หลายฝ่ายชอบบ่นว่าเด็กไทยอ่อนภาษาอังกฤษ ซึ่ง จขกท. ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง แต่สิ่งที่อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการการศึกษาเข้าใจคือว่า ถ้าได้แต่บ่นอย่างเดียว ไม่ช่วยพัฒนา อีกสักสิบปีหรือกี่ปีก็ตามก็ไม่มีทางเก่งขึ้นมาได้
ปัญหาคือ เรายังสับสนในหนทางการพัฒนา เนื่องจากเรายังไม่ทราบหรือรู้เลยว่าจะให้เก่งยังไง ซึ่งมีอยู่สองแนวทาง ดังนี้
1.ทำข้อสอบภาษาอังกฤษได้คะแนนสูง หรือเต็ม - อันนี้มักเป็นที่ต้องการของคนหัวเก่าที่มองคะแนนและเกรดเป็นเรื่องสำคัญ
2.อาจทำข้อสอบไม่ได้เลย แต่สื่อสารกับชาวต่างชาติได้ - ในปัจจุบันให้ความสำคัญกับส่วนนี้มากขึ้น
หากจะทำการพัฒนาภาษาอังกฤษให้เด็กไทย ต้องตอบคำถามส่วนนี้ให้ได้ก่อน ว่าจะให้เก่งแบบไหน (ควรจะเป็นข้อ 2) หากตอบได้แล้ว เชื่อว่าการพัฒนาจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
แต่เหนือสิ่งอื่นใด รัฐควรให้คุณภาพการศึกษาที่เท่าเทียมกันทั่วประเทศด้วย มิใช่ให้เฉพาะเด็กที่มีโอกาสฝ่ายเดียว ครอบครัวเองก็ต้องปลูกฝังให้บุตรหลานมีความใฝ่รู้ และตัวผู้เรียนเองก็ควรตั้งใจเรียน ใฝ่ศึกษา หาความรู้ด้วย
ส่วนตัว จขกท. นั้นตอนเด็กๆเกลียดภาษาอังกฤษมาก เพราะครูมักจะตีถ้าท่องศัพท์ไม่ได้ (เรียนโรงเรียนเอกชน เริ่ม ABC ตั้งแต่อนุบาล) ประมาณ ป.4 ทุกเย็นคุณตาจะเรียกให้ไปเรียนภาษาอังกฤษกับท่าน จนพื้นฐานเริ่มดีขึ้น เมื่อขึ้นชั้นมัธยม ก็เริ่มตระหนักแล้วว่าภาษาอังกฤษนี่สำคัญนะต่อการเรียนและทำงานในอนาคต(ได้แรงบันดาลใจจากรายการโลกยามเช้า ที่เขาสัมภาษณ์และคุยกับฝรั่งได้อย่างคล่องแคล่ว เลยอยากพูดได้อย่างนั้นบ้าง) เลยเริ่มฝึกด้วยตัวเอง ทั้งพูดกับคุณตา หาโอกาสพูดกับอาจารย์ชาวต่างชาติ จนตอนนี้อยู่ชั้นปีที่สองแล้ว ก็สื่อสารได้บ้าง แม้สำเนียงไม่เป๊ะ แต่ก็ต้องพยายามฝึกฝนกันต่อไป
ไม่เข้าใจว่าทำไมชอบว่าเด็กไทยว่าอ่อนภาษาอังกฤษ ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าจะให้เก่งยังไง
ปัญหาคือ เรายังสับสนในหนทางการพัฒนา เนื่องจากเรายังไม่ทราบหรือรู้เลยว่าจะให้เก่งยังไง ซึ่งมีอยู่สองแนวทาง ดังนี้
1.ทำข้อสอบภาษาอังกฤษได้คะแนนสูง หรือเต็ม - อันนี้มักเป็นที่ต้องการของคนหัวเก่าที่มองคะแนนและเกรดเป็นเรื่องสำคัญ
2.อาจทำข้อสอบไม่ได้เลย แต่สื่อสารกับชาวต่างชาติได้ - ในปัจจุบันให้ความสำคัญกับส่วนนี้มากขึ้น
หากจะทำการพัฒนาภาษาอังกฤษให้เด็กไทย ต้องตอบคำถามส่วนนี้ให้ได้ก่อน ว่าจะให้เก่งแบบไหน (ควรจะเป็นข้อ 2) หากตอบได้แล้ว เชื่อว่าการพัฒนาจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
แต่เหนือสิ่งอื่นใด รัฐควรให้คุณภาพการศึกษาที่เท่าเทียมกันทั่วประเทศด้วย มิใช่ให้เฉพาะเด็กที่มีโอกาสฝ่ายเดียว ครอบครัวเองก็ต้องปลูกฝังให้บุตรหลานมีความใฝ่รู้ และตัวผู้เรียนเองก็ควรตั้งใจเรียน ใฝ่ศึกษา หาความรู้ด้วย
ส่วนตัว จขกท. นั้นตอนเด็กๆเกลียดภาษาอังกฤษมาก เพราะครูมักจะตีถ้าท่องศัพท์ไม่ได้ (เรียนโรงเรียนเอกชน เริ่ม ABC ตั้งแต่อนุบาล) ประมาณ ป.4 ทุกเย็นคุณตาจะเรียกให้ไปเรียนภาษาอังกฤษกับท่าน จนพื้นฐานเริ่มดีขึ้น เมื่อขึ้นชั้นมัธยม ก็เริ่มตระหนักแล้วว่าภาษาอังกฤษนี่สำคัญนะต่อการเรียนและทำงานในอนาคต(ได้แรงบันดาลใจจากรายการโลกยามเช้า ที่เขาสัมภาษณ์และคุยกับฝรั่งได้อย่างคล่องแคล่ว เลยอยากพูดได้อย่างนั้นบ้าง) เลยเริ่มฝึกด้วยตัวเอง ทั้งพูดกับคุณตา หาโอกาสพูดกับอาจารย์ชาวต่างชาติ จนตอนนี้อยู่ชั้นปีที่สองแล้ว ก็สื่อสารได้บ้าง แม้สำเนียงไม่เป๊ะ แต่ก็ต้องพยายามฝึกฝนกันต่อไป