อาสวักขยญาณ
[๑๓๘] ภิกษุนั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส
อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณ
ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เหล่านี้
อาสวะ นี้อาสวสมุทัย นี้อาสวนิโรธ นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา เมื่อเธอรู้เห็นอย่างนี้ จิตย่อม
หลุดพ้นแม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณว่า
หลุดพ้นแล้ว. รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่น
เพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
สามัญญผลสูตร
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ บรรทัดที่ ๑๐๗๒ - ๑๙๑๙. หน้าที่ ๔๕ - ๗๙.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=9&A=1072&Z=1919&bgc=aliceblue&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=9&i=91&bgc=aliceblue
พระอรหันต์ ไม่มีอวิชชาและตัณหาแล้ว เป็นอันตัดวงจรปฏิจจสมุปบาท
ท่านเป็นผู้ดับกรรม หรือสิ้นกรรม การกระทำของท่านก็ไม่เป็นกรรมอีกต่อไป
ท่านยังคงเสวยเวทนา แต่เวทนานั้นไม่เป็นเหตุให้เกิดตัณหาอีกต่อไป
ท่านยังมี ชรา และ มรณะอยู่ แต่เมื่อท่านมรณะแล้ว ท่านจะไม่เกิด (ชาติ) อีกแล้ว
กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี คือ
กิจเกี่ยวกับการฝึกอบรมตนเสร็จสิ้นแล้ว บรรลุประโยชน์ตนแล้ว
ไม่ต้องปฏิบัติในสิกขาต่อไป ไม่มีกิเลสที่ต้องพยายามละต่อไป
และไม่มีภูมิธรรมสูงกว่านั้นที่จะต้องขวนขวายบรรลุอีก
นั่นคือพระอรหันต์นั้น กิจแห่งการปฏิบัติเพื่อทำลายอาสวกิเลสจบสิ้น
สมบูรณ์แล้ว กิจในอริยสัจ ๔ เสร็จแล้ว
พระพุทธพจน์
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวจาริกไป เพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก
เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล
เพื่อความสุข แก่เทพดาและมนุษย์ทั้งหลาย
http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=มรรค_4
http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=อริยบุคคล_8
http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=กิจในอริยสัจจ์_4
http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=อริยสัจ_4
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวจาริกไป เพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก ... เพื่อความสุข แก่เทพดาและมนุษย์ทั้งหลาย
อาสวักขยญาณ
[๑๓๘] ภิกษุนั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส
อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณ
ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เหล่านี้
อาสวะ นี้อาสวสมุทัย นี้อาสวนิโรธ นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา เมื่อเธอรู้เห็นอย่างนี้ จิตย่อม
หลุดพ้นแม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณว่า
หลุดพ้นแล้ว. รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่น
เพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
สามัญญผลสูตร
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ บรรทัดที่ ๑๐๗๒ - ๑๙๑๙. หน้าที่ ๔๕ - ๗๙.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=9&A=1072&Z=1919&bgc=aliceblue&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=9&i=91&bgc=aliceblue
พระอรหันต์ ไม่มีอวิชชาและตัณหาแล้ว เป็นอันตัดวงจรปฏิจจสมุปบาท
ท่านเป็นผู้ดับกรรม หรือสิ้นกรรม การกระทำของท่านก็ไม่เป็นกรรมอีกต่อไป
ท่านยังคงเสวยเวทนา แต่เวทนานั้นไม่เป็นเหตุให้เกิดตัณหาอีกต่อไป
ท่านยังมี ชรา และ มรณะอยู่ แต่เมื่อท่านมรณะแล้ว ท่านจะไม่เกิด (ชาติ) อีกแล้ว
กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี คือ
กิจเกี่ยวกับการฝึกอบรมตนเสร็จสิ้นแล้ว บรรลุประโยชน์ตนแล้ว
ไม่ต้องปฏิบัติในสิกขาต่อไป ไม่มีกิเลสที่ต้องพยายามละต่อไป
และไม่มีภูมิธรรมสูงกว่านั้นที่จะต้องขวนขวายบรรลุอีก
นั่นคือพระอรหันต์นั้น กิจแห่งการปฏิบัติเพื่อทำลายอาสวกิเลสจบสิ้น
สมบูรณ์แล้ว กิจในอริยสัจ ๔ เสร็จแล้ว
พระพุทธพจน์
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวจาริกไป เพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก
เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล
เพื่อความสุข แก่เทพดาและมนุษย์ทั้งหลาย
http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=มรรค_4
http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=อริยบุคคล_8
http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=กิจในอริยสัจจ์_4
http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=อริยสัจ_4