ทีมผู้วิจัยในสหรัฐฯ ออกมาเปิดผลการศึกษาด้านความสามารถ และความจำของสุนัขพบว่า ถ้าหากให้สุนัขกินอาหารในช่วงเช้าเป็นประจำ จะทำให้มันมีปฏิกิริยากระฉับกระเฉง และฉลาดมากขึ้น
การฝึกฝนสุนัขให้มีความสามารถ และฉลาดขึ้น บ่อยครั้งการฝึกฝนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่การให้พวกมันกินอาหารให้ตรงเวลา โดยเฉพาะอาหารเช้า เป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งทีมวิจัยในสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผย ผลการศึกษาด้านความสามารถ และความจำของสุนัข พบว่า ถ้าหากให้สุนัขกินอาหารในช่วงเช้าเป็นประจำ จะทำให้มันมีปฏิกิริยากระฉับกระเฉง และฉลาดมากขึ้นโดยเฉพาะ ทักษะในการค้นหาสิ่งของที่รวดเร็ว และแม่นยำ
ด๊อกเตอร์ โฮลลี มิลเลอร์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคนตักกี้ ในสหรัฐฯ ผู้เขียนผลงานการศึกษาครั้งนี้ที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร 'กระบวนการของพฤติกรรมสัตว์' เปิดเผยว่า การศึกษาครั้งนี้เขาได้รับแรงบรรดาลใจมาจากผลงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ระบุว่า เด็กที่รับประทานอาหารเช้าจะทำให้ประสาทการรับรู้ตอบสนองเร็วขึ้น รวมทั้งตื่นตัวกว่าเด็ก ที่ไม่ได้กินอาหารเช้า ดังนั้น เขาเลยนำแนวคิดดังกล่าว มาใช้เปรียบเทียบวัดความสามารถของสุนัข
ทีมวิจัยของด๊อกเตอร์ มิลเลอร์ อธิบายว่า ในช่วงแรกของการทดลอง ทีมวิจัยได้นำสุนัขออกกำลังโดยการสั่งให้มันลุกและนั่ง เป็นเวลา 10 นาที จนมันหมดแรง จากนั้น ทำการแบ่งสุนัขออกเป็นสองกลุ่ม โดยกลุ่มแรกทีมวิจัยได้ให้อาหารประเภทเม็ดให้มันกินในช่วงเช้า ขณะที่อีกกลุ่มไม่ได้ให้มันกิน หลังจากนั้น นำสุนัขทั้งสองกลุ่ม มาทดสอบความแม่นยำ ในการหาสิ่งของที่ทางทีมผู้วิจัยซ่อนไว้ในกล่อง จำนวน 6 กล่อง ซึ่ง 1 ใน 6 กล่องนั้น จะมีของซ่อนเอาไว้
โดยในช่วงการทดสอบ ผู้วิจัยพยายามสังเกตพฤติกรรม และค้นพบว่า สุนัขที่ได้กินอาหารในช่วงเช้า มีปฏิกิริยากระชับกระเชง อย่างเห็นได้ชัด และสามารถเลือกกล่องที่มีสิ่งของซ่อมเอาไว้ได้แม่นยำมากกกว่า สุนัขที่ไม่ได้กินอะไรเลย ซึ่งทีมนักวิจัยให้เหตุผลว่า ปัจจัยที่ทำให้สุนัขมีปฏิกิริยาการค้นหาของแม่นยำเช่นนี้ มาจากสารอาหารที่สุนัขกิน โดยเฉพาะในอาหารเม็ด ที่มีปริมาณสารคาร์โบไฮเดรต และน้ำตาลกลูโคส ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นสมองให้สั่งการ และทำให้สุนัขรู้สึกกระชับกระเช่ง และสามารถหาของได้แม่นย่ำ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทีมผู้วิจัยจะยอมรับว่า ผลวิจัยดังกล่าว จะดูเหมือนว่าไม่มีอะไร และเป็นข้อสมมุติฐานทั่วไป แต่ว่า มันอาจจะช่วยให้เจ้าของสุนัขหันกลับมาสนใจเรื่องการกินของสุนัขที่เลี้ยงให้ตรงเวลามากขึ้น โดยเฉพาะ อาหารเช้า
ที่มา
http://news.voicetv.co.th/global/53189.html 
การให้สุนัขกินอาหารเช้าทำให้ฉลาดขึ้น
การฝึกฝนสุนัขให้มีความสามารถ และฉลาดขึ้น บ่อยครั้งการฝึกฝนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่การให้พวกมันกินอาหารให้ตรงเวลา โดยเฉพาะอาหารเช้า เป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งทีมวิจัยในสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผย ผลการศึกษาด้านความสามารถ และความจำของสุนัข พบว่า ถ้าหากให้สุนัขกินอาหารในช่วงเช้าเป็นประจำ จะทำให้มันมีปฏิกิริยากระฉับกระเฉง และฉลาดมากขึ้นโดยเฉพาะ ทักษะในการค้นหาสิ่งของที่รวดเร็ว และแม่นยำ
ด๊อกเตอร์ โฮลลี มิลเลอร์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคนตักกี้ ในสหรัฐฯ ผู้เขียนผลงานการศึกษาครั้งนี้ที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร 'กระบวนการของพฤติกรรมสัตว์' เปิดเผยว่า การศึกษาครั้งนี้เขาได้รับแรงบรรดาลใจมาจากผลงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ระบุว่า เด็กที่รับประทานอาหารเช้าจะทำให้ประสาทการรับรู้ตอบสนองเร็วขึ้น รวมทั้งตื่นตัวกว่าเด็ก ที่ไม่ได้กินอาหารเช้า ดังนั้น เขาเลยนำแนวคิดดังกล่าว มาใช้เปรียบเทียบวัดความสามารถของสุนัข
ทีมวิจัยของด๊อกเตอร์ มิลเลอร์ อธิบายว่า ในช่วงแรกของการทดลอง ทีมวิจัยได้นำสุนัขออกกำลังโดยการสั่งให้มันลุกและนั่ง เป็นเวลา 10 นาที จนมันหมดแรง จากนั้น ทำการแบ่งสุนัขออกเป็นสองกลุ่ม โดยกลุ่มแรกทีมวิจัยได้ให้อาหารประเภทเม็ดให้มันกินในช่วงเช้า ขณะที่อีกกลุ่มไม่ได้ให้มันกิน หลังจากนั้น นำสุนัขทั้งสองกลุ่ม มาทดสอบความแม่นยำ ในการหาสิ่งของที่ทางทีมผู้วิจัยซ่อนไว้ในกล่อง จำนวน 6 กล่อง ซึ่ง 1 ใน 6 กล่องนั้น จะมีของซ่อนเอาไว้
โดยในช่วงการทดสอบ ผู้วิจัยพยายามสังเกตพฤติกรรม และค้นพบว่า สุนัขที่ได้กินอาหารในช่วงเช้า มีปฏิกิริยากระชับกระเชง อย่างเห็นได้ชัด และสามารถเลือกกล่องที่มีสิ่งของซ่อมเอาไว้ได้แม่นยำมากกกว่า สุนัขที่ไม่ได้กินอะไรเลย ซึ่งทีมนักวิจัยให้เหตุผลว่า ปัจจัยที่ทำให้สุนัขมีปฏิกิริยาการค้นหาของแม่นยำเช่นนี้ มาจากสารอาหารที่สุนัขกิน โดยเฉพาะในอาหารเม็ด ที่มีปริมาณสารคาร์โบไฮเดรต และน้ำตาลกลูโคส ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นสมองให้สั่งการ และทำให้สุนัขรู้สึกกระชับกระเช่ง และสามารถหาของได้แม่นย่ำ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทีมผู้วิจัยจะยอมรับว่า ผลวิจัยดังกล่าว จะดูเหมือนว่าไม่มีอะไร และเป็นข้อสมมุติฐานทั่วไป แต่ว่า มันอาจจะช่วยให้เจ้าของสุนัขหันกลับมาสนใจเรื่องการกินของสุนัขที่เลี้ยงให้ตรงเวลามากขึ้น โดยเฉพาะ อาหารเช้า
ที่มา http://news.voicetv.co.th/global/53189.html