด้วยเชือกตั้งแต่วาหนึ่งจนถึง ๙ วา.
             พึงทราบพระพุทธคุณที่พระโสดาบันเห็นได้ เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ในที่ประมาณ ๑๐ วาด้วยเชือกยาว ๑๐ วา.
             พึงทราบพระพุทธคุณที่พระสกิทาคามีเห็นได้ เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ในที่ลึก ๒๐ วาด้วยเชือกยาว ๒๐ วา.
             พึงทราบพระพุทธคุณที่พระอนาคามีเห็นได้เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ในที่ลึก ๓๐ วาด้วยเชือกยาว ๓๐ วา.
             พึงทราบพระพุทธคุณที่พระอรหันต์เห็นได้ เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษเห็นได้ในที่ลึก ๔๐ วาด้วยเชือกยาว ๔๐ วา.
             พึงทราบพระพุทธคุณที่พระอสีติมหาเถระเห็นได้ เปรียบเสมือนน้ำที่บุรุษเห็นได้ในที่ลึก ๕๐ วาด้วยเชือกยาว ๕๐ วา.
             พึงทราบพระพุทธคุณที่พระมหาเถระ ๔ รูปเห็นได้ เปรียบเหมือนน้ำที่บุรุษเห็นได้ในที่ลึก ๑๐๐ วาด้วยเชือกยาว ๑๐๐ วา.
             พึงทราบพระพุทธคุณที่พระมหาโมคคัลลานะเห็นได้ เปรียบเหมือนน้ำที่บุรุษเห็นได้ ในที่ลึก ๑,๐๐๐ วาด้วยเชือกยาว ๑,๐๐๐ วา.
             พึงทราบพระพุทธคุณที่พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเห็นได้ เปรียบเหมือนน้ำที่บุรุษรู้ได้ในที่ลึกประมาณ
             ๘๔,๐๐๐ วา ด้วยเชือกยาว ๘๔,๐๐๐ วา.

http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=73&p=1
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่