ตอนนี้ผมเรียนอยู่มหา'ลัยปี 3 เพิ่งปิดเทอมได้ไม่นาน ในช่วงเทอมที่ผ่านมานี่ พวกผมผ่านกันมาอย่างรากเลือด จริงๆ วิชาที่เรียนก็ไม่เยอะนะ แค่ 5 ตัวเอง แต่หนึ่งในนั้นมันคือวิชา ระเบียบวิธีวิจัย ซึ่งผมเห็นรุ่นพี่ปีก่อนเครียดกับวิชานี้กันมามาก แม้ปิดเทอมแล้วก็ยังต้องมาทำวิชานี้กันอยู่
วิชานี้ก็ว่าด้วยเรื่องของการทำวิจัย ต้องจับกลุ่มกัน 5-6 คน เพื่อทำงานวิจัยออกมา 1 เล่ม ขั้นตอนเริ่มต้นตั้งแต่คิดหัวข้อวิจัย แค่ขั้นตอนนี้กว่าจะผ่านก็นานเลยครับ เพราะบางทีหัวข้อไม่น่าสนใจบ้าง หรือเคยมีรุ่นพี่ทำไปแล้ว พอหัวข้อผ่าน ก็ต้องเริ่มทำบทที่ 1 คือที่มาของงานวิจัย ว่าทำไมเราถึงคิดที่จะทำวิจัยเรื่องนี้ อาจารย์กำหนดให้มีความยาว 2 หน้า ต่อมาก็เป็นบทที่ 2 คือ ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ต้องไปหาทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยของเรา และงานวิจัยของคนอื่นที่มีความใกล้เคียงกับงานวิจัยของเรา เหมือนเป็นการสนับสนุนให้งานวิจัยของเราดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น อาจารย์กำหนดให้หางานวิจัยของคนไทย 5 เรื่อง และของต่างประเทศอีก 5 เรื่อง
บทที่ 3 ว่าด้วยเรื่องของสถิติที่ใช้ในการวิจัย ในบทนี้จะมีเรื่องของสมการ หรือสูตรต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นจุดที่ผมไม่เข้าใจเลย นอกจากนี้แล้วยังต้องมีการสร้างกรอบแนวคิดงานวิจัย โดยกรอบแนวคิดนี้จะเป็นตัวที่ควบคุมงานวิจัยของเราทั้งหมด จะพ้นจากกรอบพวกนี้ไม่ได้ นอกจากนี้ ยังต้องทำแบบสอบถาม สำหรับผม ต้องแปลแบบสอบถามเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย เพราะจะเอาไปให้นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นทำ รอบแรกต้องทดลองเก็บ 30 ชุด แล้วนำผลที่ได้ไปวิเคราะห์ก่อน ว่าถูกต้องดีมั้ย ถ้าไม่ถูก ก็ต้องแก้แบบสอบถามใหม่ หลังจากนั้นแล้วก็จะต้องออกไปเก็บแบบสอบถามจริง 100 ชุด นำผลมาวิเคราะห์อีก
การวิเคราะห์ข้อมูลก็วิเคราะห์ด้วยโปรแกรม SPSS ในส่วนของการวิเคราะห์ข้อมูลนี่เป็นอะไรที่ผมงงที่สุด งงมากๆ เลยปล่อยให้เพื่อนทำในส่วนนี้ไป ผลการวิจัยทั้งหมดที่ทำได้ ต้องเอามาลงในบทที่ 4 ที่เป็นผลการศึกษา ต้องสร้างตาราง สร้างแผนภูมิ มีค่านั่นค่านี่เต็มไปหมด ก่อนที่จะมาถึงบทสุดท้ายคือบทที่ 5 สรุปผลการวิจัย ก็ต้องนำเอาผลมาสรุปว่าได้ยังไงบ้าง มีข้อเสนอแนะอย่างไรรึเปล่า
ตอนที่เรียนวิชานี้ พวกผมเครียดกันมาก เพราะอาจารย์เคร่งมากจริงๆ ใช้ภาษาผิดนิดหน่อย เรียงคำไม่ดีหน่อย ต้องแก้ใหม่ หรือบางทีหาทฤษฎีหรืองานวิจัยไม่ตรงกับงานวิจัยที่ทำอยู่ ก็ต้องหาใหม่ คือถ้าไปแก้ใหม่แล้วเอามาให้อาจารย์ดู มันต้องมีจุดให้แก้ทุกครั้ง ถ้าไม่อยากแก้ก็คือไม่ต้องให้อาจารย์ดู มีเพื่อนเอกอื่นที่ไม่ได้เรียนวิจัยกับอาจารย์ท่านนี้ เขาบอกว่าอาจารย์ที่สอนเขา สบายกว่านี้เยอะ ไม่เคร่งขนาดนี้ กว่าพวกเราจะแก้เสร็จอะไรเสร็จ ก็หมดเทอมซะก่อน ต้องมาทำตอนปิดเทอมอีกทั้งอาทิตย์ จนตอนนี้ก็จบสิ้นแล้วกับวิชานี้
มีใครเรียนวิชาวิจัยแบบผมบ้าง
วิชานี้ก็ว่าด้วยเรื่องของการทำวิจัย ต้องจับกลุ่มกัน 5-6 คน เพื่อทำงานวิจัยออกมา 1 เล่ม ขั้นตอนเริ่มต้นตั้งแต่คิดหัวข้อวิจัย แค่ขั้นตอนนี้กว่าจะผ่านก็นานเลยครับ เพราะบางทีหัวข้อไม่น่าสนใจบ้าง หรือเคยมีรุ่นพี่ทำไปแล้ว พอหัวข้อผ่าน ก็ต้องเริ่มทำบทที่ 1 คือที่มาของงานวิจัย ว่าทำไมเราถึงคิดที่จะทำวิจัยเรื่องนี้ อาจารย์กำหนดให้มีความยาว 2 หน้า ต่อมาก็เป็นบทที่ 2 คือ ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ต้องไปหาทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยของเรา และงานวิจัยของคนอื่นที่มีความใกล้เคียงกับงานวิจัยของเรา เหมือนเป็นการสนับสนุนให้งานวิจัยของเราดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น อาจารย์กำหนดให้หางานวิจัยของคนไทย 5 เรื่อง และของต่างประเทศอีก 5 เรื่อง
บทที่ 3 ว่าด้วยเรื่องของสถิติที่ใช้ในการวิจัย ในบทนี้จะมีเรื่องของสมการ หรือสูตรต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นจุดที่ผมไม่เข้าใจเลย นอกจากนี้แล้วยังต้องมีการสร้างกรอบแนวคิดงานวิจัย โดยกรอบแนวคิดนี้จะเป็นตัวที่ควบคุมงานวิจัยของเราทั้งหมด จะพ้นจากกรอบพวกนี้ไม่ได้ นอกจากนี้ ยังต้องทำแบบสอบถาม สำหรับผม ต้องแปลแบบสอบถามเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย เพราะจะเอาไปให้นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นทำ รอบแรกต้องทดลองเก็บ 30 ชุด แล้วนำผลที่ได้ไปวิเคราะห์ก่อน ว่าถูกต้องดีมั้ย ถ้าไม่ถูก ก็ต้องแก้แบบสอบถามใหม่ หลังจากนั้นแล้วก็จะต้องออกไปเก็บแบบสอบถามจริง 100 ชุด นำผลมาวิเคราะห์อีก
การวิเคราะห์ข้อมูลก็วิเคราะห์ด้วยโปรแกรม SPSS ในส่วนของการวิเคราะห์ข้อมูลนี่เป็นอะไรที่ผมงงที่สุด งงมากๆ เลยปล่อยให้เพื่อนทำในส่วนนี้ไป ผลการวิจัยทั้งหมดที่ทำได้ ต้องเอามาลงในบทที่ 4 ที่เป็นผลการศึกษา ต้องสร้างตาราง สร้างแผนภูมิ มีค่านั่นค่านี่เต็มไปหมด ก่อนที่จะมาถึงบทสุดท้ายคือบทที่ 5 สรุปผลการวิจัย ก็ต้องนำเอาผลมาสรุปว่าได้ยังไงบ้าง มีข้อเสนอแนะอย่างไรรึเปล่า
ตอนที่เรียนวิชานี้ พวกผมเครียดกันมาก เพราะอาจารย์เคร่งมากจริงๆ ใช้ภาษาผิดนิดหน่อย เรียงคำไม่ดีหน่อย ต้องแก้ใหม่ หรือบางทีหาทฤษฎีหรืองานวิจัยไม่ตรงกับงานวิจัยที่ทำอยู่ ก็ต้องหาใหม่ คือถ้าไปแก้ใหม่แล้วเอามาให้อาจารย์ดู มันต้องมีจุดให้แก้ทุกครั้ง ถ้าไม่อยากแก้ก็คือไม่ต้องให้อาจารย์ดู มีเพื่อนเอกอื่นที่ไม่ได้เรียนวิจัยกับอาจารย์ท่านนี้ เขาบอกว่าอาจารย์ที่สอนเขา สบายกว่านี้เยอะ ไม่เคร่งขนาดนี้ กว่าพวกเราจะแก้เสร็จอะไรเสร็จ ก็หมดเทอมซะก่อน ต้องมาทำตอนปิดเทอมอีกทั้งอาทิตย์ จนตอนนี้ก็จบสิ้นแล้วกับวิชานี้