ลับลวงพราง? ชัตดาวน์"รัฐบาลปู" / ปู-พท.อิง"มวลชน" ลุยการเมือง ฝ่ามรสุม"องค์กรอิสระ"


วันที่ 06 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12:14 น.  ข่าวสดออนไลน์


ลับลวงพราง? ชัตดาวน์"รัฐบาลปู"

รายงานพิเศษ


สถานการณ์การเมืองซีกรัฐบาล ภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังอยู่ในอาการสามวันดีสี่วันไข้

ต่อให้ล่าสุดรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีสัญญาณบวกให้รัฐบาลโล่งอกถึง 2 เรื่องซ้อน

เรื่องแรก การที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง "ยกคำร้อง" ของส.ว.บางกลุ่ม

ที่ยื่นขอให้กำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวเป็นกรณีฉุกเฉิน

ห้ามนายกรัฐมนตรีนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของส.ว.ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้มีผลใช้บังคับ

เรื่องที่สอง กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่า ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557

ในส่วนของมาตรา 27 สำนักงานศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลปกครอง และมาตรา 28 ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช.

ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 168

ตามที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของส.ส.และส.ว.รวม 112 คน ซึ่งยื่นขอให้วินิจฉัยว่าการปรับลดงบประมาณ 3 องค์กรอิสระดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

นั่นหมายความว่ารัฐบาลไทยจะไม่เกิดวิกฤต "ชัตดาวน์" ซ้ำรอยรัฐบาลสหรัฐ

สามารถนำร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2557 ขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ทันที ถึงจะล่าช้าไปบ้างจากกำหนดเดิมที่ต้องเริ่มใช้งบประมาณใหม่วันที่ 1 ต.ค.ของ ทุกปี

อย่างไรก็ตามคำว่า "มาช้า ดีกว่าไม่มา" ในกรณีพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2557 ที่เพิ่งได้รับการประทับตรา "อนุมัติ" โดยอำนาจฝ่ายตุลาการ

ไม่สามารถนำมาใช้ได้กับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาส.ว.

เพราะถึงศาลรัฐธรรมนูญจะไม่มีคำสั่งระงับการทูลเกล้าฯ อีกทั้งรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 150 เรียบร้อยแล้วก็ตาม

แต่เรื่องยังไม่จบง่ายๆ แค่นี้

ทั้งนี้ทั้งนั้นเนื่องจากร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2557 มีการยื่นคำร้องคัดค้านแค่ประเด็นเดียว เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยกคำร้อง

เรื่องทั้งหมดก็จบ

ต่างจากกรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของส.ว. ซึ่งมีบุคคลหลายกลุ่มก้อนยื่นร้องคัดค้านไว้หลายเรื่องหลายประเด็นด้วยกัน

นอกจากมาตรา 154 ที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเห็นว่าการนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ขณะที่ข้อขัดแย้งค้างเติ่งอยู่ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ

ยังไม่ได้รับการขจัดปัดเป่าให้ชัดเจน

ถือเป็นการกระทำมิบังควรเพราะอาจเกิดความระคายเคืองต่อสถาบันเบื้องสูง บางคนไปไกลถึงขนาดหยิบยกเอากฎหมายอาญา มาตรา 112 ขึ้นมาจ้อง เล่นงานนายกฯ

ปัญหาใหญ่ยังอยู่ตรงศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของส.ส.ฝ่ายค้านและกลุ่ม 40 ส.ว. ตลอดจนกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลนอกสภา

ที่ขอให้วินิจฉัยตามมาตรา 68 ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 4-5 คำร้องด้วยกัน

ครอบคลุมทั้งในส่วนของเนื้อหาการแก้ไข

และกระบวนการรัฐสภาในการลงมติผ่านวาระ 3 ไม่ว่าการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภาและ รองประธานรัฐสภา รวมถึงกรณีส.ส.เสียบบัตร แทนกัน

ว่าเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองด้วยวิธีการมิชอบตามรัฐธรรมนูญ

อันมีโทษขั้นรุนแรงถึงขั้นถูกตัดสิทธิการเมืองและยุบพรรคหรือไม่

นอกจากนี้ขบวนการขัดขวางร่างแก้ไขที่มาของส.ว. แบบสุดซอย ตั้งแต่วาระแรก ไปจนถึงขั้นตอนการนำร่างขึ้นทูลเกล้าฯ

ก็มีแนวโน้มว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจะยึดถือเอา เป็นโมเดล เพื่อถอดแบบนำมาใช้กับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เหลือ คือ ร่างแก้ไขมาตรา 190 และมาตรา 68 กับ 237

ที่ฝ่ายรัฐบาลเองกำลังหาจังหวะเหมาะๆ ต่อคิวผลักดันเข้าที่ประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อลงมติวาระ 2 และ 3 ในอนาคตอันใกล้นี้

ขณะที่มีรายงานข่าวระบุว่ารัฐบาลเตรียมตีเหล็ก ตอนกำลังร้อน

เร่งปิดเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จสิ้นก่อนรัฐสภาปิดสมัยประชุมปลายเดือนพ.ย.นี้

ในซีกฝ่ายของรัฐบาลนั้นกรณีร่างแก้ไขประเด็นที่มาของส.ว.คือบทพิสูจน์ให้เห็นชัดเจน

ว่าถึงแม้รัฐสภาซึ่งเป็นตัวแทนอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติจะมีความชอบธรรม เต็มเปี่ยม ไม่ว่าโดยข้อกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือหลักการแบ่งอำนาจอธิปไตย 3 ฝ่าย คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ

แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ราบรื่น

อุตส่าห์รวบรวมพละกำลังโหวตผ่านวาระ 3 มาได้ชนิดหืดขึ้นคอสุดท้ายก็ต้องเอาอนาคตมาแขวนไว้ในมือของศาลรัฐธรรมนูญอยู่ดี

เกมการต่อสู้ทางการเมืองดังกล่าว ก่อให้เกิดเสียงสะท้อนจากสังคมว่า

เครือข่ายฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลกำลังร่วมมือกันสถาปนา "อำนาจที่ 4" ขึ้นมาใหม่ นอกเหนือจากอำนาจอธิปไตย 3 ฝ่ายที่มีอยู่ดั้งเดิม

ถึงจะมีคำสั่งอนุมัติให้เดินหน้ากฎหมายงบประมาณฯ 2557 ต่อไปได้ เช่นเดียวกับการไม่มีคำสั่งระงับการทูลเกล้าฯ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว.

แต่ทั้ง 2 เรื่องดังกล่าวก็ไม่ใช่หลักประกันว่า รัฐบาลชุดนี้จะสามารถฝ่ากับดักอื่นๆ ที่จ่อรออยู่อีกเป็นกระตั้ก ตามที่ฝ่ายตรงข้ามยื่นคำร้องแบบเหวี่ยงแหไว้กับองค์กรอิสระ

เฉพาะเรื่องใหญ่ๆ นอกเหนือจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เรื่องเดียวก็มีการยื่นร้องคัดค้านไว้มากมายจนจำไม่หวาดไม่ไหว

ยังมีกรณีโครงการรับจำนำข้าว โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่ง 2 ล้านล้าน

กล่าวกันว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่งหากปรากฏผลวินิจฉัยชี้มูลออกมาในทางลบ ก็จะมีผลสะเทือนต่อเสถียรภาพรัฐบาลอย่างรุนแรง

ไม่รวมถึงเรื่องยิบย่อยอย่างการคืนพาสปอร์ตให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ การปล่อยให้ช่อง 11 ถ่ายทอดคำปราศรัยของพ.ต.ท.ทักษิณ การโยกย้ายปลัดกระทรวงกลาโหม ฯลฯ

ต้องไม่ลืมว่าในอดีต นายสมัคร สุนทรเวช ถูกสอยตกเก้าอี้นายกฯ ด้วยเรื่องเล็กน้อยกว่านี้ มาแล้ว

จึงต้องจับตาดูต่อไปว่ากรณีร่างพ.ร.บ.งบ ประมาณฯ 2557 และกรณีทูลเกล้าฯ ร่างแก้ไข ที่มาส.ว. จะเป็นจุดเริ่มต้นของประชาธิปไตย ที่กำลังเข้ารูปเข้ารอย

หรือเป็นแค่เกมลับ ลวง พราง

รอจังหวะ "ชัตดาวน์" รัฐบาลทีเดียว


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE1UQXpOalV6Tnc9PQ%3D%3D§ionid
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่