เกร็ดสามก๊ก ๖ ต.ค.๕๖

กระทู้สนทนา
เกร็ดสามกํก

ผู้พิทักษ์เสฉวน

ตอนที่ ๗ จุดจบของอัศวิน

เล่าเซี่ยงชุน

อุยเอี๋ยน ได้เป็นทหารเอกของ เล่าปี่ ต่อมาอีกนาน จนเล่าปี่ได้เป็น ฮ่องเต้ของจ๊กก๊กแห่งเมืองเสฉวน และสิ้นพระชนม์ไป อุยเอี๋ยนก็ยังคงอยู่ต่อมา จนทหารเอกทั้งหลายได้ตายไปจนหมดสิ้น เหลือแต่ตนเองกับ เกียงอุย เท่านั้น ที่ได้ไปในกองทัพของ ขงเบ้ง ซึ่งยกไปตีวุยก๊กเป็นครั้งสุดท้าย และอุยเอี๋ยนนี่แหละ ที่ซุ่มซ่ามเตะเอาโคมเสี่ยงทายต่อชีวิตของขงเบ้งดับลง จนขงเบ้งต้องตายไปตามกรรม ท่านกลางศึกที่กำลังจะเป็นต่อ

ก่อนที่ขงเบ้งจะถึงแก่ความตายนั้น ได้เตือน เอียวหงี ให้คอยระวังว่า อุยเอี๋ยนจะเป็นขบถ และได้มอบหนังสือไว้ให้แก้ปัญหา เมื่อเผชิญหน้ากับอุยเอี๋ยน กับให้ม้าต้าย คอยติดตามอุยเอี๋ยนอย่างใกล้ชิด อย่าให้คลาดสายตาเป็นอันขาด เพราะขณะนั้นอุยเอี๋ยนเป็นทหารเอกที่มีฝีมือเยี่ยมที่สุดที่เหลืออยู่ และถ้าอุยเอี๋ยนเกิดกำเริบขึ้นตามที่คิดก็ให้กำจัดเสียทันที

การคาดคะเนของมหาอุปราชขงเบ้งนี้ มีมูลเหตุมาตั้งแต่เมื่ออุยเอี๋ยน เริ่มเข้ามาสวามิภักดิ์อยู่กับ เล่าปี่ โดยที่ได้ฆ่า ฮันเหียน เจ้าเมืองเตียงสา เพื่อช่วยชีวิต ฮองตง ทั้ง ๆ ที่ตัวเป็นเพียงพลทหารเท่านั้น แม้จะจงรักภักดีต่อเล่าปี่ แต่ขงเบ้งก็เกือบจะประหารเสียแล้ว เพราะเห็นว่ามีลักษณะที่อกตัญญูต่อผู้มีคุณ นานไปก็จะคิดทรยศต่อนายใหม่ได้

ต่อมาสมัยที่เล่าปี่ยกพล เข้าตีเมืองเสฉวนของ เล่าเจี้ยง ซึ่งเป็นญาติหวังจะตั้งตัวเป็นใหญ่ทางภาคตะวันตก อุยเอี๋ยนก็ริษยาฮองตง แย่งเข้าตีค่ายของข้าศึกตัดหน้าฮองตง หวังจะเอาความดีใส่ตัว บังเอิญเสียทีข้าศึก ฮองตงเข้าไปช่วยชีวิตไว้ได้ เล่าปี่ก็คาดโทษไว้และให้ขอขมาฮองตงผู้อาวุโสเสีย

และในการศึกครั้งที่สี่ของวุยก๊กกับจ๊กก๊ก สุมาอี้ ได้ยกพลสี่สิบหมื่นมาตีเมืองเสฉวน เป็นการตอบแทนที่ขงเบ้งยกไปตีเมืองลกเอี๋ยงถึงสามครั้งแล้ว ขงเบ้งรู้ว่าเป็นฤดูฝน ก็ไม่วิตกทุกข์ร้อนอะไร ให้นายทหารรองคุมพลเพียงพันเดียวไปตั้งรับอยู่ที่ด่านตันฉอง ผลปรากฎว่าเมื่อสุมาอี้ยกพลมากมายมาถึงตำบลตันฉอง ฝนก็ตกลงมาทุกวัน และตกตลอดเดือน จนเกิดน้ำท่วมถึงสามศอก เสบียงอาหารก็เสียหาย ตัวทหารมากมายก็ไม่รู้จะพักนั่งนอนหลบฝนที่ไหน จึงต้องถอยทัพ

ขงเบ้งก็ไม่ได้ยกทหารตามไปตี เพราะรู้ว่าสุมาอี้ระวังตัวอยู่ แต่อุยเอี๋ยนไม่เชื่อยกทหารผลีผลามตามไป ขงเบ้งก็ให้นายทหารตามไปเตือนให้ระวังจะถูกกับดักของข้าศึก อุยเอี๋ยนกับ ตันเซ็ก ก็หัวเราะเยาะความคิดของขงเบ้ง ว่าถ้ามีสติปัญญาจริง ก็คงไม่แพ้สุมาอี้ที่ตำบลเกเต๋งเมื่อคราวก่อน แล้วตันเซ็กก็นำทหารเพียงพันเดียว ออกไปทางด่านกิก๊ก ก็ถูกสุมาอี้โจมตีแตกกระเจิง อุยเอี๋ยนต้องรีบตามไปช่วยแก้ไข แต่ก็ยังไม่รอด ได้นายทหารอีกสองคนคุมทหารไปช่วย สุมาอี้จึงถอยไป

ขงเบ้งรู้ข่าวแล้วก็ว่า อุยเอี๋ยนนี้เป็นคนใจมิตรงครั้นจะกำจัดเสียก็เสียดายฝีมือ พอเสร็จเรื่องแล้วขงเบ้งเรียกตัวมาชำระว่า ผู้ใดมิได้อยู่ในบังคับบัญชาทำให้เสียการ ตันเซ็กก็ว่าอุยเอี๋ยนสั่ง ขงเบ้งก็ว่าอุยเอี๋ยนเป็นผู้ไปช่วยให้รอดตายมายังจะซัดทอดอีก จึงให้เอาตัวไปประหารเสีย แต่ไม่ได้ลงโทษอุยเอี๋ยน เพราะคิดว่ายังต้องทำสงครามสืบไป ก็จะได้ใช้ให้ไปตายภายหน้า

และครั้งหลังที่ เลียวฮัว เอาง้าวไล่ฟันสุมาอี้จนหมวกทองหล่นเลียวฮัวก็เก็บเอามาให้ขงเบ้ง และเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง อุยเอี๋ยนก็มีใจริษยาเลียวฮัว แต่ขงเบ้งทำเป็นไม่เห็นเสีย และเมื่อขงเบ้งมีหนังสือไปถึง พระเจ้าซุนกวน ขอให้ยกทัพมาช่วยนั้น

พระเจ้าซุนกวนก็ออกปากว่า อุยเอี๋ยนซึ่งเป็นแม่ทัพหน้า มีกำลังกล้าหาญก็จริง แต่น้ำใจมิได้สัตย์ซื่อมักคิดทรยศ แม้หาบุญขงเบ้งไม่แล้ววันใดอุยเอี๋ยนก็จะเอาใจออกห่างเล่าเสี้ยนเมื่อนั้น

ขงเบ้งได้ฟังคำบอกเล่าจากผู้ถือหนังสือ ก็ว่า

"....ตัวเราทุกวันนี้ใช่จะไม่เล็งเห็นใจและพยศอุยเอี๋ยนหามิได้ เพราะเห็นแก่ฝีมือกล้าหาญ จึงเลี้ยงไว้แต่พอเป็นเพื่อนทหารเลว...."

เมื่อขงเบ้งสิ้นบุญแล้วเอียวหงี ก็จัดการศพขงเบ้ง และจัดกองทัพตามแผนที่ขงเบ้งได้วางไว้ทุกประการ บิฮุย ก็ออกไปหาอุยเอี๋ยนที่ค่ายทัพหน้า แล้วบอกว่าเมื่อจะเลิกทัพกลับไปเมืองเสฉวน ขงเบ้งสั่งไว้ก่อนตายว่า ให้ท่านเป็นกองหลังระวังทัพข้าศึก อุยเอี๋ยนถามว่าใครเป็นแม่ทัพใหญ่ บิฮุยก็บอกว่า เกียงอุย เป็นผู้ว่าราชการฝ่ายทหาร ให้เอียวหงีถืออาญาสิทธิ์บังคับนายทหารทั้งปวง

อุยเอี๋ยนก็ว่าเอียวหงีเป็นขุนนางผู้น้อย ชอบแต่จะให้คุมศพขงเบ้งกลับไปเมือง ตนเองคุมทหารไว้ทำสงครามต่อไปจึงจะสมควร อันขงเบ้งตายแต่ผู้เดียว ซึ่งจะเลิกการศึกเสีย กลับไปเมืองนั้นไม่ได้

บิฮุยก็ว่าเป็นคำสั่งของขงเบ้งว่า ถ้าตัวตายก็ให้เลิกทัพกลับเมือง ท่าน จะอยู่ทำการสืบไปจะมิผิดคำสั่งขงเบ้งหรือ อุยเอี๋ยนก็ว่า

"......การศึกครั้งนี้ขงเบ้งต่างหากไม่ฟังคำเรา ถ้าเชื่อความคิดเราบ้าง ก็จะได้เมืองลกเอี๋ยงนานแล้ว ตัวเราเป็นแม่ทัพหน้า บัดนี้ขงเบ้งหาบุญไม่แล้วจะให้เป็นกองหลังป้องกันเอียวหงีนั้นไม่ยอม บิฮุยก็เอาใจว่าจะไปบอกเอียวหงี ให้มอบตราสำหรับที่แม่ทัพหลวงมาให้....."

เมื่อบิฮุยกลับมาบอกเอียวหงี ก็หัวเราะว่า

"...มหาอุปราชได้ทำนายไว้ว่า ถ้าหาบุญไม่เมื่อใดอุยเอี๋ยนก็จะคิดกำเริบขึ้นเมื่อนั้น บัดนี้ก็สมเหมือนคำมหาอุปราช แม้อุยเอี๋ยนจะทำประการใด ก็ตามแต่ความคิดมัน...."

แล้วก็ให้เกียงอุยคุมทหาร เป็นกองหลังคอยป้องกันข้าศึก แล้วเชิญศพขงเบ้งขึ้นรถ เอารูปหุ่นใส่เกวียนประจำตัว และเลิกทัพเดินขบวนไปตามปกติ โดยมิได้ไว้ทุกข์

ฝ่ายอุยเอี๋ยนคอยบิฮุยไม่เห็นกลับมา ก็ใช้ม้าต้ายไปสืบดูว่า ทางกองทัพใหญ่ทำอะไรกันบ้าง ม้าต้ายก็มาบอกว่ากองทัพทั้งปวงได้ออกเดินทางแล้ว ให้เกียงอุยคุมทหารเป็นกองหลัง อุยเอี๋ยนก็โกรธว่าเอียวหงีบังอาจดูหมิ่น จึงถามม้าต้ายว่าจะเป็นพวกด้วยหรือไม่ ม้าต้ายก็รับคำว่าจะช่วยฆ่าเอียวหงี อุยเอี๋ยนก็ยินดีรีบพาทหารไปทางลัดคอยสกัดทัพหลวงอยู่

ทางฝ่ายสุมาอี้รู้ว่าขงเบ้งตาย ก็พาบุตรทั้งสองยกทหาร ไปถึงค่ายของขงเบ้งก็เห็นแต่ค่ายว่างเปล่า จึงยกพลติดตามไปจนถึงเนินเขาแห่งหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงโห่ร้องของทหารข้าศึก และจุดประทัดกึกก้องสองข้างทาง กองทหารที่เดินไปข้างหน้าก็หันกลับมา เห็นขงเบ้งนั่งถือพัดโบกอยู่ในเกวียนประจำตำแหน่ง สุมาอี้ตกใจว่าขงเบ้งยังไม่ตาย ก็ไม่กล้าจะตามต่อไป

พอดีเกียงอุยก็ขับม้าลงจากเนินเขาร้องว่า สุมาอี้ต้องกลของมหาอุปราชแล้วจะหนีไปไหนเล่า แล้วก็นำทหารเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว ทหารของสุมาอี้ก็ตกใจแตกตื่นวิ่งหนีไม่เป็นขบวน ต่างล้มลุกคลุกคลานเหยียบกันตายเสียเป็นอันมาก ตัวสุมาอี้เองก็ควบม้าฝ่าทหารหนีเอาตัวรอดไปแต่ผู้เดียว

อีกสองวันต่อมา จึงมีชาวบ้านยืนยันว่าขงเบ้งตายแน่ ก็รวบรวมกองทัพตามไปอีก แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว จึงยกทัพกลับไปเมืองลกเอี๋ยง ด้วยความโล่งอกโล่งใจ ที่สิ้นศัตรูตัวสำคัญยิ่งลงไปได้อีกหนึ่งคน

เมื่อเอียวหงีกับเกียงอุยคุมทหารมาถึงตำบลเจียงโต๋ ปากทางที่จะเข้าเมืองเสฉวน ก็ให้หยุดทัพอยู่แล้วให้ทหารแต่งกายไว้ทุกข์ตามธรรมเนียม ก็พบอุยเอี๋ยนคุมทหารมาดักสกัดอยู่ เอียวหงีก็ให้ โฮเป๋ง คุมทหารสามพันระวังหลัง แล้วนำกองทัพพาศพอ้อมไปถึงเมืองฮันต๋ง อุยเอี๋ยนก็ยกทหารติดตามมารบกับโฮเป๋ง สู้กันได้สิบเพลงโฮเป๋งรู้ว่าฝีมือไม่ถึงขั้น ก็รีบผละหนีแล้วให้ทหารยิงเกาทัณฑ์ขัดขวางไว้อย่างหนาแน่น

อุยเอี๋ยนขี้เกียจเอาหน้าอกเป็นเป้าเกาทัณฑ์ ก็ถอยม้ากลับมาแต่ปรากฏว่าทหารในกองของตน หนีไปเข้ากับโฮเป๋งประมาณกึ่งหนึ่ง ก็โกรธจัด เลยไล่ฆ่าฟันทหารที่เหลืออยู่ ตายไปเสียเก้าคนสิบคน นอกนั้นก็เลยขยาดไม่กล้าหนีไปอีก

อุยเอี๋ยนเห็นม้าต้ายคุมทหารอยู่เป็นปกติก็ว่า ตัวท่านนี้ใจสัตย์ซื่อต่อเรา แม้เราทำการได้สมความคิดแล้ว จะปูนบำเหน็จท่านให้ถึงขนาด แล้วก็ปรึกษาม้าต้ายว่าจะพากันไปเข้าด้วยโจยอย หรือจะทำประการใดดี ม้าต้ายก็แกล้งยอว่า ธรรมดาชาติทหารถ้าคิดการสิ่งใดแล้วก็ต้องให้สำเร็จ จึงจะปรากฏชื่อเสียงไปภายหน้า ตัวอุยเอี๋ยนก็มีฝีมือกล้าหาญ ประกอบด้วยสติปัญญาคิดการลึกซึ้ง ในเมืองเสฉวนและเมืองฮันต๋งนั้นจะหาผู้ใดต้านทานฝีมือและความคิดไม่ จึงควรจะร่วมมือกันตีเอาเมืองทั้งสองให้ได้จะดีกว่า อุยเอี๋ยนก็ดีใจ รีบยกทหารไปตั้งอยู่ใกล้กำแพงเมืองฮันต๋ง

เกียงอุยก็ปรึกษากับเอียวหงีว่า อุยเอี๋ยนมีทหารน้อยก็จริง แต่มีกำลังและฝีมือกล้าหาญนัก ทั้งได้ม้าต้ายไว้เป็นพรรคพวก จะคิดกำจัดประการใด เอียวหงีก็ว่ามหาอุปราชให้หนังสือลับไว้ ถ้าอุยเอี๋ยนเป็นขบถยกมาถึงกำแพงเมือง ให้เปิดหนังสือออกดู และม้าต้ายนั้นมหาอุปราชก็ส่งไปเพื่อคอยจัดการกับอุยเอี๋ยนอยู่แล้ว

ทั้งสองจึงคุมทหารออกไปเผชิญหน้ากับอุยเอี๋ยนที่หน้าเมือง เกียงอุยก็ร้องด่าว่า

"....เมื่อมหาอุปราชยังอยู่นั้น มิได้ทำหยาบช้าแก่เอ็งประการใด เหตุไฉนเอ็งจึงคิดขบถดังนี้......."

อุยเอี๋ยนก็ว่า

".....มิใช่เป็นการของเอ็ง จงเร่งกลับไปบอกเอียวหงี ตัวการ ออกมารบกับกูจึงจะชอบ.."

เอียวหงีก็ฉีกหนังสือฉบับที่สองออกดู แล้วก็ขับม้าเข้าไปหาอุยเอี๋ยนและ ร้องว่า

".....มหาอุปราชแจ้งอยู่ว่าเอ็งจะเป็นขบถ จึงสั่งไว้ให้กูฆ่าเสีย แม้เอ็งสามารถแหงนหน้าขึ้นไปบนอากาศ ร้องด้วยเสียงอันดังได้สามคำว่า ผู้ใดซึ่งกล้าหาญจะบังอาจมาฆ่าเอ็งได้ กูจะยกเมืองฮันต๋งให้....."

อุยเอี๋ยนก็ตอบด้วยความองอาจว่าเอ็งจงฟังเถิด แล้วก็แหงนหน้าขึ้นไป ร้องประกาศก้องว่า ผู้ใดอาจสามารถฆ่ากูได้ ม้าต้ายซึ่งยืนม้าอยู่ข้างหลังอุยเอี๋ยน ได้ยินอุยเอี๋ยนร้องขึ้นเพียงครั้งเดียวก็ร้องสวนไปว่า กูผู้มีฝีมือได้รับคำมหาอุปราชไว้ว่าจะฆ่าเอ็งเสีย แล้วก็เอากระบี่ฟันอุยเอี๋ยนฉับเดียว ศรีษะขาดกระเด็นออกจากกาย สิ้นชีวิตลงในทันทีนั้นเอง

ชีวิตขุนทหารคนสำคัญ ของจ๊กก๊กแห่งเมืองเสฉวน แคว้นตะวันตก ผู้สร้างชื่อเสียงขึ้นมาจากพลทหารเลวจนเป็นอัศวินนามกระเดื่อง ก็จบสิ้นลงอย่างน่าเอน็จอนาจ เพราะความเป็นคนขี้อิจฉาริษยา ไม่ยอมเห็นผู้อื่นได้ดีเกินตน

แม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีฝีมือเข้มแข็งกล้าหาญแต่ก็บ้าบิ่น ทำการผิดพลาดหลายครั้งหลายหน ที่รอดชีวิตมาได้ตั้งแต่ต้น ก็เพราะ ขงเบ้ง จงใจจะรักษาฝีมือเอาไว้ใช้ ให้เป็นผู้นำทหารชั้นลิ่วล้อทำสงครามเท่านั้น

เมื่อสิ้นสงครามสิ้นขงเบ้ง อุยเอี๋ยน จึงต้องดับดิ้นสิ้นชีวิตลงเพราะความโอหังของตน โดยฝีมือของนายทหารคนสนิทที่ตนไว้วางใจ ด้วยวิธีอันพิศดาร ฉะนี้.

##########


วางเมื่อ ๖ ต.ค.๕๖ เวลา ๑๒.๕๐
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่