(มติชนรายวัน 1 ต.ค.2556)
maxlui2810@gmail.com
การเมืองที่ว่ากันว่าจะแรงขึ้นเรื่อยๆ นั้น ยังไม่จบ
ขณะนี้ประเด็นฮอตทางการเมืองเริ่มผ่องถ่ายจากสภาไปยังองค์กรอิสระ ผลการพิจารณาของ
องค์กรอิสระหลายองค์กรจะชี้ความเป็นไปทางการเมือง
จะออกหัวหรือออกก้อยต้องลุ้นกันอีกหลายยก
การต่อสู้ทางการเมืองที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานนี้ เหตุหนึ่งเป็นเพราะขั้วการเมืองหนึ่งได้เสียง
จากประชาชนจำนวนมาก แต่อีกขั้วการเมืองหนึ่งไม่ยอมรับขั้วการเมืองที่ได้รับการสนับสนุน
ขั้วการเมืองที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนมาก คือพรรคเพื่อไทย
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนน้อยกว่า
ไม่ยอมรับการบริหารงานของพรรคเพื่อไทย
โดยมีเหตุผลนานัปการยกมาอ้าง
เหตุหนึ่งที่หยิบขึ้นมาชู คือการ "กินรวบประเทศ" ซึ่งมีสมาชิกรัฐสภาที่ต่อต้านร่างแก้ไข
รัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนที่มาของสมาชิกวุฒิสภา จากสัดส่วนและเลือกตั้งอย่างละครึ่งมาเป็น
เลือกตั้งอย่างเดียว นำมาเป็นเหตุผลประกอบการคัดค้าน
การ "กินรวบ" ที่ฝ่ายคัดค้านหยิบยกขึ้นมา อธิบายว่าหากปล่อยให้มีการเลือกตั้ง
สมาชิกวุฒิสภา ประเทศจะถูก "กินรวบ" เพราะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ
สมาชิกวุฒิสภาก็จะเหมือนกัน
เมื่อขั้วการเมืองฝั่งเพื่อไทยได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาก
ก็มีโอกาสจะได้สมาชิกวุฒิสภามากเช่นกัน
เท่ากับว่า สมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับการสนับสนุนจากฐานเสียงพรรคเพื่อไทย
มีโอกาสเข้าสภามากกว่าพรรคการเมืองอื่น
จึงเป็นที่มาของคำ "กินรวบ"
ความจริงแล้ว เหตุผลการ "กินรวบ" นั้นฟังได้อยู่ เพราะประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา
ฝ่ายการเมืองที่มีอำนาจมากและยืนอยู่ในอำนาจยาวนานถึงขั้น "กินรวบ" มักน่ากลัว
แต่ "กินรวบ" ที่ว่านี้หมายถึงกลุ่มการเมืองกินรวบ โดยไม่ฟังเสียงของ
ประชาชน หรืออาจจะเรียกว่า "บ้าอำนาจ"
และการ "กินรวบ" หากเกิดขึ้น กลุ่มที่ต้องกลัวและออกอาการน่าจะเป็นประชาชน
ส่วนนักการเมืองและพรรคการเมืองจะเป็นตัวแทนจากประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหว
เป็นความเคลื่อนไหวภายใต้การสนับสนุนของประชาชน?.มันน่าจะเป็นอย่างนั้น
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ กลายเป็นว่า นักการเมืองและพรรคการเมืองเป็น
ผู้รู้สึกกลัวการ "กินรวบ" แล้วตบเท้ากันออกมาปลุกประชาชนให้กลัวแบบที่ตัวเองกลัวด้วย
แรกๆ ประชาชนก็กลัว แต่พอเวลาผ่านไป ประชาชนเริ่มไม่กลัว แต่ฝ่ายการเมืองยังกลัวอยู่
เข้าใจว่าเหตุที่ประชาชนเริ่มไม่กลัว เพราะในข้อเท็จจริงการกินรวบดังว่ายังไม่เกิดขึ้น
ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกว่าถูกกินรวบ แต่มองเห็นว่า ฝ่ายการเมืองต่างหาก
ที่กำลังกินกันไปกินกันมา จึงทำให้กระแส "กินรวบ" ยังอยู่ในวงจำกัด
ในสถานการณ์เช่นนี้ ประชาชนจึงอยากเห็นรัฐบาลบริหารประเทศให้สำเร็จ ขณะเดียวกัน
ก็อยากเห็นฝ่ายค้านผลักดันรัฐบาลให้ทำงานสำเร็จ
พบทุจริตก็ฟันเป็นเรื่องๆ พบงานล่าช้าก็ทวงถาม แม้แต่สงสัยว่าทำไมพื้นที่ของตัวเอง
จึงไม่ได้รับการพัฒนาเหมือนพื้นที่รัฐบาลก็ต้องถาม ขณะที่รัฐบาลก็มีหน้าที่ทำตามสัญญา
และต้องตอบคำถามของฝ่ายค้าน
คำถามของฝ่ายค้านนี้สำคัญนะครับ เพราะทุกคำถามประชาชนเขาฟัง
ถ้าเป็นคำถามที่มาจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริง คำถามนั้นจะมีน้ำหนัก
และสามารถแปรเปลี่ยน "เสียงข้างน้อย" ให้กลายเป็น "เสียงส่วนใหญ่"
ได้ในที่สุด
"เสียงข้างน้อย" คือพรรคฝ่ายค้านในสภา ขณะที่ "เสียงส่วนใหญ่" คือ
ประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง
"เสียงส่วนใหญ่" นี้ มักถูกมองว่าถูกซื้อ ถูกควบคุมได้ แต่ "เสียงส่วนใหญ่"
ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่
"เสียงส่วนใหญ่" จะตัดสินใจตามความพึงพอใจ
แม้วันนี้ "เสียงส่วนใหญ่" จะพอใจกับพรรคเพื่อไทย แต่หากวันใดข้อเท็จจริง
ปรากฏว่า พรรคเพื่อไทยทำร้ายประชาชนจริง
ไม่ว่าจะ "กินรวบ" ในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการ
นโยบายที่รัฐบาลประกาศไว้ แต่ทำไม่สำเร็จ หรือจะเป็นการทุจริตคอร์รัปชั่น
และความจริงนั้นสอดรับกับประสบการณ์ตรงของข้าราชการ สอดรับกับ
ประสบการณ์ตรงของนักธุรกิจ หรือสอดรับกับประสบการณ์ตรงของประชาชน
เมื่อนั้นแหละครับที่คำถามของฝ่ายค้าน หรือคำอภิปรายของฝ่ายค้านจะมีน้ำหนัก
"เสียงข้างน้อย" ก็จะดังขึ้น โดยมี "เสียงส่วนใหญ่" สนับสนุน
และวันนั้นก็จะเป็นวันของ "เสียงข้างน้อย" อย่างเต็มภาคภูมิ
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1380618669&grpid=&catid=02&subcatid=0207
เป็นบทความที่ตรงใจที่ที่สุด และขอ เชียร์เสียงข้างน้อยค่ะ ....
บทความนี้ กองเชียร์ปชป.น่าจะเป็นคนเอมาให้พวกเราอ่านนะ มากกว่าจะไปเอา
อะไร "สั่ว ... สั่ว" แบบ "แนวหน้า" มาล้างสมอง
แหม คิดว่า คุณ "โพ้นฟ้า" ขวัญใจ คนเสื้อแดง คงชอบนะคะ
ถือว่าเอามาฝาก อ้อ ลืมคุณ "ข้างบูรพา" ไปได้ไง ชอบมะ ..ชอบมะ
เราจะรอวันที่เรา จะร่วมใจเชียร์ "เสียงข้างน้อย" กันค่ะ
กระทู้สุดท้ายแล้ว .....
วันของเสียงข้างน้อย โดย นฤตย์ เสกธีระ ...... คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 ... มติชนออนไลน์
maxlui2810@gmail.com
การเมืองที่ว่ากันว่าจะแรงขึ้นเรื่อยๆ นั้น ยังไม่จบ
ขณะนี้ประเด็นฮอตทางการเมืองเริ่มผ่องถ่ายจากสภาไปยังองค์กรอิสระ ผลการพิจารณาของ
องค์กรอิสระหลายองค์กรจะชี้ความเป็นไปทางการเมือง
จะออกหัวหรือออกก้อยต้องลุ้นกันอีกหลายยก
การต่อสู้ทางการเมืองที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานนี้ เหตุหนึ่งเป็นเพราะขั้วการเมืองหนึ่งได้เสียง
จากประชาชนจำนวนมาก แต่อีกขั้วการเมืองหนึ่งไม่ยอมรับขั้วการเมืองที่ได้รับการสนับสนุน
ขั้วการเมืองที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนมาก คือพรรคเพื่อไทย
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนน้อยกว่า
ไม่ยอมรับการบริหารงานของพรรคเพื่อไทย
โดยมีเหตุผลนานัปการยกมาอ้าง
เหตุหนึ่งที่หยิบขึ้นมาชู คือการ "กินรวบประเทศ" ซึ่งมีสมาชิกรัฐสภาที่ต่อต้านร่างแก้ไข
รัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนที่มาของสมาชิกวุฒิสภา จากสัดส่วนและเลือกตั้งอย่างละครึ่งมาเป็น
เลือกตั้งอย่างเดียว นำมาเป็นเหตุผลประกอบการคัดค้าน
การ "กินรวบ" ที่ฝ่ายคัดค้านหยิบยกขึ้นมา อธิบายว่าหากปล่อยให้มีการเลือกตั้ง
สมาชิกวุฒิสภา ประเทศจะถูก "กินรวบ" เพราะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ
สมาชิกวุฒิสภาก็จะเหมือนกัน
เมื่อขั้วการเมืองฝั่งเพื่อไทยได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาก
ก็มีโอกาสจะได้สมาชิกวุฒิสภามากเช่นกัน
เท่ากับว่า สมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับการสนับสนุนจากฐานเสียงพรรคเพื่อไทย
มีโอกาสเข้าสภามากกว่าพรรคการเมืองอื่น
จึงเป็นที่มาของคำ "กินรวบ"
ความจริงแล้ว เหตุผลการ "กินรวบ" นั้นฟังได้อยู่ เพราะประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา
ฝ่ายการเมืองที่มีอำนาจมากและยืนอยู่ในอำนาจยาวนานถึงขั้น "กินรวบ" มักน่ากลัว
แต่ "กินรวบ" ที่ว่านี้หมายถึงกลุ่มการเมืองกินรวบ โดยไม่ฟังเสียงของ
ประชาชน หรืออาจจะเรียกว่า "บ้าอำนาจ"
และการ "กินรวบ" หากเกิดขึ้น กลุ่มที่ต้องกลัวและออกอาการน่าจะเป็นประชาชน
ส่วนนักการเมืองและพรรคการเมืองจะเป็นตัวแทนจากประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหว
เป็นความเคลื่อนไหวภายใต้การสนับสนุนของประชาชน?.มันน่าจะเป็นอย่างนั้น
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ กลายเป็นว่า นักการเมืองและพรรคการเมืองเป็น
ผู้รู้สึกกลัวการ "กินรวบ" แล้วตบเท้ากันออกมาปลุกประชาชนให้กลัวแบบที่ตัวเองกลัวด้วย
แรกๆ ประชาชนก็กลัว แต่พอเวลาผ่านไป ประชาชนเริ่มไม่กลัว แต่ฝ่ายการเมืองยังกลัวอยู่
เข้าใจว่าเหตุที่ประชาชนเริ่มไม่กลัว เพราะในข้อเท็จจริงการกินรวบดังว่ายังไม่เกิดขึ้น
ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกว่าถูกกินรวบ แต่มองเห็นว่า ฝ่ายการเมืองต่างหาก
ที่กำลังกินกันไปกินกันมา จึงทำให้กระแส "กินรวบ" ยังอยู่ในวงจำกัด
ในสถานการณ์เช่นนี้ ประชาชนจึงอยากเห็นรัฐบาลบริหารประเทศให้สำเร็จ ขณะเดียวกัน
ก็อยากเห็นฝ่ายค้านผลักดันรัฐบาลให้ทำงานสำเร็จ
พบทุจริตก็ฟันเป็นเรื่องๆ พบงานล่าช้าก็ทวงถาม แม้แต่สงสัยว่าทำไมพื้นที่ของตัวเอง
จึงไม่ได้รับการพัฒนาเหมือนพื้นที่รัฐบาลก็ต้องถาม ขณะที่รัฐบาลก็มีหน้าที่ทำตามสัญญา
และต้องตอบคำถามของฝ่ายค้าน
คำถามของฝ่ายค้านนี้สำคัญนะครับ เพราะทุกคำถามประชาชนเขาฟัง
ถ้าเป็นคำถามที่มาจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริง คำถามนั้นจะมีน้ำหนัก
และสามารถแปรเปลี่ยน "เสียงข้างน้อย" ให้กลายเป็น "เสียงส่วนใหญ่"
ได้ในที่สุด
"เสียงข้างน้อย" คือพรรคฝ่ายค้านในสภา ขณะที่ "เสียงส่วนใหญ่" คือ
ประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง
"เสียงส่วนใหญ่" นี้ มักถูกมองว่าถูกซื้อ ถูกควบคุมได้ แต่ "เสียงส่วนใหญ่"
ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่
"เสียงส่วนใหญ่" จะตัดสินใจตามความพึงพอใจ
แม้วันนี้ "เสียงส่วนใหญ่" จะพอใจกับพรรคเพื่อไทย แต่หากวันใดข้อเท็จจริง
ปรากฏว่า พรรคเพื่อไทยทำร้ายประชาชนจริง
ไม่ว่าจะ "กินรวบ" ในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการ
นโยบายที่รัฐบาลประกาศไว้ แต่ทำไม่สำเร็จ หรือจะเป็นการทุจริตคอร์รัปชั่น
และความจริงนั้นสอดรับกับประสบการณ์ตรงของข้าราชการ สอดรับกับ
ประสบการณ์ตรงของนักธุรกิจ หรือสอดรับกับประสบการณ์ตรงของประชาชน
เมื่อนั้นแหละครับที่คำถามของฝ่ายค้าน หรือคำอภิปรายของฝ่ายค้านจะมีน้ำหนัก
"เสียงข้างน้อย" ก็จะดังขึ้น โดยมี "เสียงส่วนใหญ่" สนับสนุน
และวันนั้นก็จะเป็นวันของ "เสียงข้างน้อย" อย่างเต็มภาคภูมิ
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1380618669&grpid=&catid=02&subcatid=0207
เป็นบทความที่ตรงใจที่ที่สุด และขอ เชียร์เสียงข้างน้อยค่ะ ....
บทความนี้ กองเชียร์ปชป.น่าจะเป็นคนเอมาให้พวกเราอ่านนะ มากกว่าจะไปเอา
อะไร "สั่ว ... สั่ว" แบบ "แนวหน้า" มาล้างสมอง
แหม คิดว่า คุณ "โพ้นฟ้า" ขวัญใจ คนเสื้อแดง คงชอบนะคะ
ถือว่าเอามาฝาก อ้อ ลืมคุณ "ข้างบูรพา" ไปได้ไง ชอบมะ ..ชอบมะ
เราจะรอวันที่เรา จะร่วมใจเชียร์ "เสียงข้างน้อย" กันค่ะ
กระทู้สุดท้ายแล้ว .....