กลไก การต่อสู้ ใคร "รุก" ใคร "รับ" ในทาง การเมือง วิเคราะห์ มติชนออนไลน์ ...... ว่าด้วยอำนาจที่ 4

กระทู้สนทนา
(ที่มา:มติชนรายวัน 4 ต.ค.2556)



เหมือนกับการแสดงออกของ "ประชาธิปัตย์" ในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องร่าง
พ.ร.บ.งบประมาณ ในเรื่องร่าง พ.ร.บ.รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม

จะเป็นการ "รุก"

รุกอันเท่ากับเป็นการต้อนให้รัฐบาล ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้พรรคเพื่อไทย
อยู่ในลักษณะถูกต้อนเข้ามุม

กระทั่งอาจต้องล้มระเนระนาด

เหมือนกับการแสดงออกของ "กลุ่ม 40 ส.ว." ในการอาศัยคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องทุจริต
และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ด้วยการเรียกตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาให้ปากคำ

จะเท่ากับเป็นการต้อนให้ "ตือ" ขึ้นสู่" ตะแลงแกง"

อันทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หมดความชอบธรรม

หากไม่นำเอาสถานการณ์ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 มาเปรียบเทียบกับ
สถานการณ์ในเดือนตุลาคม 2556 ก็ยากลำบากยิ่งที่จะบังเกิดความเข้าใจ

ว่าใคร "รุก" ว่าใคร "รับ"

สถานการณ์เมื่อก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 รัฐบาลอยู่ในสถานะ "ตั้งรับ"
เช่นเดียวกับสถานการณ์นับแต่เดือนพฤษภาคม-ธันวาคม 2551 รัฐบาลอยู่ในสถานะ "ตั้งรับ"

การรุกอันมาจาก "พันธมิตร" หนักหนาสาหัส

ไม่ว่ารัฐบาลจะขยับอย่างไรล้วนมิอาจหลุดพ้นจากสภาวะจนมุม จนตรอก
กระทั่งแม้การจัดเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนกันยายน 2549 ก็กลายเป็นโมฆะ

เพราะฤทธิ์จาก "ตุลาการภิวัฒน์"

แม้กระทั่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดของ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ
ก็ถูกไล่ล่าและทำลายอย่างหมดรูป

อย่าถามถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะง่อนแง่นเหลือประมาณ

เมื่อ "พันธมิตร" ปูทางสร้างเงื่อนไข ประสานกับการบอยคอตการเลือกตั้ง
จาก 3 พรรคการเมืองสำคัญ

"รัฐประหาร" ก็ได้รับการ "การันตี"

เช่นเดียวกับ การฟื้นบทบาทอีกครั้งของ "พันธมิตร" นับแต่เดือนพฤษภาคม 2551
ที่รุนแรงถึงขั้นยึดทำเนียบรัฐบาลจากนั้น นายสมัคร สุนทรเวช ก็ถูกสอยในเดือนกันยายน

เมื่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้ามาแทนที่ก็เปิดเกมรุกยกระดับเข้มข้นถึงขั้น
ยึดสนามบิน จากนั้นพรรคพลังประชาชนก็ถูกสอยในเดือนธันวาคม

อุ้ม "มาร์ค" ขึ้นนั่ง "แท่น"

สถานการณ์ในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2556 แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจาก
สถานการณ์เมื่อก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549

ไหนล่ะ "มวลชน" อันเป็นพลัง "พื้นฐาน"

การชุมนุมใหญ่ที่หวังจะฝากผีฝากไข้ของเกษตรกรชาวสวนยางพาราอันมีภาคใต้
เป็นฐานที่มั่นสำคัญล่าสุดก็เหลือเพียงควนหนองหงษ์

"ชะอวดโมเดล" พังครืน

ที่เห็นและเป็นอยู่ก็เพียงการรั้งดึงให้ยังคงมีเวที "กองทัพประชาชน"
ณ สวนลุมพินี อันก่อหวอดมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม

แต่ก็ "หร็อมแหร็ม" อย่างน่าใจหาย

ที่เคยฝากความหวังอยู่กับ "พันธมิตร" แต่การประกาศยุติบทบาทของแกนนำอันนำโดย
นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เท่าที่แตกกระสานซ่านเซ็นไปก็เห็นเงา
นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงศ์ไพบูลย์ กับ นายสุริยะใส กตะศิลา อย่างรางเลือน

ที่ ม.รังสิต ของ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์

การเคลื่อนไหวอันสัมผัสได้ผ่าน "ประชาธิปัตย์" การไปโน่นมานี่ตะโกนโหวกเหวก
โวยวายของ "กลุ่ม 40 ส.ว." จึงเสมอเป็นเพียงอาการดิ้นไปหา "องค์กรอิสระ"

อำนาจที่ 4 อำนาจอันเหลืออยู่

อำนาจที่ 4 อันรวมศูนย์ที่ "องค์กรอิสระ" เด่นชัดอย่างยิ่งมีรากงอกมาจากอำนาจ "ตกค้าง" ใด

แน่นอน 1 เป็นพลังเฉื่อยจากการเคลื่อนไหวที่เคยมีก่อนและหลังรัฐประหาร
แน่นอน 1 ยิ่งเคลื่อนไหวยิ่งเห็นถึงพลังเฉื่อยอันรวมศูนย์อยู่ที่รัฐธรรมนูญ

รัฐธรรมนูญอันมาจาก "รัฐประหาร"


ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1380875102&grpid=01&catid=&subcatid=


เด๋วจะมาต่อ ให้นะคะ  ว่า อำนาจที่ 4  จะฟื้นแบบไหน  ยิ้ม


สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่