US BOX OFFICE September 27-29, 2013
(แปล / เรียบเรียงจาก
www.boxofficemojo.com)
คนดูกลุ่มครอบครัว ต่างพากันสนุกสนานไปกับ Cloudy with a Chance of Meatballs 2 ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าหนังจะสร้างสถิติเปิดตัวในเดือนกันยายนได้ก็ตามที ขณะที่ Prisoners ก็ยังแรงดีไม่ตก ทำให้หนังใหม่ Rush, Baggage Claim และ Don Jon แซงขึ้นไปไม่สำเร็จ และไม่มีเรื่องไหนที่ทำรายได้น่าประทับใจเป็นพิเศษ โดยหนังใน 12 อันดับแรก ทำเงินรวมกัน 95.7 ล้านเหรียญ ซึ่งตกลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นการปิดเดือนกันยายนที่น่าพอใจ แม้จะไม่หนังที่สร้างสถิติใหม่ แต่ก็ทำรายได้กว่าปีที่แล้วเล็กน้อยเมื่อเทียบกันทั้งเดือน
ถึงจะเปิดตัวด้วย 4,002 โรง ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของเดือนกันยายน แต่ Cloudy with a Chance of Meatballs 2 ก็ทำรายได้แค่ 34 ล้านเหรียญ หากก็มากกว่าหนังภาคแรก ที่เปิดตัว 30.3 ล้านเหรียญในเดือนกันยายน 2009 แต่ก็ต่ำกว่าหนังแอนิเมชั่นโซนี่ Hotel Transylvania ที่ทำสถิติเปิดตัวสูงสุดของเดือนกันยายนไว้ 42.5 ล้านเหรียญ ในสัปดาห์เดียวกันนี้ของปีกลาย ถึงจะทำสถิติใหม่ไม่ได้ หากก็มากพอจะเป็นหนังเปิดตัวเดือนกันยายนสูงสุดตลอดกาลอันดับ 4 ตามหลัง Hotel Transylvania, Insidious Chapter 2 และ Sweet Home Alabama ซึ่งต้องยอมรับว่าหนังมีองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่ทำให้มาถึงจุดนี้ได้ เริ่มจากชื่อของหนังภาคแรกที่ทำไว้ดี ไม่มีคู่แข่ง และการตลาดก็ทำงานได้ตามเป้า ภาพที่น่าตื่นตาและอารมณ์ขันที่นำมาเป็นจุดขาย ทำให้นึกถึงหนังภาคแรก ขณะเดียวกับบรรดาฟูดิมอลส์ ก็สร้างความแตกต่างจากหนังต้นฉบับ โชคไม่ดีตรงที่ทุกอย่างทำให้หนังทำเงินเพิ่มขึ้นมาไม่มากนัก แล้วถ้าเทียบกับ Hotel Transylvania ด้วยแล้ว ถือว่าน่าผิดหวังอยู่เหมือนกัน เมื่อมองดูหนังทั้งเดือนตุลาคม Cloudy 2 จะเป็นตัวเลือกเดียวสำหรับคนดูครอบครัว ซึ่งคิดเป็น 80% ของคนดูหนังเรื่องนี้ทั้งหมด บวกกับคะแนนซีนีมาสกอร์ A- น่าจะทำให้หนังยืนระยะได้ดี ปากต่อปากใช้ได้ และคงทำเงินได้มากกว่า 120 ล้านเหรียญ
หลังเปิดตัวในอันดับ 1 สัปดาห์ก่อนโน้น Prisoners รายได้ตกแค่ 48% ทำเงินไปอีก 10.9 ล้านเหรียญ ถือเป็นยอดที่ตกฮวบฮาบเหมือนกัน สำหรับหนังดราม่า คำวิจารณ์ดี ขายผู้ใหญ่ โดย The Town และ Contagion รายได้ตกแค่ 35% จากการฉายในสัปดาห์เดียวกันของปี 2010 และ 2011 ตามลำดับ ผ่าน 10 วันหนังได้เงินทั้งหมด 38.5 ล้านเหรียญ
Rush ขยายโรงเป็น 2,297 โรง และขึ้นมาถึงที่ 3 ด้วยรายได้ 10.01 ล้านเหรียญ เทียบกันในกลุ่มหนังดราม่า กีฬา หนังทำได้ครึ่งหนึ่งของรายได้เปิดตัวของ Moneyball (20 ล้านเหรียญ) และต่ำกว่า 12.7 ล้านเหรียญของ Secretariat งานนี้ถือว่าหนังเปิดตัวได้ดีไม่ได้แน่ๆ ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีเหตุผล ที่จะมาสนับสนุนว่าหนังน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ถึงจะทำการตลาดได้ดี แต่อย่าลืมว่า คนอเมริกันไม่นิยมการแข่งรถสูตร 1 คนดูของ Rush 52% เป็นชายและ 53% อายุมากกว่า 40 ปี คะแนนของซีนีมาสกอร์อยู่ที่ A- เมื่อบวกกับคำวิจารณ์ที่ดี ในเว็บมะเขือเน่านั้นให้คะแนนหนังสูงถึง 88% ดูแค่นี้หนังน่าจะยืนระยะได้ในสัปดาห์ต่อๆ ไป แต่ก็ต้องเจอคู่แข่งอย่าง Gravity และ Captain Phillips และคงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ หากหนังปิดโปรแกรมที่รายได้มากกว่า 40 ล้านเหรียญ
เปิดตัวที่ 2,027 โรง หนังรอม-คอม Baggage Claim อยู่ในอันดับ 4 ด้วยรายได้ 9.03 ล้านเหรียญ ต่ำกว่า 15.2 ลเานเหรียญของ Jumping the Broom หนังเมื่อปี 2011 ที่นำแสดงโดย พอลา แพ็ตตัน แต่ก็มากกว่ารายได้เปิดตัวในวงกว้างของ Just Wright ที่ทำรายได้ไป 8.3 ล้านเหรียญ และ Our Family Wedding 7.6 ล้านเหรียญ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การออกตัวที่น่าประทับใจ แต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้าย เพราะหนังมาพร้อมกับการทำการตลาดที่ใช้ทุนไม่มากนัก ซึ่งดูแล้วยากมากที่จะเปิดตัวได้มากกว่า 10 ล้านเหรียญ
กับหนังเรื่องแรกในฐานะผู้เขียนบท/กำกับDon Jon ของโจเซฟ กอร์ดอน-ลิวอิทท์ เปิดตัวในอันดับ 5 รายได้ 8.7 ล้านเหรียญ ในกลุ่มหนังเรื่องแรกของนักแสดงที่หันมากำกับ กอร์ดอน-ลิวอิทท์ทำได้ดีกว่าเบน อัฟเฟล็ค (Gone Baby Gone เปิดตัวแค่ 5.5 ล้านเหรียญ) และดรูว์ แบร์รี่มอร์ (จาก Whip It 4.6 ล้านเหรียญ) แต่ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับ This is the End ของเซ็ธ โรเก้น แต่หนังของโรเก้นก็เป็นงานตลาดกว่า Don Jon เปิดตัวพอๆ กับ 50/50 หนังลิวอิทท์แสดงนำ ที่ทำไว้ 8.6 ล้านเหรียญ ในช่วงเดียวกันนี้ของปี 2011 โดย 50/50 ยืนระยะได้ดีและจบโปรแกรมที่ 35 ล้านเหรียญ เหนือกว่า (500) Days of Summer หนังของลิวอิทท์ที่ประสบความสำเร็จก่อนหน้าเล็กน้อย กับการเปิดตัวในวงกว้าง และมีการทำการตลาดควบคู่กันไปด้วย ดูเหมือนว่ายังพอมีหวังที่ Don Jon จะทำรายได้ในระดับใกล้เคียงกัน แต่โชคไม่ดีที่หนังได้คะแนนแค่ C+ จากซีนีมาสกอร์ ซึ่งจะได้เสียงปากต่อปากไม่เท่าไหร่ หนังจึงไม่น่าจะไปได้ดีเหมือน 50/50 และคงจบรายได้ที่ราวๆ 30 ล้านเหรียญ คนดูหนังนั้นถือว่าพอๆ กันระหว่างชายและหญิง ถือเป็นหนังสำหรับคู่รักก็ว่าได้ แต่อายุต้องมากหน่อย เพราะ 66% ของคนดูอายุมากกว่า 25 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หนังดูเป็นงานสำหรับผู้ใหญ่มากๆ
Instructions Not Included ได้เงินมาอีก 3.47 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 38.7 ล้านเหรียญ กลายเป็นหนังภาษาสแปนิชทำเงินสูงสุดตลอดกาลในอเมริกาไปแล้ว โดยเอาชนะ 37.6 ล้านของ Pan's Labyrinth และรั้งอันดับ 4 หนังภาษาต่างประเทศทำเงินสูงสุดตลอดกาลในอเมริกาอยู่ในขณะนี้
หลังเปิดตัวแค่ 4 โรงเมื่อสัปดาห์ก่อนโน้น Enough Said เพิ่มโรงเป็น 227 โรง และได้เงินมา 2.1 ล้านเหรียญ ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีสำหรับหนังตลกของ นิโคล โฮลอฟเซเนอร์ และอยู่ในเส้นทางที่จะเอาชนะ 4.03 ล้านเหรียญ ที่หนังเรื่องก่อนของเธอ Please Give ทำเอาไว้
หนังลูกผสมคอนเสิร์ตและการเล่าเรื่องของเมทัลลิกา Metallica Through the Never เปิดตัวในโรงไอแมกซ์ 305 โรง และทำรายได้ 1.67 ล้านเหรียญ ในกลุ่มหนังที่เปิดตัวเฉพาะโรงไอแมกซ์ หนังทำได้พอๆ กับ Raiders of the Lost Ark ที่เอาออกมาฉายใหม่เมื่อปีกลาย กับการที่มีหนังออกฉายเฉพาะโรงแบบนี้ไม่มากนัก การคาดการณ์ถึงอนาคตของหนังเรื่องนี้เลยไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในสุดสัปดาห์นี้หนังจะเพิ่มโรงเป็น 650 โรง แม้จะมีการเสียรอบไปให้ Gravity บ้างก็ตาม
กับตลาดนอกอเมริกา ถือเป็นสัปดาห์จืดสนิท มีหนังเรื่องเดียวที่ทำเงินมากกว่า 10 ล้านเหรียญ นั่นคือ Runner Runner ที่เปิดตัวไป 11.2 ล้านเหรียญจาก 38ประเทศ ก่อนหน้าจะเข้าฉายในอเมริกา โดยหนังเปิดตัวอันดับ 1 ที่รัสเซีย 3 ล้านเหรียญ และได้เงินมา 1.2 ล้านเหรียญในฝรั่งเศส และเกาะอังกฤษ ซึ่งถือว่าน่าประทับใจอยู่ ผิดกับที่ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ซึ่งหนังเปิดตัวไม่ถึง 1 ล้านเหรียญ
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Despicable Me 2 ทำรายได้นอกอเมริกาผ่าน 500 ล้านเหรียญไปแล้ว เป็นหนังแอนิเมชั่นเรื่องที่ 8 ที่ทำงานได้ขนาดนี้ รายได้ทั่วโลกของหนังอยู่ที่ 864 ล้านเหรียญ นั่งเก้าอี้หนังแอนิเมชั่นทำเงินสูงสุดตลอดกาลอันดับ 7 โดยที่ยังไม่เปิดตัวในอิตาลี และตลาดเล็กๆ อีกหลายประเทศ หนังน่าจะทำรายได้มากกว่า 880 ล้านเหรียญในตอนที่ปิดโปรแกรม
อ่านแล้วชอบคลิก Like ได้ที่
www.facebook.com/Sadaosและติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงได้ที่
www.sadaos.com 
แอนิเมชั่นครอบครัวคว้าอันดับ 1 หนังเมทัลลิก้าเปิดตัวแล้ว
(แปล / เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
คนดูกลุ่มครอบครัว ต่างพากันสนุกสนานไปกับ Cloudy with a Chance of Meatballs 2 ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าหนังจะสร้างสถิติเปิดตัวในเดือนกันยายนได้ก็ตามที ขณะที่ Prisoners ก็ยังแรงดีไม่ตก ทำให้หนังใหม่ Rush, Baggage Claim และ Don Jon แซงขึ้นไปไม่สำเร็จ และไม่มีเรื่องไหนที่ทำรายได้น่าประทับใจเป็นพิเศษ โดยหนังใน 12 อันดับแรก ทำเงินรวมกัน 95.7 ล้านเหรียญ ซึ่งตกลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นการปิดเดือนกันยายนที่น่าพอใจ แม้จะไม่หนังที่สร้างสถิติใหม่ แต่ก็ทำรายได้กว่าปีที่แล้วเล็กน้อยเมื่อเทียบกันทั้งเดือน
ถึงจะเปิดตัวด้วย 4,002 โรง ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของเดือนกันยายน แต่ Cloudy with a Chance of Meatballs 2 ก็ทำรายได้แค่ 34 ล้านเหรียญ หากก็มากกว่าหนังภาคแรก ที่เปิดตัว 30.3 ล้านเหรียญในเดือนกันยายน 2009 แต่ก็ต่ำกว่าหนังแอนิเมชั่นโซนี่ Hotel Transylvania ที่ทำสถิติเปิดตัวสูงสุดของเดือนกันยายนไว้ 42.5 ล้านเหรียญ ในสัปดาห์เดียวกันนี้ของปีกลาย ถึงจะทำสถิติใหม่ไม่ได้ หากก็มากพอจะเป็นหนังเปิดตัวเดือนกันยายนสูงสุดตลอดกาลอันดับ 4 ตามหลัง Hotel Transylvania, Insidious Chapter 2 และ Sweet Home Alabama ซึ่งต้องยอมรับว่าหนังมีองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่ทำให้มาถึงจุดนี้ได้ เริ่มจากชื่อของหนังภาคแรกที่ทำไว้ดี ไม่มีคู่แข่ง และการตลาดก็ทำงานได้ตามเป้า ภาพที่น่าตื่นตาและอารมณ์ขันที่นำมาเป็นจุดขาย ทำให้นึกถึงหนังภาคแรก ขณะเดียวกับบรรดาฟูดิมอลส์ ก็สร้างความแตกต่างจากหนังต้นฉบับ โชคไม่ดีตรงที่ทุกอย่างทำให้หนังทำเงินเพิ่มขึ้นมาไม่มากนัก แล้วถ้าเทียบกับ Hotel Transylvania ด้วยแล้ว ถือว่าน่าผิดหวังอยู่เหมือนกัน เมื่อมองดูหนังทั้งเดือนตุลาคม Cloudy 2 จะเป็นตัวเลือกเดียวสำหรับคนดูครอบครัว ซึ่งคิดเป็น 80% ของคนดูหนังเรื่องนี้ทั้งหมด บวกกับคะแนนซีนีมาสกอร์ A- น่าจะทำให้หนังยืนระยะได้ดี ปากต่อปากใช้ได้ และคงทำเงินได้มากกว่า 120 ล้านเหรียญ
หลังเปิดตัวในอันดับ 1 สัปดาห์ก่อนโน้น Prisoners รายได้ตกแค่ 48% ทำเงินไปอีก 10.9 ล้านเหรียญ ถือเป็นยอดที่ตกฮวบฮาบเหมือนกัน สำหรับหนังดราม่า คำวิจารณ์ดี ขายผู้ใหญ่ โดย The Town และ Contagion รายได้ตกแค่ 35% จากการฉายในสัปดาห์เดียวกันของปี 2010 และ 2011 ตามลำดับ ผ่าน 10 วันหนังได้เงินทั้งหมด 38.5 ล้านเหรียญ
Rush ขยายโรงเป็น 2,297 โรง และขึ้นมาถึงที่ 3 ด้วยรายได้ 10.01 ล้านเหรียญ เทียบกันในกลุ่มหนังดราม่า กีฬา หนังทำได้ครึ่งหนึ่งของรายได้เปิดตัวของ Moneyball (20 ล้านเหรียญ) และต่ำกว่า 12.7 ล้านเหรียญของ Secretariat งานนี้ถือว่าหนังเปิดตัวได้ดีไม่ได้แน่ๆ ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีเหตุผล ที่จะมาสนับสนุนว่าหนังน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ถึงจะทำการตลาดได้ดี แต่อย่าลืมว่า คนอเมริกันไม่นิยมการแข่งรถสูตร 1 คนดูของ Rush 52% เป็นชายและ 53% อายุมากกว่า 40 ปี คะแนนของซีนีมาสกอร์อยู่ที่ A- เมื่อบวกกับคำวิจารณ์ที่ดี ในเว็บมะเขือเน่านั้นให้คะแนนหนังสูงถึง 88% ดูแค่นี้หนังน่าจะยืนระยะได้ในสัปดาห์ต่อๆ ไป แต่ก็ต้องเจอคู่แข่งอย่าง Gravity และ Captain Phillips และคงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ หากหนังปิดโปรแกรมที่รายได้มากกว่า 40 ล้านเหรียญ
เปิดตัวที่ 2,027 โรง หนังรอม-คอม Baggage Claim อยู่ในอันดับ 4 ด้วยรายได้ 9.03 ล้านเหรียญ ต่ำกว่า 15.2 ลเานเหรียญของ Jumping the Broom หนังเมื่อปี 2011 ที่นำแสดงโดย พอลา แพ็ตตัน แต่ก็มากกว่ารายได้เปิดตัวในวงกว้างของ Just Wright ที่ทำรายได้ไป 8.3 ล้านเหรียญ และ Our Family Wedding 7.6 ล้านเหรียญ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การออกตัวที่น่าประทับใจ แต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้าย เพราะหนังมาพร้อมกับการทำการตลาดที่ใช้ทุนไม่มากนัก ซึ่งดูแล้วยากมากที่จะเปิดตัวได้มากกว่า 10 ล้านเหรียญ
กับหนังเรื่องแรกในฐานะผู้เขียนบท/กำกับDon Jon ของโจเซฟ กอร์ดอน-ลิวอิทท์ เปิดตัวในอันดับ 5 รายได้ 8.7 ล้านเหรียญ ในกลุ่มหนังเรื่องแรกของนักแสดงที่หันมากำกับ กอร์ดอน-ลิวอิทท์ทำได้ดีกว่าเบน อัฟเฟล็ค (Gone Baby Gone เปิดตัวแค่ 5.5 ล้านเหรียญ) และดรูว์ แบร์รี่มอร์ (จาก Whip It 4.6 ล้านเหรียญ) แต่ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับ This is the End ของเซ็ธ โรเก้น แต่หนังของโรเก้นก็เป็นงานตลาดกว่า Don Jon เปิดตัวพอๆ กับ 50/50 หนังลิวอิทท์แสดงนำ ที่ทำไว้ 8.6 ล้านเหรียญ ในช่วงเดียวกันนี้ของปี 2011 โดย 50/50 ยืนระยะได้ดีและจบโปรแกรมที่ 35 ล้านเหรียญ เหนือกว่า (500) Days of Summer หนังของลิวอิทท์ที่ประสบความสำเร็จก่อนหน้าเล็กน้อย กับการเปิดตัวในวงกว้าง และมีการทำการตลาดควบคู่กันไปด้วย ดูเหมือนว่ายังพอมีหวังที่ Don Jon จะทำรายได้ในระดับใกล้เคียงกัน แต่โชคไม่ดีที่หนังได้คะแนนแค่ C+ จากซีนีมาสกอร์ ซึ่งจะได้เสียงปากต่อปากไม่เท่าไหร่ หนังจึงไม่น่าจะไปได้ดีเหมือน 50/50 และคงจบรายได้ที่ราวๆ 30 ล้านเหรียญ คนดูหนังนั้นถือว่าพอๆ กันระหว่างชายและหญิง ถือเป็นหนังสำหรับคู่รักก็ว่าได้ แต่อายุต้องมากหน่อย เพราะ 66% ของคนดูอายุมากกว่า 25 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หนังดูเป็นงานสำหรับผู้ใหญ่มากๆ
Instructions Not Included ได้เงินมาอีก 3.47 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 38.7 ล้านเหรียญ กลายเป็นหนังภาษาสแปนิชทำเงินสูงสุดตลอดกาลในอเมริกาไปแล้ว โดยเอาชนะ 37.6 ล้านของ Pan's Labyrinth และรั้งอันดับ 4 หนังภาษาต่างประเทศทำเงินสูงสุดตลอดกาลในอเมริกาอยู่ในขณะนี้
หลังเปิดตัวแค่ 4 โรงเมื่อสัปดาห์ก่อนโน้น Enough Said เพิ่มโรงเป็น 227 โรง และได้เงินมา 2.1 ล้านเหรียญ ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีสำหรับหนังตลกของ นิโคล โฮลอฟเซเนอร์ และอยู่ในเส้นทางที่จะเอาชนะ 4.03 ล้านเหรียญ ที่หนังเรื่องก่อนของเธอ Please Give ทำเอาไว้
หนังลูกผสมคอนเสิร์ตและการเล่าเรื่องของเมทัลลิกา Metallica Through the Never เปิดตัวในโรงไอแมกซ์ 305 โรง และทำรายได้ 1.67 ล้านเหรียญ ในกลุ่มหนังที่เปิดตัวเฉพาะโรงไอแมกซ์ หนังทำได้พอๆ กับ Raiders of the Lost Ark ที่เอาออกมาฉายใหม่เมื่อปีกลาย กับการที่มีหนังออกฉายเฉพาะโรงแบบนี้ไม่มากนัก การคาดการณ์ถึงอนาคตของหนังเรื่องนี้เลยไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในสุดสัปดาห์นี้หนังจะเพิ่มโรงเป็น 650 โรง แม้จะมีการเสียรอบไปให้ Gravity บ้างก็ตาม
กับตลาดนอกอเมริกา ถือเป็นสัปดาห์จืดสนิท มีหนังเรื่องเดียวที่ทำเงินมากกว่า 10 ล้านเหรียญ นั่นคือ Runner Runner ที่เปิดตัวไป 11.2 ล้านเหรียญจาก 38ประเทศ ก่อนหน้าจะเข้าฉายในอเมริกา โดยหนังเปิดตัวอันดับ 1 ที่รัสเซีย 3 ล้านเหรียญ และได้เงินมา 1.2 ล้านเหรียญในฝรั่งเศส และเกาะอังกฤษ ซึ่งถือว่าน่าประทับใจอยู่ ผิดกับที่ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ซึ่งหนังเปิดตัวไม่ถึง 1 ล้านเหรียญ
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Despicable Me 2 ทำรายได้นอกอเมริกาผ่าน 500 ล้านเหรียญไปแล้ว เป็นหนังแอนิเมชั่นเรื่องที่ 8 ที่ทำงานได้ขนาดนี้ รายได้ทั่วโลกของหนังอยู่ที่ 864 ล้านเหรียญ นั่งเก้าอี้หนังแอนิเมชั่นทำเงินสูงสุดตลอดกาลอันดับ 7 โดยที่ยังไม่เปิดตัวในอิตาลี และตลาดเล็กๆ อีกหลายประเทศ หนังน่าจะทำรายได้มากกว่า 880 ล้านเหรียญในตอนที่ปิดโปรแกรม
อ่านแล้วชอบคลิก Like ได้ที่ www.facebook.com/Sadaosและติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงได้ที่ www.sadaos.com