พรีเมียร์ ลีกเป็นหนึ่งในลึกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกและรายชื่อต่อไปนี้คือนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในแต่ละตำแหน่งซึ่งยังคงค้าแข้งอยู่ในเกาะอังกฤษ
ผู้รักษาประตู
ดาบิด เด เกอา(แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
เด เกอาย้ายมาร่วมถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดด้วยค่าตัวสถิติสูงสุดสำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตูของเกาะอังกฤษ 17.8 ล้านปอนด์เมื่อปี 2011 และหลังจากช่วงเริ่มต้นที่ไม่สู้ดีนัก ในตอนนี้มือกาววัย 22 ปีก็ก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งของทีมอย่างไม่อาจโต้แย้งได้
กองหลัง
เกล็น จอห์นสัน(ลิเวอร์พูล)
แบ็คขวาทีมชาติอังกฤษย้ายจากปอร์ทสมัธมาร่วมถิ่นแอนฟิลด์ด้วยค่าตัว 17 ล้านปอนด์เมื่อปี 2009 จากนั้นลิเวอร์พูลที่มีราฟาเอล เบนิเตซคุมทัพอยู่ในตอนนั้นก็ได้จ่ายเงินค่าตัวเพียง 10 ล้านปอนด์เนื่องจากพวกเขายังติดหนี้ค่าตัวของปีเตอร์ เคร้าช์ 7 ล้านปอนด์ที่ถูกขายไปให้ 12 เดือนก่อนหน้านั้น
ริโอ เฟอร์ดินานด์(แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
ยูไนเต็ดดึงตัวปราการหลังวัย 23 ปีในขณะนั้นมาจากลีดส์ด้วยสนนราคารวมแตะหลัก 34 ล้านปอนด์ทำให้เฟอร์ดินานด์กลายเป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษและของโลก ณ เวลานั้น เขามีช่วยให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก 6 สมัย,ลีก คัพ 2 สมัยและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีก 1 สมัย
ดาวิด ลุยซ์(เชลซี)
เซ็นเตอร์แบ็คชาวบราซิเลี่ยนถูกซื้อมาจากเบนฟิก้าด้วยค่าตัวมากกว่า 21 ล้านปอนด์เมื่อปี 2011 และลุยซ์ก็ใช้เวลาไม่นานในการก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงภายในทีม อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้"สิงห์บูลส์"เถลิงแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกและเอฟเอ คัพเมื่อปี 2012 รวมถึงยูโรป้า ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้วด้วย
อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ(แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
แบ็คซ้ายเลือดเซิร์บย้ายจากลาซิโอมาอยู่กับซิตี้เมื่อปี 2010 ด้วยสนนราคา 19 ล้านปอนด์และเป็นตัวเลือกแรกของโรแบร์โต้ มันชินี่อดีตเทรนเนอร์มาดเท่จนกระทั่งกาแอล กลิชี่ย้ายเข้ามา 1 ปีหลังจากนั้น ในตอนนี้ทั้งคู่ต้องผลักกันลงสนามภายใต้การทำทีมของมานูเอล เปเญกรินี่เฮดโค้ชคนใหม่
กองกลาง
เมซุต โอซิล (อาร์เซน่อล)
โอซิลถูกซื้อมาจากเรอัล มาดริดด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 42.5 ล้านปอนด์ในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขาย เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเยอรมันเริ่มต้นชีวิตในกรุงลอนดอนได้อย่างดีเยี่ยม ขณะที่แฟนบอลของอาร์เซน่อลก็หวังว่าการย้ายเข้ามาของเขาจะช่วยหยุดการร้างแชมป์ 9 ปีติด
เฟอร์นานดินโญ่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
ห้องเครื่องชาวบราซิเลี่ยนย้ายจากชัคเตอร์ โดเน็ตส์คมาอยู่กับซิตี้ในซัมเมอร์ที่ผ่านมาด้วยค่าตัวมากกว่า 30 ล้านปอนด์ เฟอร์นานดินโญ่มีประสบการณ์มากมายในแชมเปี้ยนส์ ลีกและถูกคาดหวังว่าจะช่วยให้"เรือใบสีฟ้า"ผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้เป็นครั้งแรก
มิชาเอล เอสเซียง(เชลซี)
จอมพลังชาวกาน่าย้ายจากลียงมาอยู่กับเชลซีในปี 2005 ด้วยค่าตัว 24.4 ล้านปอนด์ หลังจากนั้นเจ้าตัวต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บขารุนแรงหลายครั้งและถูกส่งให้เรอัล มาดริดยืมตัวใช้งานเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ตลอดระยะเวลาการค้าแข้งของเขากับสโมสรช่วยให้ทีมได้แชมป์พรีเมียร์ ลีก 2 สมัย,เอฟเอ คัพ 4 สมัย,ลีก คัพ 1 สมัยและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีก 1 สมัย
เอด็อง อาซาร์(เชลซี)
เชลซียอมจ่ายเงิน 32 ล้านปอนด์เป็นค่าตัวของปีกทีมชาติเบลเยี่ยมดึงตัวมาจากลีลล์ในปี 2012 อาซาร์ก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงได้ตั้งแต่ต้นฤดูกาลที่แล้วเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันและเป็นนักเตะที่ดูมีอนาคตสดใสรออยู่
กองหน้า
เฟร์นานโด ตอร์เรส(เชลซี)
"สิงห์บูลส์"ทุบคลังสโมสรถึง 50 ล้านปอนด์ซื้อตอร์เรสมาจากลิเวอร์พูลในปี 2011 ทว่าหัวหอกเลือดสแปนิชกลับไม่สามารถเรียกฟอร์มแต่ก่อนเก่ากลับมาได้โดยยิงได้เพียง 15 ประตูจากการลงสนามในเกมลีกถึง 87 นัดนับตั้งแต่ย้ายมาสแตมฟอร์ด บริดจ์
แซร์คิโอ อเกวโร่(แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
หัวหอกทีมชาติอาร์เจนติน่าย้ายจากแอตเลติโก มาดริดมาร่วมทีมซิตี้เมื่อปี 2011 ด้วยค่าตัว 38 ล้านปอนด์และกดไปแล้ว 51 ประตูจากการลงสนาม 94 นัดในทุกรายการ เขามีส่วนช่วยสำคัญให้ซิตี้คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกมาครองได้สำเร็จเมื่อฤดูกาล 2011/12
credit : www.soccersuck.com
[บทความ EPL 2013-10-05] ทุ่มทุนสร้าง...11 แข้งแพงสุดพรีเมียร์ตามตำแหน่ง
พรีเมียร์ ลีกเป็นหนึ่งในลึกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกและรายชื่อต่อไปนี้คือนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในแต่ละตำแหน่งซึ่งยังคงค้าแข้งอยู่ในเกาะอังกฤษ
ผู้รักษาประตู
ดาบิด เด เกอา(แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
เด เกอาย้ายมาร่วมถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดด้วยค่าตัวสถิติสูงสุดสำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตูของเกาะอังกฤษ 17.8 ล้านปอนด์เมื่อปี 2011 และหลังจากช่วงเริ่มต้นที่ไม่สู้ดีนัก ในตอนนี้มือกาววัย 22 ปีก็ก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งของทีมอย่างไม่อาจโต้แย้งได้
กองหลัง
เกล็น จอห์นสัน(ลิเวอร์พูล)
แบ็คขวาทีมชาติอังกฤษย้ายจากปอร์ทสมัธมาร่วมถิ่นแอนฟิลด์ด้วยค่าตัว 17 ล้านปอนด์เมื่อปี 2009 จากนั้นลิเวอร์พูลที่มีราฟาเอล เบนิเตซคุมทัพอยู่ในตอนนั้นก็ได้จ่ายเงินค่าตัวเพียง 10 ล้านปอนด์เนื่องจากพวกเขายังติดหนี้ค่าตัวของปีเตอร์ เคร้าช์ 7 ล้านปอนด์ที่ถูกขายไปให้ 12 เดือนก่อนหน้านั้น
ริโอ เฟอร์ดินานด์(แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
ยูไนเต็ดดึงตัวปราการหลังวัย 23 ปีในขณะนั้นมาจากลีดส์ด้วยสนนราคารวมแตะหลัก 34 ล้านปอนด์ทำให้เฟอร์ดินานด์กลายเป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษและของโลก ณ เวลานั้น เขามีช่วยให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก 6 สมัย,ลีก คัพ 2 สมัยและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีก 1 สมัย
ดาวิด ลุยซ์(เชลซี)
เซ็นเตอร์แบ็คชาวบราซิเลี่ยนถูกซื้อมาจากเบนฟิก้าด้วยค่าตัวมากกว่า 21 ล้านปอนด์เมื่อปี 2011 และลุยซ์ก็ใช้เวลาไม่นานในการก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงภายในทีม อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้"สิงห์บูลส์"เถลิงแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกและเอฟเอ คัพเมื่อปี 2012 รวมถึงยูโรป้า ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้วด้วย
อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ(แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
แบ็คซ้ายเลือดเซิร์บย้ายจากลาซิโอมาอยู่กับซิตี้เมื่อปี 2010 ด้วยสนนราคา 19 ล้านปอนด์และเป็นตัวเลือกแรกของโรแบร์โต้ มันชินี่อดีตเทรนเนอร์มาดเท่จนกระทั่งกาแอล กลิชี่ย้ายเข้ามา 1 ปีหลังจากนั้น ในตอนนี้ทั้งคู่ต้องผลักกันลงสนามภายใต้การทำทีมของมานูเอล เปเญกรินี่เฮดโค้ชคนใหม่
กองกลาง
เมซุต โอซิล (อาร์เซน่อล)
โอซิลถูกซื้อมาจากเรอัล มาดริดด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 42.5 ล้านปอนด์ในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขาย เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเยอรมันเริ่มต้นชีวิตในกรุงลอนดอนได้อย่างดีเยี่ยม ขณะที่แฟนบอลของอาร์เซน่อลก็หวังว่าการย้ายเข้ามาของเขาจะช่วยหยุดการร้างแชมป์ 9 ปีติด
เฟอร์นานดินโญ่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
ห้องเครื่องชาวบราซิเลี่ยนย้ายจากชัคเตอร์ โดเน็ตส์คมาอยู่กับซิตี้ในซัมเมอร์ที่ผ่านมาด้วยค่าตัวมากกว่า 30 ล้านปอนด์ เฟอร์นานดินโญ่มีประสบการณ์มากมายในแชมเปี้ยนส์ ลีกและถูกคาดหวังว่าจะช่วยให้"เรือใบสีฟ้า"ผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้เป็นครั้งแรก
มิชาเอล เอสเซียง(เชลซี)
จอมพลังชาวกาน่าย้ายจากลียงมาอยู่กับเชลซีในปี 2005 ด้วยค่าตัว 24.4 ล้านปอนด์ หลังจากนั้นเจ้าตัวต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บขารุนแรงหลายครั้งและถูกส่งให้เรอัล มาดริดยืมตัวใช้งานเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ตลอดระยะเวลาการค้าแข้งของเขากับสโมสรช่วยให้ทีมได้แชมป์พรีเมียร์ ลีก 2 สมัย,เอฟเอ คัพ 4 สมัย,ลีก คัพ 1 สมัยและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีก 1 สมัย
เอด็อง อาซาร์(เชลซี)
เชลซียอมจ่ายเงิน 32 ล้านปอนด์เป็นค่าตัวของปีกทีมชาติเบลเยี่ยมดึงตัวมาจากลีลล์ในปี 2012 อาซาร์ก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงได้ตั้งแต่ต้นฤดูกาลที่แล้วเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันและเป็นนักเตะที่ดูมีอนาคตสดใสรออยู่
กองหน้า
เฟร์นานโด ตอร์เรส(เชลซี)
"สิงห์บูลส์"ทุบคลังสโมสรถึง 50 ล้านปอนด์ซื้อตอร์เรสมาจากลิเวอร์พูลในปี 2011 ทว่าหัวหอกเลือดสแปนิชกลับไม่สามารถเรียกฟอร์มแต่ก่อนเก่ากลับมาได้โดยยิงได้เพียง 15 ประตูจากการลงสนามในเกมลีกถึง 87 นัดนับตั้งแต่ย้ายมาสแตมฟอร์ด บริดจ์
แซร์คิโอ อเกวโร่(แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
หัวหอกทีมชาติอาร์เจนติน่าย้ายจากแอตเลติโก มาดริดมาร่วมทีมซิตี้เมื่อปี 2011 ด้วยค่าตัว 38 ล้านปอนด์และกดไปแล้ว 51 ประตูจากการลงสนาม 94 นัดในทุกรายการ เขามีส่วนช่วยสำคัญให้ซิตี้คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกมาครองได้สำเร็จเมื่อฤดูกาล 2011/12
credit : www.soccersuck.com