ประชาชน กับการเมือง : ความแตกต่างของสองโลก

กระทู้สนทนา
ไม่รู้ว่าผมโชคดี หรือผมโชคร้ายกันแน่
ที่ต้องระเห็จไปทำงานในต่างแดน ประมาณครึ่งหนึงของเวลาในชีวิตคนทำงาน
ข้อดีก็คงมี...การได้มีประสบการณ์ เห็นโน่น เห็นนี่ รู้จัก คนนู้น คนนี้ ที่นั่น ที่นี่
ข้อเสียคือ อดกินของอร่อยๆของเมืองไทย การขาดอาหารรสเผ็ด ผลไม้รสจัด
และการไม่ค่อยรู้เรื่องราว ความเคลื่อนไหวในบ้านเมืองของตัวเอง
เป็นคนโง่... ไม่ประสาอะไร กับเรื่องราวในบ้านเมือง
อะไรควรรู้...ไม่รู้แม่มซะงั้น 5 5 5 5

ผมจึง "เสพย์" การเมืองแบบ เบาบางมาก
และมีมุมมองทางการเมืองที่ผมว่า คงไม่เหมือนใครซักคนในห้องนี้ 5 5 5 5

ฉะนั้น เมื่อผมยอมรับขนาดนี้  ก็กรุณาอย่าได้เข้าใจผิด
คิดว่า มันอวดฉลาดอะไร 5 5 5 5
เพราะผม มันไม่มีฉลาดอะไรให้อวด

เพียงขอนำเอาสิ่งที่รู้ สิ่งที่เห็นในต่างแดน (ส่วนใหญ่จะเป็นยุโรป และ สแกนดิเนเวีย)
จากอะไรที่พอมี พอรู้ มาฝากให้ลองคิดกันเล่นๆ

ผมว่าโลกที่เจริญแล้ว มันเต็มไปด้วยการ "แยกแยะ"
"แยกแยะ" จริงๆครับ
ไม่เอาเรื่องนั้น มาโปะกับเรื่องนี้ เพื่อให้ภาพที่ออกมา กลายเป็นอย่างนั้น อย่างนี้

ไม่มี "นายฮ้อย" ไม่มีแกนนำ ทางความคิดอะไรใดๆ มาจูงประชาชนให้คิดอะไร
ไม่มีแป๊ะลิ้ม ไม่มีสามเกลอที่ไหน...ไม่มีหัวคะแนนแจกเงินค่าร่วมม๊อบ...
ไม่มีใครคอยสร้างวาทะกรรมอะไรให้บ้านเมืองแตกแยก
คนยุโรป เข้าใจความเลวร้ายของสงครามและ การแตกแยก การขาดความสามัคคีของคนในชาติ
และมีสำนึกสาธารณะ ที่จะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย และมีวินัย
มีสำนึกในความเป็นชาติ มีความรับผิดชอบร่วมกันในการแชร์ทรัพยากร ในสังคม

ที่ว่า แยกแยะเนี่ย...
แยกแยะ แบบ เลือกพรรคการเมืองนี้ กาเบอร์พรรคนี้ แต่ไม่เชียร์พรรคนี้
มีงี้ด้วย ! แปลกไหมครับ
ถูกใจนโยบาย....เลือก...แต่ไม่เชียร์ (อันนี้ผมว่าเขาคงยุ่งมากจนไม่มีเวลาเชียร์ อิ อิ)
พอเขาเลือกใครเข้าไปได้เป็นรัฐบาล เขาจับตาตรวจสอบคนที่เขาเลือกเข้าไปอย่างเข้มข้น ดุดัน
เอาจริง เอาจัง
และไม่เอาตัวเข้าไปปกป้องการ ตำหนิ จากผู้ตำหนิ
ไม่เป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็กให้นักการเมือง
ไม่เจ็บ ไม่ร้อนแทนนักการเมืองคนไหน
และยอมรับความเห็นต่างอย่างไม่มีข้อแม้
และไม่ต้องออกมาด่าคนที่เห็นต่าง

นี่ไงครับ... ประชาธิปไตยที่สวยงาม
ต่าง...ก็แค่ต่าง
ไม่ต้องมานั่งสนใจ ประหลาดใจ ว่าทำไมไอ้คนพวกนั้น มันคิดไม่ได้แบบพวกกรูวะ
โดนหลอกมากี่ครั้งแล้ว ยังศรัทธาไอ้พรรคเวรนี่อยู่ได้ ฯลฯ
เห็นกันชัดๆขนาดนี้แล้ว ยังมีคนเชียร์มันอีกหรือ...
เค้าไม่สงสัย...
เค้าไม่สน...

เพราะเขาไม่ "เชียร์" ไงครับ

และเพราะมันเป็น "สิทธิ"
"สิทธิ" ที่จะมีความคิดเห็นทางการเมืองหรืออะไรก็ได้ อันเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐาน !
"สิทธิ" ที่จะต่าง !
คนเรา หากไม่รู้จัก "สิทธิ" แล้ว เรื่องประชาธิปไตย ไม่ต้องคุย !

คนยุโรปจึงไม่ทะเลาะกัน ด่ากัน ตีกัน ก็อีแค่ "ความต่าง"
เขาเสพย์การเมืองแบบ"ผู้ดู" จริงๆ ไม่ใช่กองเชียร์
และนักการเมืองล้วนเป็น "ทาส" ประชาชน
เป็น "ทาส" ของบ้านเมือง อย่างแท้จริง

เฮ้อ...ไม่อยากจะนึกเลยครับ ว่า วิถี วิธีคิดของพวกเขา ล้ำหน้าพวกเราไปไกลขนาดไหน
และคิดแบบ รับผิดชอบต่อสังคมขนาดไหน
และไม่อยากจะคิดสงสาร ว่า จะต้องใช้เวลาอีกกี่ร้อยปีหนอ
ที่เราจะตามทัน และเลิกด่ากัน ตีกัน เอาอีแค่ "ความต่าง"

"ความต่าง" ที่เป็นสิทธิพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย

ประชาธิปไตยของพวกเขาจึงไม่หยุดลงที่ ผลการเลือกตั้ง
เพราะมันเป็นเพียง ผล ของการใช้ "สิทธิ" เท่านั้น ในสายตาของเขา
เพราะความเข้าใจของเขา มันลึก ลงไปถึงเรื่องของสิทธิ
สิทธิ ทางความคิด
สิทธิอีกสารพักสิทธิ ที่ผู้คนในสังคมต่างตองเคารพสิทธิของกันและกัน

เมื่อนักการเมือง เป็นแค่ "ทาส" เป็นแค่ คนใช้ของประชาชน
เขาจึงไม่ต้องมานั่ง "เชียร์" นักการเมืองให้มันเสียฟอร์มเล่นๆ
เขาจึงมีชีวิตที่อิสระ...
ไม่เอานักการเมืองมานั่งไว้บนหัวให้มันหนักเปล่าๆ
ต้องมาโพรเท็คท์มัน มานั่งแก้ตัวแทนมัน...วู้ !
อยากจะเชียร์อะไร...โน่น ไปเชียร์บอลโน่น
เชียร์บ้าคลั่งอย่างไร บ้านเมืองก็ไม่เสียหาย

แต่เห็นไหมครับ 10 ปีมานี้ คนไทยเชียร์นักการเมือง แล้วบ้านเมืองเป็นอย่างไร...
น่ากลัวชิปเป๋ง...

เอามาฝากกันก่อนจะไม่อยู่อีก 2 อาทิตย์ครับ
เที่ยวนี้ ไปเยอรมัน...


Auf Wiedersehen ครับ (สะกดถูกป่าววะเนี่ย 5 5 5 5)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่