1 AM ตอนที่ 2

กระทู้สนทนา
CHAPTER 2


Bangkok Rhapsody




บทสนทนาว่าด้วยผู้หญิงคนนั้นเกิดเป็นแรงสะท้อนเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง คนที่เดินเข้ามาซื้อของเมื่อคืน ดวงตาแก๊บฉายแววเป็นประกาย จินตนาการถึงภาพที่เธอยืนอยู่แผงหนังสือแล้วหันกลับมามองอย่างช้าๆ ดวงตากลมโตจ้องมองลึกลงไปเหมือนกับหุบเหว ตัวเขาดำดิ่งลงไปในอนธกาลนั้นราวกับถูกดูดกลืนชีวิต แต่กลับรู้สึกสงบอย่างประหลาด วินาทีที่ได้สบตากันนั้นเหมือนห้วงความฝันที่ไม่อยากตื่น ขณะที่ตอนนี้ร่างกายเขาหยุดนิ่ง มือทั้งสองกำลังกำบางสิ่งอยู่

"รู้สึกว่าเขาจะพักอยู่แถวนี้" เสียงของปอนด์ ดังอยู่ในห้วงความคิด

Dangerous Tranquility [หัวลำโพงริดดิม]

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ




"เฮ้ย ถูต่อสิ อย่าเพ้อ" ปอนด์สะกิดบอกแก๊บ

มือแก๊บที่กำลังกำบางสิ่งนั้นคือด้ามไม้ถูพื้น หันไปเห็นปอนด์กำลังเรียงปลากระป๋องขึ้นเชลฟ์ สีแดงบนฉลากเรียงตัวกันให้ความรู้สึกน่าพิศวง แก๊บพยายามบังคับมือให้เคลื่อนไหวตามทิศทางที่ขนผ้าถูพื้นจะสะบัดไปถึง เสียงออดหน้าทางเข้าดังแว่วเข้ามา

"ACDC ยินดีต้อนรับครับ" ทั้งสองพูดแทบจะไล่เลี่ยกัน เหลื่อมล้ำอยู่เพียงเสี้ยววินาที

ทั้งสองมองไปเห็นชายวัยรุ่นสองคนเดินเข้ามา คนหนึ่งอยู่ในชุดนักศึกษา ส่วนอีกคนใส่ชุดลำลองคีบแตะ ต่างเดินแยกกันเลือกของในร้าน

"เมื่อวานล่อเรดไปขวด แล้วพี่มันชวนไปต่อสิงห์อีก เมาจนตีห้านู่น แล้วพี่ก็ดันทิปเด็กเสริฟไปโคตรเยอะ"
"ร้านแถวไหน" อีกคนถาม
"แถวนวมินทร์อ่ะ รวมๆแล้วเช็คบิลมา ทิปไปพันห้าได้ ค่าดริงก์เด็กเสริฟนะ โห ก็ร้านมันเด็กเสริฟแนวร้านเพ้อไง"

แก๊บมองไปที่ต้นเสียง เป็นชายในชุดนักศึกษา หวีผมขึ้นแบบเก่ง ธชย ข้างๆไถเกรียนไม่สั้นมาก ถึงหน้าตาไม่หล่อเหลาแต่ก็จัดว่าดูดีระดับหนึ่ง เมื่อจ่ายเงินเสร็จก็จากไป

"เออ สาวคนนั้นก็นักศึกษาเหมือนกันนะ" ปอนด์พูดเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
"รู้ได้ไงอ่ะ"
"ก็อีเจี๊ยบมันเล่าให้ฟัง เห็นกะเช้า"
"เร้อ!"

แก๊บพูดจบก็หยิบไม้ถูพื้นไปเก็บหลังร้าน พอวางมันแนบกับผนังแล้ว ในซอกหลืบนั้นมีไม้ถูพิ้นสีคร่ำคร่า ถังน้ำที่เหลือใช้จากการใส่เป็นถังสีสภาพผุๆ และปลั๊กไฟที่ฝุ่นจับหนาจนไม่แน่ใจว่าเสียบไปแล้วไฟจะช็อตหรือเปล่า บนผนังปูนเปลือยนั้นมีแสงสว่างที่เล็ดลอดมาจากโซนร้าน พอให้เห็นร่องรอยอารยธรรมบางอย่าง ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากน้ำมือพนักงานร้านนี้ ซึ่งอาจจะยาวนานมาหลายช่วงการทำงานหลายรุ่น เมื่อไล่สายตาอ่านดู กลับเป็นวลีและประโยคที่กล่าวถึงห้วงอารมณ์ความรักและคะนึงหาเสียเป็นส่วนใหญ่ เหมือนกับความรู้สึกเหล่านั้นยังคงประทับไว้ในที่แห่งนั้น จนอาจจินตนาการช่วงเวลาที่ใครสักคนเริ่มจรดปากกาบันทึกความรู้สึกเหล่านั้นออกมา ซึ่งในตอนนี้เหลือเพียงตัวอักษรที่ซีดจาง บ้างก็เลือนจนถ้าไม่มองให้ชัดก็แทบไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน

เมื่อแก๊บเดินกลับมาที่เชลฟ์อีกครั้ง ก็เห็นปอนด์กำลังเหวี่ยงไปช็อตยุง เกิดเป็นประกายแสงที่แผงตาข่าย พร้อมกับเสียงแปล๊บๆ เขาเหวี่ยงมันอีกสองสามวืดจนรู้สึกว่าไม่มีผลแล้ว จึงเก็บมันเข้าที่ใต้เคาน์เตอร์ แก๊บนึกเหมือนอยากเอ่ยปากถามเรื่องสิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่ แต่ก็ไม่ได้ถามเหมือนมีบางอย่างให้เขาเลือกที่จะไม่ถามดีกว่า

ซองทาโร่เคลื่อนจากที่แขวน ตกลงบนพื้น ด้วยความที่มันเบียดชิดกันอย่างยาวนาน จนเมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งก็ร่วงลงและไหลเลื่อนตามแรงดึงดูดของโลก แก๊บก้มหยิบมันขึ้นแล้วแขวนกลับที่เดิม แต่มันกลับไม่สามารถอยู่ชิดตำแหน่งเดิมได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ก็ไม่สามารถผลักซองทาโร่ชิ้นสุดท้ายนี้ให้กลับเข้าสู่ตำแหน่งที่เคยอยู่เดิมของมันได้

สิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลัง คือคืนวันที่ล่วงเลยไป แก๊บก็พบว่าตัวเองได้แต่มองหญิงสาวคนเดิมนี้ที่ไม่ใช่การเฝ้ารอคอยแต่อย่างใด เธอมาปรากฏตัวที่นี่บ่อยครั้งในช่วงกลางดึกเพื่อซื้อสินค้าสองสามชิ้น เปิดอ่านหนังสือบางเล่ม แก๊บไม่คิดเข้าไปจีบเธอ ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตของเขากับเธอเป็นสิ่งที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่เรียกว่าพรหมลิขิต มันคงไม่ใช่ความรัก แม้ว่าตัวเขาจะรู้สึกประทับใจบางอย่างที่เกิดจากการได้เห็นเธอ แต่มันก็คงเป็นได้แค่นั้น เธอก็เป็นแค่มนุษย์อีกคนที่พักอาศัยในย่านนี้และแวะเวียนไปมาตามร้านสะดวกซื้อ ถ้าหากวันใดวันหนึ่งเธอปรากฏตัวมาพร้อมชายหนุ่มหล่อล่ะ เขาลองถามตัวเอง ตัวเขาเองจะรู้สึกอะไรหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ แก๊บได้แต่คิดจินตนาการไปไกล แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สิ่งที่เห็นอย่างชินตาคือเธอเข้ามาในร้านเพียงลำพังอยู่เสมอ

ช่วงตะวันขึ้นตอนเช้าใกล้หกโมง แก็บสะพายกระเป๋าสีดำ เดินออกเผชิญกับบรรยากาศที่ผู้คนอยู่ในห้วงแห่งการสลึมสลือ มันเป็นเช้าที่เช้าเกินไป เหมือนเช้าที่ยังหลงเหลือกินอายของคืนอันมืดมิด บางทีจะเห็นท้องฟ้าสีน้ำเงินอมส้มของสีสเปกตรัม แล้วมันก็กวาดไปทั่วอาณาบริเวณ ขณะที่คนอื่นเริ่มออกก้าวเท้าไปเริ่มใช้ชีวิตในวันของเขาอย่างงัวเงีย แก๊บเองกลับเป็นฝ่ายที่ตกอยู่ในความง่วงหงาว พร้อมที่จะเอนกายนอนลงบนฟูกที่ปูบนพื้นห้องเช่าไม่กี่ตารางเมตร เบื้องหน้าตอนนี้คือพระบิณฑบาต คนชราบางคนที่ตื่นมากวาดใบไม้หน้าบ้าน เด็กนักเรียนตัวเล็กๆที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ผู้ปกครอง และหมาจรจัดร่อนเร่ไปตามถนน ชีวิตที่รายล้อมตัวแก๊บก็คือชีวิตที่ต่างกระจายไปทั่วทิศทาง บางทีเราอาจหมุนไปใกล้กับชีวิตอื่น แต่ก็คงไม่ได้อาจสัมผัสหรือรวมเป็นหนึ่งกับชีวิตอื่นใดได้เลย ในเมืองหลวงแห่งนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่