ที่มา: หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (ดอนเมือง) ตรวจสอบปัญหาคลื่นความถี่วิทยุรบกวนวิทยุการบินโดยอากาศยานของบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด
พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ปัญหาคลื่นความถี่วิทยุการบินได้รับการรบกวนจากคลื่นวิทยุภาคพื้นนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุทางการบินจะทำให้เกิดความสูญเสียอีกด้วย
ดังนั้น สำนักงาน กสทช. ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้คลื่นและแก้ปัญหาการรบกวน เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว จึงได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ระหว่าง กสทช. กับบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่างกันในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ โดยได้ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาวิทยุชุมชนรบกวนวิทยุการบินเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และได้รายงานเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา ถึงความคืบหน้าการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างสององค์กรจะร่วมกันแก้ปัญหาในระยะสั้น ระยะยาว ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ
กรณีผู้ส่งสัญญาณรบกวนการบินเป็นผู้ทดลองประกอบกิจการ และ/หรือได้รับใบอนุญาตวิทยุคมนาคม กสทช. จะแจ้งให้ระวังการออกอากาศด้วยวาจาโดยทันที และจะมีหนังสือแจ้งเป็นหลักฐานอีกครั้ง พร้อมทั้งให้แก้ไขปรับปรุงภายในเวลาที่กำหนด แต่ถ้าแก้ไขแล้วต้องมีหนังสือแจ้งผลการแก้ไขปรับปรุงให้สำนักงาน กสทช. เขตทราบ เพื่อตรวจสอบก่อนที่จะดำเนินการออกอากาศอีกครั้ง
หากไม่ดำเนินการแก้ไข ทางสำนักงาน กสทช. เขตจะร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 26 และมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุฯ และแจ้งให้กลุ่มงานอนุญาตประกอบกิจการ 1 (ปส 1) บันทึกประวัติเพื่อพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต
กรณีผู้ส่งสัญญาณรบกวนการบินไม่ได้เป็นผู้ทดลองประกอบกิจการ และไม่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยวิทยุคมนาคม ให้สำนักงาน กสทช. เขตร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีตามมาตรา 6 มาตรา 11 มาตรา 23 และมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 และเมื่อดำเนินคดีเสร็จแล้วให้สำนักงาน กสทช. เขตมีหนังสือแจ้งผลการดำเนินการให้ บวท. ทราบ และแจ้งให้กลุ่มงาน ปส 1 บันทึประวัติเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาในการออกใบอนุญาตต่อไป
หากพบว่าผู้กระทำผิดไม่ได้รับอนุญาตให้ทดลองประกอบกิจการ แต่ได้รับใบอนุญาตวิทยุคมนาคม ถ้าไม่ดำเนินการแก้ไขปรับปรุง สำนักงาน กสทช. จะร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีตามมาตรา 26 และตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 และจะพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตวิทยุคมนาคมต่อไป
หากตรวจสอบพบว่า มีการออกอากาศอยู่ ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับวิทยุกระจายเสียงนั้น ตามมาตรา 6 มาตรา 11 และมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 และจะบันทึกประวัติเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาในการออกใบอนุญาตต่อไป
ด้าน นายอนุชา คำโมง ผู้อำนวยการใหญ่สำนักมาตรฐานความปลอดภัย บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศ จำกัด (บวท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาสายการบินต่างๆ ยืนยันว่า ขณะบินผ่านน่านฟ้าไทยจะได้รับสัญญาณการรบกวนเป็นเสียงจัดรายการวิทยุ เสียงเพลง เสียงโฆษณาสินค้า ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยทางการบิน เนื่องจากเป็นอุปสรรคในการติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกรณีสภาพอากาศไม่ดีอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
พล.อ.ต.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รองเลขาธิการ กสทช. กล่าวถึงสาเหตุที่วิทยุกระจายเสียงรบกวนการใช้งานคลื่นความถี่ในกิจการวิทยุการบินว่า มาจากเครื่องส่งสัญญาณของวิทยุที่มีคุณภาพต่ำ การติดตั้งหรือการเชื่อมระหว่างเครื่องส่งกับสายส่งกำลังไปยังสายอากาศส่วนใหญ่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงปัญหาที่มีสาเหตุจากความรู้ความเข้าใจด้านเทคนิคและการเลือกใช้อุปกรณ์สายอากาศผิดประเภท ซึ่งการบินตรวจสอบในเส้นทางท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ-อุดรธานี ยังคงพบคลื่นรบกวนสัญญาณการบิน ซึ่งได้ทำงานร่วมกันกับ บวท. อย่างใกล้ชิด
โดยสำนักงาน กสทช. เขตจะนำผลการบินทดสอบทุกครั้งที่ตรวจพบไปดำเนินการตรวจสอบหาแหล่งแพร่กระจายคลื่นรบกวน และดำเนินการด้านกฎหมายในส่วนของ กสทช. ต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ได้รับใบอนุญาตขอทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงจำนวน 2,743 ราย แบ่งเป็นกิจการบริการธุรกิจ 1,752 ราย กิจการบริการสาธารณะ 578 ราย และกิจการบริการชุมชน 413 ราย
============================================================================
สถิตีการรบกวนจากสถานีวิทยุชุมชน ระหว่างปี 2548-2556 ที่ได้รับแจ้งจากนักบิน[
พ.ค.-ธ.ค. 48
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 442
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 533
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 188
พ.ศ. 2549
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 414
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = 63
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 534
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 148
พ.ศ. 2550
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 249
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = 153
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 12
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 53
พ.ศ. 2551
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 463
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = 339
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 56
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 119
พ.ศ. 2552
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 557
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = 664
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 31
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 111
พ.ศ. 2553
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 684
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = 1,065
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 26
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 129
พ.ศ. 2554
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 766
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = 779
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 13
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 223
พ.ศ. 2555
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 1,203
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = 836
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 18
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 547
พ.ศ. 2556
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 989
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = 471
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 27
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 463
=============================================================================
ผลกระทบต่อการควบคุมจราจรทางอากาศ
- ความไม่ชัดเจนของสัญญาณเสียงที่ต้องการสื่อสาร เนื่องจากมีเสียงแทรกเป็นเสียงจัดรายการ เสียงเพลง เสียงโฆษณา ที่เครื่องรับวิทยุบนเครื่องบินที่ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างนักบินและเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ ทำให้ต้องทวนซ้ำข้อความบ่อยครั้งในการติดต่อสื่อสาร การสื่อความหมายที่ผิดพลาดและเกิดความจำ อาจเป็นเหตุทำให้เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสารได้
- หากการรบกวนเกิดขึ้นในช่วงปฏิบัติการบินที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ช่วงเครื่องบินทำการบินขึ้นลง ณ ท่าอากาศยานที่มีการจราจรหนาแน่น และทัศนวิสัยไม่ดี อาจเกิดผลกระทบที่รุนแรงขึ้นได้
- เพิ่มภาระงานและความเครียดระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศกับนักบิน
- การเปลี่ยนไปใช้ความถี่สำรองบ่อยครั้งเกิดความสับสนต่อผู้ปฏิบัติงาน บางครั้งความถี่ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน
- ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของประเทศในด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นหัวใจของหน่วยงานที่ให้บริการการเดินอากาศและหน่วยงานที่กำกับดูแล
ผลกระทบต่อระบบเครื่องช่วยการเดินอากาศ
- สัญญาณวิทยุกระจายเสียงรบกวนพื้นที่การใช้งานเครื่องช่วยการเดินทางอากาศ ILS ทำให้เกิด False capture (แนวกึ่งกลางทางวิ่งเทียม) ในขณะทำวิธีบินเข้าหาแนวกึ่งกลางทางวิ่ง ทำให้ระบบของเครื่องบินรับสัญญาณที่ผิดพลาด นำเครื่องบินเข้าแนวสัญญาณที่ไม่ใช่แนวกึ่งกลางทางวิ่งขณะลงสู่สนามบิน หากการรบกวนเกิดในสภาพทัศนวิสัยไม่ดี นักบินไม่สามารถมองเห็นในระยะไกล อาจเกิดอุบัติเหตุจากการบินลงไม่ตรงบนทางวิ่งได้
- เมื่อเกิดคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงแทรกเข้ามาในย่านความถี่ของอุปกรณ์บอกทิศทาง VOR โดยสัญญาณรบกวน ทำให้เกิดจุดบอดของสัญญาณในบางตำแหน่งของเส้นทางบิน เครื่องบินไม่สามารถรับสัญญาณ VOR ได้ หรือรับสัญญาณได้ไม่ต่อเนื่อง หรือลักษณะของสัญญาณบอกทิศทางผิดเพี้ยน ทำให้นักบินไม่สามารถทราบตำแหน่งเส้นทางบินเพื่อบินสู่เป้าหมายได้ และมีข้อผิดพลาด ยิ่งถ้าสภาพอากาศไม่ดีหรือภูมิประเทศที่มีภูเขาสูง ทำให้เกิดอันตรายในการเดินอากาศได้
กสทช. จับมือวิทยุการบิน ตรวจสอบปัญหาคลื่นความถี่วิทยุรบกวนการบิน
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (ดอนเมือง) ตรวจสอบปัญหาคลื่นความถี่วิทยุรบกวนวิทยุการบินโดยอากาศยานของบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด
พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ปัญหาคลื่นความถี่วิทยุการบินได้รับการรบกวนจากคลื่นวิทยุภาคพื้นนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุทางการบินจะทำให้เกิดความสูญเสียอีกด้วย
ดังนั้น สำนักงาน กสทช. ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้คลื่นและแก้ปัญหาการรบกวน เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว จึงได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ระหว่าง กสทช. กับบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่างกันในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ โดยได้ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาวิทยุชุมชนรบกวนวิทยุการบินเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และได้รายงานเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา ถึงความคืบหน้าการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างสององค์กรจะร่วมกันแก้ปัญหาในระยะสั้น ระยะยาว ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ
กรณีผู้ส่งสัญญาณรบกวนการบินเป็นผู้ทดลองประกอบกิจการ และ/หรือได้รับใบอนุญาตวิทยุคมนาคม กสทช. จะแจ้งให้ระวังการออกอากาศด้วยวาจาโดยทันที และจะมีหนังสือแจ้งเป็นหลักฐานอีกครั้ง พร้อมทั้งให้แก้ไขปรับปรุงภายในเวลาที่กำหนด แต่ถ้าแก้ไขแล้วต้องมีหนังสือแจ้งผลการแก้ไขปรับปรุงให้สำนักงาน กสทช. เขตทราบ เพื่อตรวจสอบก่อนที่จะดำเนินการออกอากาศอีกครั้ง
หากไม่ดำเนินการแก้ไข ทางสำนักงาน กสทช. เขตจะร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 26 และมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุฯ และแจ้งให้กลุ่มงานอนุญาตประกอบกิจการ 1 (ปส 1) บันทึกประวัติเพื่อพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต
กรณีผู้ส่งสัญญาณรบกวนการบินไม่ได้เป็นผู้ทดลองประกอบกิจการ และไม่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยวิทยุคมนาคม ให้สำนักงาน กสทช. เขตร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีตามมาตรา 6 มาตรา 11 มาตรา 23 และมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 และเมื่อดำเนินคดีเสร็จแล้วให้สำนักงาน กสทช. เขตมีหนังสือแจ้งผลการดำเนินการให้ บวท. ทราบ และแจ้งให้กลุ่มงาน ปส 1 บันทึประวัติเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาในการออกใบอนุญาตต่อไป
หากพบว่าผู้กระทำผิดไม่ได้รับอนุญาตให้ทดลองประกอบกิจการ แต่ได้รับใบอนุญาตวิทยุคมนาคม ถ้าไม่ดำเนินการแก้ไขปรับปรุง สำนักงาน กสทช. จะร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีตามมาตรา 26 และตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 และจะพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตวิทยุคมนาคมต่อไป
หากตรวจสอบพบว่า มีการออกอากาศอยู่ ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับวิทยุกระจายเสียงนั้น ตามมาตรา 6 มาตรา 11 และมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 และจะบันทึกประวัติเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาในการออกใบอนุญาตต่อไป
ด้าน นายอนุชา คำโมง ผู้อำนวยการใหญ่สำนักมาตรฐานความปลอดภัย บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศ จำกัด (บวท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาสายการบินต่างๆ ยืนยันว่า ขณะบินผ่านน่านฟ้าไทยจะได้รับสัญญาณการรบกวนเป็นเสียงจัดรายการวิทยุ เสียงเพลง เสียงโฆษณาสินค้า ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยทางการบิน เนื่องจากเป็นอุปสรรคในการติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกรณีสภาพอากาศไม่ดีอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
พล.อ.ต.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รองเลขาธิการ กสทช. กล่าวถึงสาเหตุที่วิทยุกระจายเสียงรบกวนการใช้งานคลื่นความถี่ในกิจการวิทยุการบินว่า มาจากเครื่องส่งสัญญาณของวิทยุที่มีคุณภาพต่ำ การติดตั้งหรือการเชื่อมระหว่างเครื่องส่งกับสายส่งกำลังไปยังสายอากาศส่วนใหญ่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงปัญหาที่มีสาเหตุจากความรู้ความเข้าใจด้านเทคนิคและการเลือกใช้อุปกรณ์สายอากาศผิดประเภท ซึ่งการบินตรวจสอบในเส้นทางท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ-อุดรธานี ยังคงพบคลื่นรบกวนสัญญาณการบิน ซึ่งได้ทำงานร่วมกันกับ บวท. อย่างใกล้ชิด
โดยสำนักงาน กสทช. เขตจะนำผลการบินทดสอบทุกครั้งที่ตรวจพบไปดำเนินการตรวจสอบหาแหล่งแพร่กระจายคลื่นรบกวน และดำเนินการด้านกฎหมายในส่วนของ กสทช. ต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ได้รับใบอนุญาตขอทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงจำนวน 2,743 ราย แบ่งเป็นกิจการบริการธุรกิจ 1,752 ราย กิจการบริการสาธารณะ 578 ราย และกิจการบริการชุมชน 413 ราย
============================================================================
สถิตีการรบกวนจากสถานีวิทยุชุมชน ระหว่างปี 2548-2556 ที่ได้รับแจ้งจากนักบิน[
พ.ค.-ธ.ค. 48
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 442
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 533
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 188
พ.ศ. 2549
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 414
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = 63
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 534
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 148
พ.ศ. 2550
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 249
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = 153
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 12
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 53
พ.ศ. 2551
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 463
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = 339
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 56
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 119
พ.ศ. 2552
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 557
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = 664
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 31
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 111
พ.ศ. 2553
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 684
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = 1,065
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 26
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 129
พ.ศ. 2554
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 766
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = 779
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 13
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 223
พ.ศ. 2555
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 1,203
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = 836
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 18
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 547
พ.ศ. 2556
ศูนย์ควบคุมฯ กรุงเทพฯ = 989
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = 471
ท่าอากาศยานดอนเมือง = 27
ท่าอากาศยานภูมิภาค = 463
=============================================================================
ผลกระทบต่อการควบคุมจราจรทางอากาศ
- ความไม่ชัดเจนของสัญญาณเสียงที่ต้องการสื่อสาร เนื่องจากมีเสียงแทรกเป็นเสียงจัดรายการ เสียงเพลง เสียงโฆษณา ที่เครื่องรับวิทยุบนเครื่องบินที่ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างนักบินและเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ ทำให้ต้องทวนซ้ำข้อความบ่อยครั้งในการติดต่อสื่อสาร การสื่อความหมายที่ผิดพลาดและเกิดความจำ อาจเป็นเหตุทำให้เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสารได้
- หากการรบกวนเกิดขึ้นในช่วงปฏิบัติการบินที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ช่วงเครื่องบินทำการบินขึ้นลง ณ ท่าอากาศยานที่มีการจราจรหนาแน่น และทัศนวิสัยไม่ดี อาจเกิดผลกระทบที่รุนแรงขึ้นได้
- เพิ่มภาระงานและความเครียดระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศกับนักบิน
- การเปลี่ยนไปใช้ความถี่สำรองบ่อยครั้งเกิดความสับสนต่อผู้ปฏิบัติงาน บางครั้งความถี่ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน
- ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของประเทศในด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นหัวใจของหน่วยงานที่ให้บริการการเดินอากาศและหน่วยงานที่กำกับดูแล
ผลกระทบต่อระบบเครื่องช่วยการเดินอากาศ
- สัญญาณวิทยุกระจายเสียงรบกวนพื้นที่การใช้งานเครื่องช่วยการเดินทางอากาศ ILS ทำให้เกิด False capture (แนวกึ่งกลางทางวิ่งเทียม) ในขณะทำวิธีบินเข้าหาแนวกึ่งกลางทางวิ่ง ทำให้ระบบของเครื่องบินรับสัญญาณที่ผิดพลาด นำเครื่องบินเข้าแนวสัญญาณที่ไม่ใช่แนวกึ่งกลางทางวิ่งขณะลงสู่สนามบิน หากการรบกวนเกิดในสภาพทัศนวิสัยไม่ดี นักบินไม่สามารถมองเห็นในระยะไกล อาจเกิดอุบัติเหตุจากการบินลงไม่ตรงบนทางวิ่งได้
- เมื่อเกิดคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงแทรกเข้ามาในย่านความถี่ของอุปกรณ์บอกทิศทาง VOR โดยสัญญาณรบกวน ทำให้เกิดจุดบอดของสัญญาณในบางตำแหน่งของเส้นทางบิน เครื่องบินไม่สามารถรับสัญญาณ VOR ได้ หรือรับสัญญาณได้ไม่ต่อเนื่อง หรือลักษณะของสัญญาณบอกทิศทางผิดเพี้ยน ทำให้นักบินไม่สามารถทราบตำแหน่งเส้นทางบินเพื่อบินสู่เป้าหมายได้ และมีข้อผิดพลาด ยิ่งถ้าสภาพอากาศไม่ดีหรือภูมิประเทศที่มีภูเขาสูง ทำให้เกิดอันตรายในการเดินอากาศได้