นักกีฬาไทยดังด้วยตัวเอง รอ ‘การเมือง’ ต้องรอชาติหน้า ‘วอลเลย์บอลหญิง-น้องเมย์’ ตัวอย่างชัด
ในบรรยากาศของประเทศที่การเมืองทั้งในสภา นอกสภา และข้างถนน ทำให้ผู้คนประเทศนี้เบื่อหน่าย เอือมระอา สุดเซ็ง สารพัดวิตกจริตว่าประเทศชาติจะหาทางออกจากปลักแห่งความขัดแย้งได้อย่างไร
จะปรองดองกันได้ในรุ่นนี้ หรือว่าต้องรอให้คนรุ่นนี้ตายกันให้หมดเสียก่อนจริงๆ ถึงจะปรองดองได้
ผู้คนจะต้องนอนหายใจไม่ทั่วท้องไปอีกนานแค่ไหน ว่าจะเกิดสงครามระหว่างสีหรือไม่ กองทัพจะถูกยุจนออกมาปฏิวัติรัฐประหารทำให้ประเทศชาติถอยหลังไม่มีที่ยืนในโลก แถมต้องเลือดนองอีกหรือไม่

นี่คือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีอยู่จริง และทำให้คนไทยมีสภาพราวกับตกนรกทั้งเป็นมานานถึง 7 ปีแล้ว ณ วันนี้ เพราะยังหาทางออกไม่เจอ ไม่แสวงสว่างที่ปลายอุโมงค์ปลายรูอะไรแพลมมาให้เห็นบ้าง เนื่องจากรัฐบาลก็พยายามที่จะก้มหน้าก้มตาทำงาน หวังจะเอาผลงานมาช่วยผลักดันประเทศ ก็ดันมีคนรอบข้างรัฐบาล พวกกระสือนักหลบ ที่ตอนเขารบกันไม่เคยคิดจะเป็นนักรบอะไรบ้างเลยสักนิด
มีแต่หลบและรอจังหวะ พอรัฐบาลชนะก็ฉวยโอกาสจ้องกอบโกย กลายเป็นบาปบริสุทธิ์ กลายเป็นภาพติดลบของรัฐบาลไปอย่างน่าเสียดาย
จะหวังพึ่งฝ่ายค้าน ก็ตะบี้ตะบันเล่นเกมการเมือง สนองความกระสันอยากกลับมาเป็นรัฐบาล ขนาดโพลออกมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่า ค้านทุกเรื่องหยุมหยิมเกินไป ถ้าไม่ปรับตัวก็มีแต่แพ้ตลอดเหมือนกับที่แพ้มาแล้ว 21 ปี
แต่จนวันนี้ฝ่ายค้านยังหูอื้อตาลายกับไฟแค้นสุมอก บ้าน้ำลายไปวันๆ ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นความหวังให้ประชาชนได้เลย
ในภาวะอกตรมขมไหม้ของคนไทยจากพิษไข้การเมือง ก็มีแวดวงกีฬานี่แหละที่สร้างความชุ่มชื่นใจให้กับสังคมไทยได้ช่วยบรรเทาอาการเซ็งเป็ดการเมืองเยอะเลย ล่าสุดก็คือทีมวอลเลย์บอลหญิงของไทย ที่ความแชมป์เอเชีย เอาชนะทีมที่มีอันดับเหนือชั้นทีมไทยอย่างทีมญี่ปุ่นไปได้อย่างขาดลอย 3 เซตรวด
ซึ่งต้องทั้งชมเชย ต้องทั้งร่วมแสดงความยินดี และยกย่องว่าทำผลงานเพื่อประเทศชาติได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการสร้างความปรองดอง
เพราะในสนามที่โคราชวันนั้น คนไทยที่เข้าไปร่วมเชียร์ไม่ได้มีสีเสื้อใดๆ มีแต่แรงใจไปให้ทีมนักตบสาวของไทยทั้งสิ้น จะเคยเป็นเหลืองหรือเป็นแดงมาก่อน ไม่มีใครสนใจ แต่สามารถจับมือกันร่วมเชียร์ได้อย่างสนิทใจโดยมีกีฬาเป็นตัวเชื่อม
รวมถึงคนทั่วประเทศที่ดูถ่ายทอดสดอยู่หน้าจอทีวี ทุกคนต่างร่วมดีใจในสิ่งเดียวกัน ที่ร้านอาหารที่คนไปนั่งทานอาหารพร้อมดูถ่ายทอดไปด้วย พอสาวไทยชนะ ก็หันไปจับมือกับโต๊ะข้างๆร่วมกันยินดีในสิ่งเดียวกัน ซึ่งใครจะรู้ว่าบรรยากาศของกีฬาจะทำให้คนเสื้อเหลืองกับคนเสื้อแดงจับมือกันไปโดยไม่รู้ตัวมากมายเท่าไรในเย็นวันนั้น
หรืออย่างก่อนหน้า ก็ได้กีฬาแบดมินตันหญิงสร้างความแช่มชื่นอีกเหมือนกัน ในการที่ น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ สาวน้อยมหัศจรรย์ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแบดมินตันหญิงไทยคนแรก และอายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปี แต่สร้างความแช่มชื่นให้กับคนไทยได้ทั้งประเทศ
ผิดกับคนรุ่นใกล้ 50-60-70 ปี ในแวดวงนักการเมือง ที่ดันสร้างแต่ความขมขื่นใจให้คนทั้งประเทศ
จุดที่น่าสังเกตุก็คือ หรือยุคนี้จะเป็นยุคที่ผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้นจริงๆ เพราะทีมวอลเลย์บอลก็เป็นทีมหญิง แบดมินตันน้องเมย์ก็เป็นผู้หญิง อีกเช่นกันที่สร้างผลงานสร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศ และกลายเป็นสร้างบรรยากาศความปรองดองให้เกิดขึ้น
จริงๆทั้งทีมนักตบลูกยางหญิง และนักหวดลูกขนไก่หญิง น่าจะมีการจัดทำเหรียญยกย่องสดุดีเป็นเกียรติประวัติพิเศษให้เลยด้วยซ้ำ
เพราะตอนนี้นักกีฬาชายเงียบหายหมด ที่พอจะทำได้ดี ก็ดันควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ไปแข่งในนามประเทศไทยให้ไปหวดลูกขนไก่เพื่อหอบชัยชนะกลับบ้าน ดันกลับไปไล่จวกกันเองกลายเป็นข่าวฉาวเสียนี่
ซึ่งจะโทษว่าเด็กอย่างเดียวก็ไม่ยุติธรรมนัก เพราะดันมีตัวอย่างที่แย่ๆในสภาในแวดวงนักการเมืองให้เห็นไล่จวก ไล่กระซวก กรีดร้อง กระชากเก้าอี้ ปาแฟ้ม ทุ่มเก้าอี้โครมๆ โดยไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ซึ่งผู้ใหญ่ยังควบคุมอารมณ์ไม่ได้ สร้างภาพฉาวให้เด็กเห็นกันทั่วประเทศ ฉะนั้นเด็กคุมอารมณ์ไม่อยู่จะโทษใครได้
ด้วยเหตุนี้เองนักเมืองทั้งหลายควรสำนึกได้แล้ว และหันมามองตัวอย่างดีๆจากเด็กผู้หญิงในแวดวงกีฬากันเสียบ้าง ว่าขนาดเด็กผู้หญิงตัวเล็กกลุ่มหนึ่งยังสร้างความสุขสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ
ก็ไม่รู้ว่า บางกอก ทูเดย์ จะกระตุ้นจิตสำนึกของนักการเมืองได้หรือไม่ หรือได้มากน้อยเพียงใด เพราะอย่าว่าแต่จิตสำนึกเลย แม้แต่เรื่องในหน้าที่ก็ยังทำกันไม่สมบูรณ์แบบ อย่างเช่นวันนี้ตั้งแต่ก่อนแข่ง นักตบสาวไทยเจอคำวิจารร์ปั่นทอนกำลังใจว่า เริ่มแตะวัย 30 ปีกันแล้ว จะไหวหรือ จะสู้ทีมญี่ปุ่น ทีมจีน ทีมเกาหลีที่นักกีฬาล้วนแล้วแต่วันใกล้ 20 หรือ 20 ต้นๆเท่านั้น
ทีมนักตบสาวไทยพอชนะ ก็ดีใจว่าสร้างมารถลบล้างคำสบประมาทได้ด้วยความสามารถและประสบการณ์ ซึ่งนั่นถูกต้องสำหรับนักกีฬา แต่ไม่ควรจะเป็นวิธีคิดของกระทรวงกีฬาฯ ไม่ควรเป็นวิธีคิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกีฬาฯ
ถามว่าวันนี้กระทรวงกีฬาของไทยได้สนับสนุนสร้างคนรุ่นใหม่ๆมาเตรียมสานต่อเอาไว้บ้างหรือไม่? คำตอบคือยังไม่มีอย่างที่ควรจะเป็น ยังฝากความหวังไว้กับประสบการณ์ของ วรรณา บัวแก้ว 32 ปี ปลื้มจิตร์ ถินขาว 30 ปี วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ 29 ปี นุศรา ต้อมคำ 28 ปี อรอุมา สิทธิรักษ์ 27 ปี ปิยะนุช แป้นน้อย 24 ปี จะเห็นก็มี ทัดดาว นึกแจ้ง 19 ปี
และรวมทั้ง อำพร หญ้าผา 28 ปี มลิกา กันทอง 26 ปี ฐาปไพพรรณ ไชยศรี 24 ปี สนธยา แก้วบัณฑิต 22 ปี พรพรรณ เกิดปราชญ์ 20 ปี และ อัจฉราพร คงยศ 18 ปี
เรียกว่า 13 คนในทีมชาติชุดนี้มีวัย 20 ปีลงมาเพียงแค่ 3 คนเท่านั้นเอง คือ พรพรรณ ทัดดาว และอัจฉราพร
ถามจริงๆว่ากระทรวงกีฬา รวมทั้งรัฐมนตรี ได้กระตือรือล้นที่จะทำอะไรบ้าง... ???
วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ เป็นหัวหน้าทีม เกิด 6 มิถุนายน พ.ศ. 2527 เล่นตำแหน่งหัวเสา เป็นคนนครราชสีมา จบการศึกษาระดับชั้นมัธยม จากโรงเรียนสุรนารีวิทยา ปริญญาตรี-โท สาขาบริหารธุรกิจบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิลาวัณย์ เริ่มเล่นวอลเลย์บอลตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนสุรนารี
วรรณา บัวแก้ว เกิด 2 มกราคม พ.ศ. 2524 ตำแหน่งตัวรับอิสระ และตัวเชต เป็นนักกีฬาที่มีความมุ่งมั่นสูง แม้อายุเริ่มมากขึ้นก็ยังรักษามาตรฐานของตัวเองจนสามารถรับใช้ทีมชาตินับสิบปี ถือเป็นนักกีฬาสายเลือดเก่าในยุคของแอนนา ไภยจินดา พัชรี แสงเมือง ที่ยังร่วมเล่นกับชุดปัจจุบันได้อย่างลงตัว
ปลื้มจิตร์ ถินขาว เกิด 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2526 ตำแหน่ง บอลกลาง เป็นชาวจังหวัดอ่างทอง จบการศึกษามัธยมต้นจากโรงเรียนอ่างทองปัทมโรจน์วิทยาคม มัธยมปลายจากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ปริญญาตรี-โท จากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต เริ่มเล่นวอลเลย์บอลตั้งแต่อายุ 14 ปี
นุศรา ต้อมคำ เกิด 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 ตำแหน่ง ตัวเซต ถือเป็นตัวเซตที่สร้างประวัติศาสตร์ให้แก่ทีมชาติไทยอีกคนหนึ่งนอกเหนือจากปริม อินทวงษ์ ซึ่งเป็นตัวเซตที่สร้างประวัติศาสตร์คนแรกของประเทศ เป็นคนราชบุรี ศึกษาปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต เริ่มเล่นวอลเลย์บอลตั้งแต่อายุ 10 ปี
อรอุมา สิทธิรักษ์ เกิด 13 มิถุนายน พ.ศ. 2529 ตำแหน่งตัวตบหัวเสา เป็นคนสุราษฎร์ธานี กำลังศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต จุดเด่นคือพลังการตบและการกระโดดเสิร์ฟที่หนักหน่วง สามารถตบได้ทั้งจากแดนหน้าและแดนหลัง แม้จะสูงเพียง 175 ซม. น้ำหนัก 72 กก. นับเป็นผู้เล่นที่ตัวใหญ่แต่มีความคล่องตัวสูง
อำพร หญ้าผา เกิด 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2528 ตำแหน่ง ตัวบล็อกกลาง เป็นคนนครสวรรค์ จบมัธยมปลายจากโรงเรียนสตรีนนทบุรี จบระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต อำพรติดทีมชาติชุดใหญ่ตั้งแต่ปี 1997 ตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เท่านั้น โดยในระยะแรกๆเล่นในตำแหน่งหัวเสา
มลิกา กันทอง เกิด 8 มกราคม พ.ศ. 2530 ตำแหน่ง บอลโค้ง (universal) เป็นคนอ่างทอง เป็นหนึ่งในนักวอลเลย์บอลทีมชาติไทยที่ได้เล่นวอลเลย์บอลอาชีพในต่างประเทศ ปัจจุบันเล่นให้แก่ทีมอิกติซาดชิ บากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน
ปิยะนุช แป้นน้อย เกิด 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทมี่ได้รับเลือกเข้าร่วมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย 7 สมัย โดยได้รับเลือกเข้าเล่นในตำแหน่งตัวรับอิสระที่มีความโดดเด่นมาก จบชั้นมัธยมจากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และจบอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต
ฐาปไพพรรณ ไชยศรี เกิด 29 พฤศจิกายน 2532 ที่ขอนแก่น แจ้งเกิดในศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2012 ซึ่งไทยเฉือนชนะทีมชาติคิวบา 3-2 เซต และในศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ดวลกับจีน เธอถูกส่งลงไปเล่นแทน กัปตันกิ๊ฟ วิลาวัณย์ เป็นผู้ที่สร้างความปั่นป่วนและกดดันผู้เล่นจีนทั้งตบและบล็อก แม้จะมีส่วนสูงที่เตี้ยที่สุด แต่กลับกระโดดได้สูงถึง 295 เซนติเมตร ใกล้เคียงกับ วิลาวัณย์ และ ปลื้มจิตร์
สนธยา แก้วบัณฑิต ตำแหน่งตัวตบหัวเสา เกิด 2 กันยายน พ.ศ. 2534 เป็นเด็กที่จบมาจาก โรงเรียนหนองเรือวิทยา ขอนแก่น ในการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย สนธยาได้รับเลือกให้ลงเล่นในเซตที่ 3 ซึ่งเธอได้มีส่วนช่วยให้ทีมชาติไทยเป็นฝ่ายชนะทีมชาติออสเตรเลีย 3-0 เซต
พรพรรณ เกิดปราชญ์ เกิด 5 พฤษภาคม 2536 เป็นคนนครพนม แต่เรียนในโรงเรียนกีฬาที่อ่างทอง เมื่อไม่กี่ปีก่อนได้ถูกดึงตัวมาเล่นให้กับทีมชาติไทยชุดใหญ่ จากนั้นในอีกหลาย ๆ ศึกเกมการแข่งขัน ก็จะติดโผรายชื่อ 12 ผู้เล่นหลักแทบจะทุกรายการ โดยเฉพาะในศึกใหญ่อย่างวอลเลย์บอลเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2013
ทัดดาว นึกแจ้ง เกิด 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537 ที่ร้อยเอ็ด เริ่มเล่นวอลเลย์บอลตั้งแต่ 11 ขวบตอนนั้นเล่นแบบไม่จริงจังตามปะสาเด็ก จึงได้เข้ามาศึกษาที่ โรงเรียนหนองเรือวิทยา จ.ขอนแก่น จึงเริ่มถูกฝึกจริงจังแบบนักกีฬาอาชีพ และด้วยความที่เป็นคนตัวสูง ปัจจุบันสูง 183 เซนติเมตร กับมีผลงานในชุดเยาวชน ทำให้ได้เล่นทีมชาติชุดใหญ่ ถูกจับตามองว่าน่าจะเป็นกำลังหลักในอนาคต รวมถึงเป็นตัวตายตัวแทนของรุ่นพี่ ได้เลยทีเดียว
อัจฉราพร คงยศ เกิด 18 มิถุนายน พ.ศ. 2538 ที่นครศรีธรรมราช กำลังศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ด้วยการเล่นที่ค่อนข้างโดดเด่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องสปีดบอล น้ำหนัก และจังหวะ ทำให้เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลชุดเยาวชนหญิงทีมชาติไทย และติดทีมชาติไทยชุดปัจจุบัน
ขอบคุณ
http://www.bangkok-today.com/
อ่านบทความนี้แล้วคิดว่าไง_นักกีฬาไทยดังด้วยตัวเอง รอ "การเมือง" ต้องรอชาติหน้า... !!!!
นักกีฬาไทยดังด้วยตัวเอง รอ ‘การเมือง’ ต้องรอชาติหน้า ‘วอลเลย์บอลหญิง-น้องเมย์’ ตัวอย่างชัด
ในบรรยากาศของประเทศที่การเมืองทั้งในสภา นอกสภา และข้างถนน ทำให้ผู้คนประเทศนี้เบื่อหน่าย เอือมระอา สุดเซ็ง สารพัดวิตกจริตว่าประเทศชาติจะหาทางออกจากปลักแห่งความขัดแย้งได้อย่างไร
จะปรองดองกันได้ในรุ่นนี้ หรือว่าต้องรอให้คนรุ่นนี้ตายกันให้หมดเสียก่อนจริงๆ ถึงจะปรองดองได้
ผู้คนจะต้องนอนหายใจไม่ทั่วท้องไปอีกนานแค่ไหน ว่าจะเกิดสงครามระหว่างสีหรือไม่ กองทัพจะถูกยุจนออกมาปฏิวัติรัฐประหารทำให้ประเทศชาติถอยหลังไม่มีที่ยืนในโลก แถมต้องเลือดนองอีกหรือไม่
นี่คือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีอยู่จริง และทำให้คนไทยมีสภาพราวกับตกนรกทั้งเป็นมานานถึง 7 ปีแล้ว ณ วันนี้ เพราะยังหาทางออกไม่เจอ ไม่แสวงสว่างที่ปลายอุโมงค์ปลายรูอะไรแพลมมาให้เห็นบ้าง เนื่องจากรัฐบาลก็พยายามที่จะก้มหน้าก้มตาทำงาน หวังจะเอาผลงานมาช่วยผลักดันประเทศ ก็ดันมีคนรอบข้างรัฐบาล พวกกระสือนักหลบ ที่ตอนเขารบกันไม่เคยคิดจะเป็นนักรบอะไรบ้างเลยสักนิด
มีแต่หลบและรอจังหวะ พอรัฐบาลชนะก็ฉวยโอกาสจ้องกอบโกย กลายเป็นบาปบริสุทธิ์ กลายเป็นภาพติดลบของรัฐบาลไปอย่างน่าเสียดาย
จะหวังพึ่งฝ่ายค้าน ก็ตะบี้ตะบันเล่นเกมการเมือง สนองความกระสันอยากกลับมาเป็นรัฐบาล ขนาดโพลออกมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่า ค้านทุกเรื่องหยุมหยิมเกินไป ถ้าไม่ปรับตัวก็มีแต่แพ้ตลอดเหมือนกับที่แพ้มาแล้ว 21 ปี
แต่จนวันนี้ฝ่ายค้านยังหูอื้อตาลายกับไฟแค้นสุมอก บ้าน้ำลายไปวันๆ ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นความหวังให้ประชาชนได้เลย
ในภาวะอกตรมขมไหม้ของคนไทยจากพิษไข้การเมือง ก็มีแวดวงกีฬานี่แหละที่สร้างความชุ่มชื่นใจให้กับสังคมไทยได้ช่วยบรรเทาอาการเซ็งเป็ดการเมืองเยอะเลย ล่าสุดก็คือทีมวอลเลย์บอลหญิงของไทย ที่ความแชมป์เอเชีย เอาชนะทีมที่มีอันดับเหนือชั้นทีมไทยอย่างทีมญี่ปุ่นไปได้อย่างขาดลอย 3 เซตรวด
ซึ่งต้องทั้งชมเชย ต้องทั้งร่วมแสดงความยินดี และยกย่องว่าทำผลงานเพื่อประเทศชาติได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการสร้างความปรองดอง
เพราะในสนามที่โคราชวันนั้น คนไทยที่เข้าไปร่วมเชียร์ไม่ได้มีสีเสื้อใดๆ มีแต่แรงใจไปให้ทีมนักตบสาวของไทยทั้งสิ้น จะเคยเป็นเหลืองหรือเป็นแดงมาก่อน ไม่มีใครสนใจ แต่สามารถจับมือกันร่วมเชียร์ได้อย่างสนิทใจโดยมีกีฬาเป็นตัวเชื่อม
รวมถึงคนทั่วประเทศที่ดูถ่ายทอดสดอยู่หน้าจอทีวี ทุกคนต่างร่วมดีใจในสิ่งเดียวกัน ที่ร้านอาหารที่คนไปนั่งทานอาหารพร้อมดูถ่ายทอดไปด้วย พอสาวไทยชนะ ก็หันไปจับมือกับโต๊ะข้างๆร่วมกันยินดีในสิ่งเดียวกัน ซึ่งใครจะรู้ว่าบรรยากาศของกีฬาจะทำให้คนเสื้อเหลืองกับคนเสื้อแดงจับมือกันไปโดยไม่รู้ตัวมากมายเท่าไรในเย็นวันนั้น
หรืออย่างก่อนหน้า ก็ได้กีฬาแบดมินตันหญิงสร้างความแช่มชื่นอีกเหมือนกัน ในการที่ น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ สาวน้อยมหัศจรรย์ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแบดมินตันหญิงไทยคนแรก และอายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปี แต่สร้างความแช่มชื่นให้กับคนไทยได้ทั้งประเทศ
ผิดกับคนรุ่นใกล้ 50-60-70 ปี ในแวดวงนักการเมือง ที่ดันสร้างแต่ความขมขื่นใจให้คนทั้งประเทศ
จุดที่น่าสังเกตุก็คือ หรือยุคนี้จะเป็นยุคที่ผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้นจริงๆ เพราะทีมวอลเลย์บอลก็เป็นทีมหญิง แบดมินตันน้องเมย์ก็เป็นผู้หญิง อีกเช่นกันที่สร้างผลงานสร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศ และกลายเป็นสร้างบรรยากาศความปรองดองให้เกิดขึ้น
จริงๆทั้งทีมนักตบลูกยางหญิง และนักหวดลูกขนไก่หญิง น่าจะมีการจัดทำเหรียญยกย่องสดุดีเป็นเกียรติประวัติพิเศษให้เลยด้วยซ้ำ
เพราะตอนนี้นักกีฬาชายเงียบหายหมด ที่พอจะทำได้ดี ก็ดันควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ไปแข่งในนามประเทศไทยให้ไปหวดลูกขนไก่เพื่อหอบชัยชนะกลับบ้าน ดันกลับไปไล่จวกกันเองกลายเป็นข่าวฉาวเสียนี่
ซึ่งจะโทษว่าเด็กอย่างเดียวก็ไม่ยุติธรรมนัก เพราะดันมีตัวอย่างที่แย่ๆในสภาในแวดวงนักการเมืองให้เห็นไล่จวก ไล่กระซวก กรีดร้อง กระชากเก้าอี้ ปาแฟ้ม ทุ่มเก้าอี้โครมๆ โดยไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ซึ่งผู้ใหญ่ยังควบคุมอารมณ์ไม่ได้ สร้างภาพฉาวให้เด็กเห็นกันทั่วประเทศ ฉะนั้นเด็กคุมอารมณ์ไม่อยู่จะโทษใครได้
ด้วยเหตุนี้เองนักเมืองทั้งหลายควรสำนึกได้แล้ว และหันมามองตัวอย่างดีๆจากเด็กผู้หญิงในแวดวงกีฬากันเสียบ้าง ว่าขนาดเด็กผู้หญิงตัวเล็กกลุ่มหนึ่งยังสร้างความสุขสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ
ก็ไม่รู้ว่า บางกอก ทูเดย์ จะกระตุ้นจิตสำนึกของนักการเมืองได้หรือไม่ หรือได้มากน้อยเพียงใด เพราะอย่าว่าแต่จิตสำนึกเลย แม้แต่เรื่องในหน้าที่ก็ยังทำกันไม่สมบูรณ์แบบ อย่างเช่นวันนี้ตั้งแต่ก่อนแข่ง นักตบสาวไทยเจอคำวิจารร์ปั่นทอนกำลังใจว่า เริ่มแตะวัย 30 ปีกันแล้ว จะไหวหรือ จะสู้ทีมญี่ปุ่น ทีมจีน ทีมเกาหลีที่นักกีฬาล้วนแล้วแต่วันใกล้ 20 หรือ 20 ต้นๆเท่านั้น
ทีมนักตบสาวไทยพอชนะ ก็ดีใจว่าสร้างมารถลบล้างคำสบประมาทได้ด้วยความสามารถและประสบการณ์ ซึ่งนั่นถูกต้องสำหรับนักกีฬา แต่ไม่ควรจะเป็นวิธีคิดของกระทรวงกีฬาฯ ไม่ควรเป็นวิธีคิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกีฬาฯ
ถามว่าวันนี้กระทรวงกีฬาของไทยได้สนับสนุนสร้างคนรุ่นใหม่ๆมาเตรียมสานต่อเอาไว้บ้างหรือไม่? คำตอบคือยังไม่มีอย่างที่ควรจะเป็น ยังฝากความหวังไว้กับประสบการณ์ของ วรรณา บัวแก้ว 32 ปี ปลื้มจิตร์ ถินขาว 30 ปี วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ 29 ปี นุศรา ต้อมคำ 28 ปี อรอุมา สิทธิรักษ์ 27 ปี ปิยะนุช แป้นน้อย 24 ปี จะเห็นก็มี ทัดดาว นึกแจ้ง 19 ปี
และรวมทั้ง อำพร หญ้าผา 28 ปี มลิกา กันทอง 26 ปี ฐาปไพพรรณ ไชยศรี 24 ปี สนธยา แก้วบัณฑิต 22 ปี พรพรรณ เกิดปราชญ์ 20 ปี และ อัจฉราพร คงยศ 18 ปี
เรียกว่า 13 คนในทีมชาติชุดนี้มีวัย 20 ปีลงมาเพียงแค่ 3 คนเท่านั้นเอง คือ พรพรรณ ทัดดาว และอัจฉราพร
ถามจริงๆว่ากระทรวงกีฬา รวมทั้งรัฐมนตรี ได้กระตือรือล้นที่จะทำอะไรบ้าง... ???
วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ เป็นหัวหน้าทีม เกิด 6 มิถุนายน พ.ศ. 2527 เล่นตำแหน่งหัวเสา เป็นคนนครราชสีมา จบการศึกษาระดับชั้นมัธยม จากโรงเรียนสุรนารีวิทยา ปริญญาตรี-โท สาขาบริหารธุรกิจบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิลาวัณย์ เริ่มเล่นวอลเลย์บอลตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนสุรนารี
วรรณา บัวแก้ว เกิด 2 มกราคม พ.ศ. 2524 ตำแหน่งตัวรับอิสระ และตัวเชต เป็นนักกีฬาที่มีความมุ่งมั่นสูง แม้อายุเริ่มมากขึ้นก็ยังรักษามาตรฐานของตัวเองจนสามารถรับใช้ทีมชาตินับสิบปี ถือเป็นนักกีฬาสายเลือดเก่าในยุคของแอนนา ไภยจินดา พัชรี แสงเมือง ที่ยังร่วมเล่นกับชุดปัจจุบันได้อย่างลงตัว
ปลื้มจิตร์ ถินขาว เกิด 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2526 ตำแหน่ง บอลกลาง เป็นชาวจังหวัดอ่างทอง จบการศึกษามัธยมต้นจากโรงเรียนอ่างทองปัทมโรจน์วิทยาคม มัธยมปลายจากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ปริญญาตรี-โท จากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต เริ่มเล่นวอลเลย์บอลตั้งแต่อายุ 14 ปี
นุศรา ต้อมคำ เกิด 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 ตำแหน่ง ตัวเซต ถือเป็นตัวเซตที่สร้างประวัติศาสตร์ให้แก่ทีมชาติไทยอีกคนหนึ่งนอกเหนือจากปริม อินทวงษ์ ซึ่งเป็นตัวเซตที่สร้างประวัติศาสตร์คนแรกของประเทศ เป็นคนราชบุรี ศึกษาปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต เริ่มเล่นวอลเลย์บอลตั้งแต่อายุ 10 ปี
อรอุมา สิทธิรักษ์ เกิด 13 มิถุนายน พ.ศ. 2529 ตำแหน่งตัวตบหัวเสา เป็นคนสุราษฎร์ธานี กำลังศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต จุดเด่นคือพลังการตบและการกระโดดเสิร์ฟที่หนักหน่วง สามารถตบได้ทั้งจากแดนหน้าและแดนหลัง แม้จะสูงเพียง 175 ซม. น้ำหนัก 72 กก. นับเป็นผู้เล่นที่ตัวใหญ่แต่มีความคล่องตัวสูง
อำพร หญ้าผา เกิด 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2528 ตำแหน่ง ตัวบล็อกกลาง เป็นคนนครสวรรค์ จบมัธยมปลายจากโรงเรียนสตรีนนทบุรี จบระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต อำพรติดทีมชาติชุดใหญ่ตั้งแต่ปี 1997 ตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เท่านั้น โดยในระยะแรกๆเล่นในตำแหน่งหัวเสา
มลิกา กันทอง เกิด 8 มกราคม พ.ศ. 2530 ตำแหน่ง บอลโค้ง (universal) เป็นคนอ่างทอง เป็นหนึ่งในนักวอลเลย์บอลทีมชาติไทยที่ได้เล่นวอลเลย์บอลอาชีพในต่างประเทศ ปัจจุบันเล่นให้แก่ทีมอิกติซาดชิ บากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน
ปิยะนุช แป้นน้อย เกิด 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทมี่ได้รับเลือกเข้าร่วมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย 7 สมัย โดยได้รับเลือกเข้าเล่นในตำแหน่งตัวรับอิสระที่มีความโดดเด่นมาก จบชั้นมัธยมจากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และจบอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต
ฐาปไพพรรณ ไชยศรี เกิด 29 พฤศจิกายน 2532 ที่ขอนแก่น แจ้งเกิดในศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2012 ซึ่งไทยเฉือนชนะทีมชาติคิวบา 3-2 เซต และในศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ดวลกับจีน เธอถูกส่งลงไปเล่นแทน กัปตันกิ๊ฟ วิลาวัณย์ เป็นผู้ที่สร้างความปั่นป่วนและกดดันผู้เล่นจีนทั้งตบและบล็อก แม้จะมีส่วนสูงที่เตี้ยที่สุด แต่กลับกระโดดได้สูงถึง 295 เซนติเมตร ใกล้เคียงกับ วิลาวัณย์ และ ปลื้มจิตร์
สนธยา แก้วบัณฑิต ตำแหน่งตัวตบหัวเสา เกิด 2 กันยายน พ.ศ. 2534 เป็นเด็กที่จบมาจาก โรงเรียนหนองเรือวิทยา ขอนแก่น ในการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย สนธยาได้รับเลือกให้ลงเล่นในเซตที่ 3 ซึ่งเธอได้มีส่วนช่วยให้ทีมชาติไทยเป็นฝ่ายชนะทีมชาติออสเตรเลีย 3-0 เซต
พรพรรณ เกิดปราชญ์ เกิด 5 พฤษภาคม 2536 เป็นคนนครพนม แต่เรียนในโรงเรียนกีฬาที่อ่างทอง เมื่อไม่กี่ปีก่อนได้ถูกดึงตัวมาเล่นให้กับทีมชาติไทยชุดใหญ่ จากนั้นในอีกหลาย ๆ ศึกเกมการแข่งขัน ก็จะติดโผรายชื่อ 12 ผู้เล่นหลักแทบจะทุกรายการ โดยเฉพาะในศึกใหญ่อย่างวอลเลย์บอลเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2013
ทัดดาว นึกแจ้ง เกิด 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537 ที่ร้อยเอ็ด เริ่มเล่นวอลเลย์บอลตั้งแต่ 11 ขวบตอนนั้นเล่นแบบไม่จริงจังตามปะสาเด็ก จึงได้เข้ามาศึกษาที่ โรงเรียนหนองเรือวิทยา จ.ขอนแก่น จึงเริ่มถูกฝึกจริงจังแบบนักกีฬาอาชีพ และด้วยความที่เป็นคนตัวสูง ปัจจุบันสูง 183 เซนติเมตร กับมีผลงานในชุดเยาวชน ทำให้ได้เล่นทีมชาติชุดใหญ่ ถูกจับตามองว่าน่าจะเป็นกำลังหลักในอนาคต รวมถึงเป็นตัวตายตัวแทนของรุ่นพี่ ได้เลยทีเดียว
อัจฉราพร คงยศ เกิด 18 มิถุนายน พ.ศ. 2538 ที่นครศรีธรรมราช กำลังศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ด้วยการเล่นที่ค่อนข้างโดดเด่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องสปีดบอล น้ำหนัก และจังหวะ ทำให้เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลชุดเยาวชนหญิงทีมชาติไทย และติดทีมชาติไทยชุดปัจจุบัน
ขอบคุณ http://www.bangkok-today.com/