เจาะแผนลับ"ขุนค้อน" คุมหมาก"สภา"ป่วน "เชือดนิ่ม-อุ้มออก"
วันที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 21:16:46 น.
"ดื้อมาอย่างนี้เจออย่างนี้ ผมขออนุญาตเดินหน้าตามนี้ในสิ่งที่ผมไม่อยากทำ แต่จำเป็นต้องทำ เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันหนึ่งที่รักยิ่ง นิ่งเงียบอย่างกับโดนมนต์สะกด สถานการณ์เปลี่ยนคนละเรื่อง จากประชุมต่อไม่ได้เงียบไปเลย นี่ไงฉายาขุนค้อน ประกาศิตผู้ปฏิรูปรัฐสภาไทย บุคคลการเมืองแห่งปี 2540 ที่สื่อคัดเลือกให้มาเป็น ผมไม่ได้เลือกเอง สื่อเลือกเอง"
คำเปิดใจของ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา ในวัย 59 ปี ถึงเหตุการณ์ "รัฐสภาไทย" เมื่อ 16 ปีก่อน ที่เขาได้รับฉายา "ขุนค้อน" ขณะนั่งเก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งมาจากการที่เขาคุมเกมใน "รัฐสภา" กำราบ "สมาชิก" จนอยู่หมัด เพียงแค่ยก "ค้อน" ขึ้นขู่เท่านั้น พร้อมพูดอย่างนิ่มๆ เตือนสมาชิก ทำให้บรรยากาศการตีรวนในห้องประชุมผู้ทรงเกียรติเกิดความสงบลงในทันที
"คราวนั้น ส.ส.ไม่มีกลัวใคร กลัวอย่างเดียวสอบตก สถานการณ์ตอนนั้น ถ้า ส.ส.โดนหิ้วออกจากสภา สอบตกแน่นอน เพราะประชาชนจะถามคำถามเดียวกันทุกหย่อมหญ้าทำไมถึงถูกหิ้วออก มีผลทำให้สอบตกสูงมากนะ"
แต่เหตุการณ์ "รัฐสภาไทย" ในปัจจุบัน ต่างจากในอดีตที่ "ขุนค้อน" เผชิญ
เพราะล่าสุดในฐานะประมุขนิติบัญญัติ "สมศักดิ์" ต้องรับศึกหนักในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ "รัฐสภาไทย" ที่มีการประท้วงยาวนานตลอดทั้งวัน 12 ชั่วโมง พักการประชุมถึง 5 ครั้ง
เมื่อคราวการประชุมร่วมกันของรัฐสภา วันที่ 20 สิงหาคม 2556 ในวาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่.. พ.ศ. .... หรือประเด็นที่มาของ ส.ว. ในวาระที่สอง ซึ่งเป็นการพิจารณาวันแรก
ทันทีที่เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม "ขุนค้อน" ต้องเผชิญการต่อสู้ใน "รัฐสภา" ของฝ่ายค้านอย่าง "พรรคประชาธิปัตย์" ที่ระดมแปรญัตติเพื่อขอใช้สิทธิ "อภิปราย" ในที่ประชุมจำนวนกว่า 100 คน
แม้ "สมศักดิ์" พยายามตัดบทการหารือของฝ่ายค้านที่ใช้สิทธิ "ประท้วง" การตัดสิทธิผู้สงวนคำแปรญัตติที่ขัดหลักการ
และที่สุดที่ประชุมลงมติเสียงข้างมากเห็นว่าการแปรญัตติขัดหลักการจะไม่สามารถอภิปรายได้
ทว่าเหตุการณ์ใน "รัฐสภา" กลับระอุดุเดือดหนักขึ้น เกิดเสียงโห่คัดค้านการทำหน้าที่ของเขาอย่างหนัก
จนถึงขั้นที่ "สมศักดิ์" ในฐานะผู้ทำหน้าที่ประธานการประชุมต้องยกค้อนขึ้นมาทุบกลางห้องประชุมถึง 3 ครั้ง แต่การประชุมก็ยังไม่สงบจากการประท้วงของ "ฝ่ายค้าน"
แม้ ส.ส.ในซีกรัฐบาลทุกคนจะอยู่ในท่าทีซึ่งนิ่งเฉยก็ตาม
เป็นผลให้ต้องเรียก "ตำรวจรัฐสภา" กว่า 20 นาย กรูกันเข้ามาเพื่อขอให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ลุกขึ้นประท้วงออกจากห้องประชุม
"ตำรวจรัฐสภาอุ้มไม่ได้ ผมไม่ได้เชือดนิ่ม และอุ้มไม่สำเร็จ ถ้าสมบูรณ์แบบต้องได้เชือด แล้วเข้าสู่กระบวนการอุ้มออกทั้งพรรคไปทีละคนจึงสำเร็จ แล้วที่เหลือนั่งลง นี่คือจินตนาการของผม ผมรู้สึก fail (ผิดหวัง) สอบตก ขนาดไม่เป็นไปตามแผน สถานการณ์ไม่ใช่ แต่ประชาชนยังให้คะแนนเต็ม แผนนี้ผมอุตส่าห์วางไว้เป็นปี" สมศักดิ์เปิดถึงแผนการลับที่เขาอ่านเกมมาก่อนหน้านี้ว่าจะต้องเผชิญการรุมประท้วงอย่างหนักของ "ฝ่ายค้าน"
ถึงแม้เหตุการณ์ครั้งนั้นจะไม่เป็นไปตามแผนการที่วางไว้จะต้องได้พูดเชือดนิ่มๆ ฝ่ายค้านก่อน เพื่อเรียกความเห็นใจจากประชาชนทั้งประเทศผ่านการถ่ายทอดสดทางสถานี
โทรทัศน์เอ็นบีที
"ผมตั้งใจจะพูดกับฝ่ายค้านว่า ถ้าทำอย่างนี้จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐสภา ซึ่งเป็น 1 ใน 3 อำนาจหลัก ทำให้เกิดความเสียหายโดยรวม แต่คราวนี้เชือดนิ่มๆ ไม่ได้ แต่ขนาดไม่มีโอกาสประชาชนยังให้คะแนนเต็มร้อย เป็นกำลังใจให้ผม ส.ส.พรรคเพื่อไทยบอกว่าสะใจ เยี่ยมๆ ลืมเรื่องเปลี่ยนตัวประธานไปทันที" สมศักดิ์กล่าวพร้อมยกนิ้วโป้งทั้งสองมือขึ้นแสดงถึงความสะใจของ "ส.ส." ในรัฐบาล
ถามว่า การตัดสินใจคุมเกมเช่นนี้จะทำให้ภาพลักษณ์ "รัฐสภา" ตกต่ำไปทั้งหมดหรือไม่
"สมศักดิ์" กลับเห็นแย้งว่า "ตกอยู่แล้วที่เขาทำตัว แต่เรามาช่วยแก้ เห็นการพิจารณาวาระสองของร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เงียบลงไหม หรือเทวดาเสก มีที่มาไหม กระดานหมากนี้ฉันคุม และจะคุมต่อไป"
"ผมฝึกสมาธิมาอย่างดี ไม่มีทางมาตบะแตก จะกวนแค่ไหนไม่ทำให้ตบะแตก จะเกิดอะไร ผมนิ่งได้อยู่แล้ว ผมนิ่งซะอย่าง คุณจะทำอะไร ถ้าคุณดื้อน้อยก็เสียน้อย คุณดื้อมากก็เสียมาก แต่ถ้าคุณฉลาดจงเลิกดื้อซะ" สมศักดิ์ให้คำเตือนไปยัง "สมาชิก" ที่จะใช้สิทธิคัดค้านจนนอกติกาข้อบังคับการประชุมสภา
"ประมุขนิติบัญญัติ" จาก "ขอนแก่น" สำทับอีกครั้งว่า "กระดานหมากนี้ ผมคุมไหม ดังนั้นเกมในสภา ผมไม่มีทางแพ้ มีแต่ชนะมากหรือชนะน้อย จะเสมอตัวต่อเมื่อเขาไม่ดื้อเลย ผมเล่นการเมืองไม่เคยกลัวอะไร แต่กลัวพรรคประชาธิปัตย์จะเลิกกวน ถ้าประชาธิปัตย์เลิกกวนใครจะมาเป็นประธานสภาก็ได้ เพราะมาอ่านชื่อตามโผที่เขาส่งมาให้อภิปราย ใครก็เป็นประธานได้ แต่ฉายาขุนค้อนได้มาจากคนข้างล่างดื้อ คนเห็นใจทั้งประเทศ"
ถามย้ำว่า หากต้องเผชิญการคัดค้านและประท้วงอย่างหนักอีกครั้งจะทำอย่างไร
"สมศักดิ์" ตอบทันทีว่า "จะลากยาวไม่ได้ จะไม่ให้หารือก็ได้ ที่ให้หารือเพื่ออะลุ้มอล่วย พอสมควรแล้วดึงกลับเข้าเกมอย่างเดียว"
"ในเมื่อถึงเวลาเด็ดขาด ผมต้องเด็ดขาด ถ้าไม่เด็ดขาดแล้วต้องจอดป้ายอย่างที่เขาต้องการใช่ไหม ถ้าประธานเป็นคนอื่นอาจจะประชุมไม่ได้ แต่เป็นผม ผมก็ใช้ศิลปะเดินหน้าไปแบบนี้"
เป็นประกาศิตและแผนการลับคุมหมากกระดาน "รัฐสภาไทย" ยุค 2 ขั้ว ของ "ขุนค้อน" ที่เขาเคยได้ทิ้งวาทะแห่งปี 2554 จากการลงมติของ "สื่อมวลชนรัฐสภา" ว่า "คำวินิจฉัยประธานถือเป็นที่สิ้นสุด จะผิดหรือถูกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1380723277&grpid=01&catid=12&subcatid=1200
เจาะแผนลับ"ขุนค้อน" คุมหมาก"สภา"ป่วน "เชือดนิ่ม-อุ้มออก"
เจาะแผนลับ"ขุนค้อน" คุมหมาก"สภา"ป่วน "เชือดนิ่ม-อุ้มออก"
วันที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 21:16:46 น.
"ดื้อมาอย่างนี้เจออย่างนี้ ผมขออนุญาตเดินหน้าตามนี้ในสิ่งที่ผมไม่อยากทำ แต่จำเป็นต้องทำ เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันหนึ่งที่รักยิ่ง นิ่งเงียบอย่างกับโดนมนต์สะกด สถานการณ์เปลี่ยนคนละเรื่อง จากประชุมต่อไม่ได้เงียบไปเลย นี่ไงฉายาขุนค้อน ประกาศิตผู้ปฏิรูปรัฐสภาไทย บุคคลการเมืองแห่งปี 2540 ที่สื่อคัดเลือกให้มาเป็น ผมไม่ได้เลือกเอง สื่อเลือกเอง"
คำเปิดใจของ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา ในวัย 59 ปี ถึงเหตุการณ์ "รัฐสภาไทย" เมื่อ 16 ปีก่อน ที่เขาได้รับฉายา "ขุนค้อน" ขณะนั่งเก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งมาจากการที่เขาคุมเกมใน "รัฐสภา" กำราบ "สมาชิก" จนอยู่หมัด เพียงแค่ยก "ค้อน" ขึ้นขู่เท่านั้น พร้อมพูดอย่างนิ่มๆ เตือนสมาชิก ทำให้บรรยากาศการตีรวนในห้องประชุมผู้ทรงเกียรติเกิดความสงบลงในทันที
"คราวนั้น ส.ส.ไม่มีกลัวใคร กลัวอย่างเดียวสอบตก สถานการณ์ตอนนั้น ถ้า ส.ส.โดนหิ้วออกจากสภา สอบตกแน่นอน เพราะประชาชนจะถามคำถามเดียวกันทุกหย่อมหญ้าทำไมถึงถูกหิ้วออก มีผลทำให้สอบตกสูงมากนะ"
แต่เหตุการณ์ "รัฐสภาไทย" ในปัจจุบัน ต่างจากในอดีตที่ "ขุนค้อน" เผชิญ
เพราะล่าสุดในฐานะประมุขนิติบัญญัติ "สมศักดิ์" ต้องรับศึกหนักในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ "รัฐสภาไทย" ที่มีการประท้วงยาวนานตลอดทั้งวัน 12 ชั่วโมง พักการประชุมถึง 5 ครั้ง
เมื่อคราวการประชุมร่วมกันของรัฐสภา วันที่ 20 สิงหาคม 2556 ในวาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่.. พ.ศ. .... หรือประเด็นที่มาของ ส.ว. ในวาระที่สอง ซึ่งเป็นการพิจารณาวันแรก
ทันทีที่เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม "ขุนค้อน" ต้องเผชิญการต่อสู้ใน "รัฐสภา" ของฝ่ายค้านอย่าง "พรรคประชาธิปัตย์" ที่ระดมแปรญัตติเพื่อขอใช้สิทธิ "อภิปราย" ในที่ประชุมจำนวนกว่า 100 คน
แม้ "สมศักดิ์" พยายามตัดบทการหารือของฝ่ายค้านที่ใช้สิทธิ "ประท้วง" การตัดสิทธิผู้สงวนคำแปรญัตติที่ขัดหลักการ
และที่สุดที่ประชุมลงมติเสียงข้างมากเห็นว่าการแปรญัตติขัดหลักการจะไม่สามารถอภิปรายได้
ทว่าเหตุการณ์ใน "รัฐสภา" กลับระอุดุเดือดหนักขึ้น เกิดเสียงโห่คัดค้านการทำหน้าที่ของเขาอย่างหนัก
จนถึงขั้นที่ "สมศักดิ์" ในฐานะผู้ทำหน้าที่ประธานการประชุมต้องยกค้อนขึ้นมาทุบกลางห้องประชุมถึง 3 ครั้ง แต่การประชุมก็ยังไม่สงบจากการประท้วงของ "ฝ่ายค้าน"
แม้ ส.ส.ในซีกรัฐบาลทุกคนจะอยู่ในท่าทีซึ่งนิ่งเฉยก็ตาม
เป็นผลให้ต้องเรียก "ตำรวจรัฐสภา" กว่า 20 นาย กรูกันเข้ามาเพื่อขอให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ลุกขึ้นประท้วงออกจากห้องประชุม
"ตำรวจรัฐสภาอุ้มไม่ได้ ผมไม่ได้เชือดนิ่ม และอุ้มไม่สำเร็จ ถ้าสมบูรณ์แบบต้องได้เชือด แล้วเข้าสู่กระบวนการอุ้มออกทั้งพรรคไปทีละคนจึงสำเร็จ แล้วที่เหลือนั่งลง นี่คือจินตนาการของผม ผมรู้สึก fail (ผิดหวัง) สอบตก ขนาดไม่เป็นไปตามแผน สถานการณ์ไม่ใช่ แต่ประชาชนยังให้คะแนนเต็ม แผนนี้ผมอุตส่าห์วางไว้เป็นปี" สมศักดิ์เปิดถึงแผนการลับที่เขาอ่านเกมมาก่อนหน้านี้ว่าจะต้องเผชิญการรุมประท้วงอย่างหนักของ "ฝ่ายค้าน"
ถึงแม้เหตุการณ์ครั้งนั้นจะไม่เป็นไปตามแผนการที่วางไว้จะต้องได้พูดเชือดนิ่มๆ ฝ่ายค้านก่อน เพื่อเรียกความเห็นใจจากประชาชนทั้งประเทศผ่านการถ่ายทอดสดทางสถานี
โทรทัศน์เอ็นบีที
"ผมตั้งใจจะพูดกับฝ่ายค้านว่า ถ้าทำอย่างนี้จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐสภา ซึ่งเป็น 1 ใน 3 อำนาจหลัก ทำให้เกิดความเสียหายโดยรวม แต่คราวนี้เชือดนิ่มๆ ไม่ได้ แต่ขนาดไม่มีโอกาสประชาชนยังให้คะแนนเต็มร้อย เป็นกำลังใจให้ผม ส.ส.พรรคเพื่อไทยบอกว่าสะใจ เยี่ยมๆ ลืมเรื่องเปลี่ยนตัวประธานไปทันที" สมศักดิ์กล่าวพร้อมยกนิ้วโป้งทั้งสองมือขึ้นแสดงถึงความสะใจของ "ส.ส." ในรัฐบาล
ถามว่า การตัดสินใจคุมเกมเช่นนี้จะทำให้ภาพลักษณ์ "รัฐสภา" ตกต่ำไปทั้งหมดหรือไม่
"สมศักดิ์" กลับเห็นแย้งว่า "ตกอยู่แล้วที่เขาทำตัว แต่เรามาช่วยแก้ เห็นการพิจารณาวาระสองของร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เงียบลงไหม หรือเทวดาเสก มีที่มาไหม กระดานหมากนี้ฉันคุม และจะคุมต่อไป"
"ผมฝึกสมาธิมาอย่างดี ไม่มีทางมาตบะแตก จะกวนแค่ไหนไม่ทำให้ตบะแตก จะเกิดอะไร ผมนิ่งได้อยู่แล้ว ผมนิ่งซะอย่าง คุณจะทำอะไร ถ้าคุณดื้อน้อยก็เสียน้อย คุณดื้อมากก็เสียมาก แต่ถ้าคุณฉลาดจงเลิกดื้อซะ" สมศักดิ์ให้คำเตือนไปยัง "สมาชิก" ที่จะใช้สิทธิคัดค้านจนนอกติกาข้อบังคับการประชุมสภา
"ประมุขนิติบัญญัติ" จาก "ขอนแก่น" สำทับอีกครั้งว่า "กระดานหมากนี้ ผมคุมไหม ดังนั้นเกมในสภา ผมไม่มีทางแพ้ มีแต่ชนะมากหรือชนะน้อย จะเสมอตัวต่อเมื่อเขาไม่ดื้อเลย ผมเล่นการเมืองไม่เคยกลัวอะไร แต่กลัวพรรคประชาธิปัตย์จะเลิกกวน ถ้าประชาธิปัตย์เลิกกวนใครจะมาเป็นประธานสภาก็ได้ เพราะมาอ่านชื่อตามโผที่เขาส่งมาให้อภิปราย ใครก็เป็นประธานได้ แต่ฉายาขุนค้อนได้มาจากคนข้างล่างดื้อ คนเห็นใจทั้งประเทศ"
ถามย้ำว่า หากต้องเผชิญการคัดค้านและประท้วงอย่างหนักอีกครั้งจะทำอย่างไร
"สมศักดิ์" ตอบทันทีว่า "จะลากยาวไม่ได้ จะไม่ให้หารือก็ได้ ที่ให้หารือเพื่ออะลุ้มอล่วย พอสมควรแล้วดึงกลับเข้าเกมอย่างเดียว"
"ในเมื่อถึงเวลาเด็ดขาด ผมต้องเด็ดขาด ถ้าไม่เด็ดขาดแล้วต้องจอดป้ายอย่างที่เขาต้องการใช่ไหม ถ้าประธานเป็นคนอื่นอาจจะประชุมไม่ได้ แต่เป็นผม ผมก็ใช้ศิลปะเดินหน้าไปแบบนี้"
เป็นประกาศิตและแผนการลับคุมหมากกระดาน "รัฐสภาไทย" ยุค 2 ขั้ว ของ "ขุนค้อน" ที่เขาเคยได้ทิ้งวาทะแห่งปี 2554 จากการลงมติของ "สื่อมวลชนรัฐสภา" ว่า "คำวินิจฉัยประธานถือเป็นที่สิ้นสุด จะผิดหรือถูกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1380723277&grpid=01&catid=12&subcatid=1200