วันนี้มานั่งคิดถึงตอนที่ไปอบรมที่ กทม. สิ่งที่ผมสังเกตุได้ของคน กทม. กับคนต่างจังหวัด
การใช้ชิวิตในแต่ละวัน ต่างกันค่อนข้างเยอะ คน กทม.เหมือนชีวิตจะดูวุ่นวาย มองจากบุคลิกภายนอกจะเหมือนคนปิดกั้นตัวเอง เดินผ่านกันถ้าไม่รู้จักกันจะไม่มียิ้มแย้มให้กันเลย หรือถ้ารู้จักกันก็พูดชื่นชมกันแบบยกยอหน้าดูมันทำให้ผมสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจของใครหลายๆคน
พอกลับมาต่างจังหวัดชีวิตของคนที่นี่จะค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่รู้จักกันก็ยิ้มแย้มให้กันได้ ช่วยเหลือกันดีคำพูดคำจาเหมือนมาจากใจ
ปล.สิ่งที่ผมตั้งกระทู้นั้นผมสงสัยว่าไม่อึดอัดกันบ้างหรอ ทำตัวกันเหมือนหุ่นยนต์ คำพูดเหมือนมีสคริปมาในการคุยกัน แต่งตัวเป็นรองกันไม่ได้
ใครเคยเจอแบบนี้บ้าง แต่ต้องออกตัวก่อนนะว่าไม่ใช่ว่าเป็นกันทั้ง กทม. แต่ส่วนใหญ่ตามตึกที่มีบริษัทเยอะๆ น่ะครับจะเห็นบ่อย แต่ต่างจังหวัดก็ใช่จะไม่มีแบบ กทม. นะ แต่ส่วนน้อยน่ะ
ปล.1 ผมก็เป็นคน กทม. เกิดและใช้ชีวิตที่ กทม. มา 15 ปีเต็มๆ แต่แถวชานเมือง กทม. ก็ไม่พบเจอแบบนี้นะ




กทม. Vs. ต่างจังหวัด
การใช้ชิวิตในแต่ละวัน ต่างกันค่อนข้างเยอะ คน กทม.เหมือนชีวิตจะดูวุ่นวาย มองจากบุคลิกภายนอกจะเหมือนคนปิดกั้นตัวเอง เดินผ่านกันถ้าไม่รู้จักกันจะไม่มียิ้มแย้มให้กันเลย หรือถ้ารู้จักกันก็พูดชื่นชมกันแบบยกยอหน้าดูมันทำให้ผมสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจของใครหลายๆคน
พอกลับมาต่างจังหวัดชีวิตของคนที่นี่จะค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่รู้จักกันก็ยิ้มแย้มให้กันได้ ช่วยเหลือกันดีคำพูดคำจาเหมือนมาจากใจ
ปล.สิ่งที่ผมตั้งกระทู้นั้นผมสงสัยว่าไม่อึดอัดกันบ้างหรอ ทำตัวกันเหมือนหุ่นยนต์ คำพูดเหมือนมีสคริปมาในการคุยกัน แต่งตัวเป็นรองกันไม่ได้
ใครเคยเจอแบบนี้บ้าง แต่ต้องออกตัวก่อนนะว่าไม่ใช่ว่าเป็นกันทั้ง กทม. แต่ส่วนใหญ่ตามตึกที่มีบริษัทเยอะๆ น่ะครับจะเห็นบ่อย แต่ต่างจังหวัดก็ใช่จะไม่มีแบบ กทม. นะ แต่ส่วนน้อยน่ะ
ปล.1 ผมก็เป็นคน กทม. เกิดและใช้ชีวิตที่ กทม. มา 15 ปีเต็มๆ แต่แถวชานเมือง กทม. ก็ไม่พบเจอแบบนี้นะ