After earth
หนังของเฮียมาโนช หรือ เอ็ม ไนน์ ชยามาลาน
ผู้กำกับ the happening / lady in the water / the sixth sense / the village / the last air blender
แต่ละเรื่องสร้างชื่อ(เสีย)ทั้งนั้นจนเป็นกิมมิคแกไปแล้วว่า สร้างกี่เรื่องเจ๊งทุกเรื่อง (ยกเว้น the sixth sense)
ล่าสุดก็โดนด่าเละไปแม้จะเอาดาราแม่เหล็กอย่างพ่อลูกสมิธมาก็ตาม
ผมชอบหนังของพี่แกทุกเรื่องเลยครับ พี่แกมีไสตล์ชัดเจน วัตุประสงค์ในการเล่าเรื่องชัดเจน
ซึ่งชอบทำขัดกับความคาดหวังของคนดู
บางเรื่องหนังโปรยมานึกว่าแอ็คชั่น...แกไม่โชว์
บางเรื่องโปรยมาว่าปีศาจ ลึกลับ...แกไม่โชว์
และหลายๆเรื่องที่คาดว่าจะมีอะไรมากกว่านี้...แกก็เหมือนรู้ว่าคนดูอยากได้อะไร...เลยเอาออกแมร่ง
แต่จริงๆแล้วผมสังเกตุทุกเรื่อง พี่แกทำได้ตรงตามเนื้อหาหนังมากแล้วครับ
มาถึงเรื่องนี้ ชอบมากเหมือนกัน
after earth
ไม่ได้เล่าเรื่องโลกที่ถูกทิ้งร้างหรือความเลวร้ายของมนุษย์มากมาย...มากกว่าความสัมพันธ์พ่อลูก
จุดเด่นที่สุดของหนังคือ...แสดงความ contrast ของความกลัว...ความมีสติความแตกต่างระหว่างพ่อกับลูก
เนื้อเรื่องโคตรธรรมดา ราบเรียบเลยครับ
แต่ที่ผมชอบในเรื่องนี้คือมิติของมุมมองคนเป็นพ่อ
ในสถานการณ์คับขัน...ชีวิตตัวเองตกในอันตราย...ลูกก็จะไม่รอดไปด้วย...ทางรอดก็หฤโหดไม่ต่างกับส่งลูกไปตาย
แต่สิ่งที่พ่อทำคือการมีสติ...แล้วแก้ปัญหาไปทีละจุดๆด้วยเหตุผล...พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ใช้อารมณ์
ต่างกับลูก...ที่ตื่นตกใจง่ายแถมดื้อเงียบ...แปรปรวน...เกือบพลาดท่าตายหลายรอบ
เห็นได้ว่าผู้สร้างจงใจแสดงให้เห็นถึงความอ่อนไหวของอารมณ์...กลัว...และผลลัพธ์ที่อาจก่อให้เกิดการคุมสติไม่อยู่
การที่คีไทลูกที่ออกตระเวนหาข้าวของมาช่วยพ่อโดยมีพ่อคอยนำทาง ชี้แนะ...จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้เขาเติบโต
ด้วยสติเหตุและผล...ถึงจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์แย่ๆได้
...แต่ในเมื่อมาถึงจุดๆหนึ่งซึ่งเหมือนเป็นไปตามคาดของพ่อที่จะให้ลูกทำภารกิจที่เป็นไปไม่ได้นี้แล้วเกิดทางตัน
...ด้วยตรรกะทุกข้อที่ไม่มีทางเป็นไปได้...และความรักลูก พ่อจึงตัดสินใจสั่งให้ล้มเลิกแล้วกลับยานซะ...
...เมื่อถึงตอนนี้หมดเวลาของเหตุผลแล้ว...สิ่งที่จะทำให้เดินต่อไปได้คือ ความกล้า....ที่จะเสี่ยงต่อไป
คีไทเดินหน้าต่อแบบเฉียดตายหลายรอบโดยพ่อที่พยายามยอมรับการตัดสินใจและให้คำแนะนำตลอดทาง
ก่อนหน้านี้ตกดึกคืนหนึ่ง...เขามาคิดทบทวนถึงคำพูดของพ่อ...ทำไมพ่อไม่กลัว
พ่อบอกว่า
"Fear is not real.
The only place that fear can exist is in our thoughts of the future.
It is a product of our imagination,
causing us to fear things that do not at present and may not even exist.
That is near insanity, Kitai.
Do not misunderstand me: Danger is real, but fear is a choice."
"ความกลัวไม่มีจริง...ที่เดียวที่ความกลัวอยู่คือในความคิดของเราเมื่อนึกถึงอนาคต
มันคือผลที่เกิดจากจินตนาการ...ทำให้เราตื่นกลัวสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน...และยังไม่แน่ด้วยซ้ำว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่
แต่อย่าเข้าใจผิด...อันตรายเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง
แต่ความกลัว...เป็นเพียงตัวเลือก"
เพราะจิตมนุษย์ปรุงแต่งเรื่องราวขึ้นมาหลอกตัวเอง
นี่คือเส้นหลักของเรื่องที่ทำให้ไปสู่บทสรุปของคีไท
เมื่อเขาต้องสู้กับปีศาจที่อันตรายที่สุดบนดาวแม้ตาจะมองไม่เห็น...แต่มันจับความเคลื่อนไหวด้วยฟีโรโมนจากความกลัว
คีไทเกือบเอาชีวิตไม่รอด
...ในขณะที่บาดเจ็บสาหัสสิ่งที่เขาเรียนรู้จากพ่อตลอดการเดินทางคือ...การมีสติ รับรู้ถึงทุกสิ่งในปัจจุบัน...ใช้ตรรกกะแก้ปัญหา
นอกเหนือเหตุผล...เขายังต้องยกความกล้าที่ไม่เคยใช้ตอนพี่สาวถูกฆ่าตายต่อหน้า...มาเป็นแรงผลัก
ให้หยุดกลัว...และแน่นอน เมื่อคีไทลุกขึ้น...เจ้าสัตว์ประหลาดหาตัวเขาไม่เจอ
คีไทจึงจัดการสัตว์ประหลาดอย่างง่ายดาย
แม้กระทั่งตอนที่เขาจะโดนลากตกเหว...เขาไม่ตื่นตกใจกลัว
คีไทสีหน้านิ่งและแน่วแน่...เขาเลือกคุมสติ...แล้วรีบฆ่ามันให้ไวที่สุด
ทำให้เขารอดตายมาได้
ในเวลานั้นพ่อเขาที่มองเหตุการณ์อยู่รู้ได้ทันทีเลยว่า ลูกได้เป็น ghosting ไปแล้ว
----------------------------------------------
สิ่งที่ชอบ
-เส้นเรื่องความกลัว อธิบายไว้ดีมาก
-บทพูด...สมคาแรคเตอร์ดี
-การแสดงของวิลสมิธ...นิ่งๆทั้งเรื่องก็จริง แต่เหมาะกับตัวละครผู้บรรลุดีแล้ว
-การเล่าเรื่องสไตล์เอ็มไนน์โดยรวม...ยังแฝงความลึกลับ....หลอนๆ...นิ่งๆไว้เสมอ
-การถ่ายภาพธรรมชาติบนโลกตลอดเวลาที่คีไทเดินทาง....โคตรสวยยย
...เหมือนเสียดสีว่าไม่มีมนุษย์มันอุดมสมบูรณ์ยังงี้นี่เอง
สิ่งที่ไม่ชอบ
-เจเดนสมิธ คิ้วขมวดไปครึ่งเรื่อง....ดูแล้วเมื่อยแทน
-CGประหลายตลกเกิ๊น....นึกถึง the host ผมขอเรียกว่าลูกอ๊อดยักษ์ละกัน...ยังกะลอกกันมา
-ปูเรื่องช่วงแรกเร็ว...รวบรัด...สั้นเกินไปหน่อยแน่ะ
-ตลกที่สุดตอนลิงไล่...หลอกระยะทางระหว่างคนกับลิงหลายรอบมาก...พอไกล้จะถึงตัวตัดกล้อง ไปไกลอีกละ
....ถ้าเป็นสปีดที่คีไทวิ่ง....มันไล่ทันตั้งแต่ 2 ซีนแรกละโว้ยยยแล้วช่วงนี้มันหนียาวๆหลายคัท...เลยตลกเลย
สิ่งที่ติดใจ
-ส่วนเรื่องเทคโนโลยีหรืออาวุธแปลกๆผมไม่ติด...เพราะต่อให้เป็นในอนาคตเราก็ไม่มีทางรู้อยู่แล้วว่าจะพัฒนาไปแบบไหน
....อยากจะใส่ไรก็ใส่มา ขอสมเหตุสมผลก็พอ....ซึ่งในเรื่องก็ไม่มีติดใจอะไร
ยกเว้น....ไอ้เครื่องส่งสัญญาณตอนจบ...

จะติงต๊องเกินไปละ
บอกรับสัญญาณไม่ได้เพราะติดควันบรรยากาศ....แต่พอยิงออกไปสัญญาณกระจายวงกว้างไปถึงอีกดาวเลยเชียว....บ้าแล้ว!!!
-พ่ออึดเกิ๊นนนน...บายพาสเส้นเลือดใหญ่เจ๊งไปตั้งนาน...ยังไม่ยอมตายจนหน่อยกู้ภัยมาช่วยด้วยแน่ะ....โคตรพระเอกเลย
สรุป
หนังสนุกครับ...เพลินดีจนจบ
ปล.ผมเป็นคนส่วนน้อยที่ชอบหนังตาเอ็มไนน์...คนส่วนใหญ่คงดูไม่สนุก....ผมจึงถือว่านี่เป็นข้อได้เปรียบ 555
ให้ 7.6/10
ปล. เรื่องนี้ดูจบนั่งนึกอยู่ตั้งนานกว่าจะเขียนรีวิวจบ โคตรเยอะเลย
ให้ดูรอบ 2 ก็ดูนะ....ชอบบทสนทนา....มันกินใจดี
แต่รอบ 3 คงต้องทิ้งช่วงสัก ปีนึง
[CR] After earth >>>> ความกลัวเป็นเพียงตัวเลือก <<<< ดูแล้วมาคุยกั๊น
หนังของเฮียมาโนช หรือ เอ็ม ไนน์ ชยามาลาน
ผู้กำกับ the happening / lady in the water / the sixth sense / the village / the last air blender
แต่ละเรื่องสร้างชื่อ(เสีย)ทั้งนั้นจนเป็นกิมมิคแกไปแล้วว่า สร้างกี่เรื่องเจ๊งทุกเรื่อง (ยกเว้น the sixth sense)
ล่าสุดก็โดนด่าเละไปแม้จะเอาดาราแม่เหล็กอย่างพ่อลูกสมิธมาก็ตาม
ผมชอบหนังของพี่แกทุกเรื่องเลยครับ พี่แกมีไสตล์ชัดเจน วัตุประสงค์ในการเล่าเรื่องชัดเจน
ซึ่งชอบทำขัดกับความคาดหวังของคนดู
บางเรื่องหนังโปรยมานึกว่าแอ็คชั่น...แกไม่โชว์
บางเรื่องโปรยมาว่าปีศาจ ลึกลับ...แกไม่โชว์
และหลายๆเรื่องที่คาดว่าจะมีอะไรมากกว่านี้...แกก็เหมือนรู้ว่าคนดูอยากได้อะไร...เลยเอาออกแมร่ง
แต่จริงๆแล้วผมสังเกตุทุกเรื่อง พี่แกทำได้ตรงตามเนื้อหาหนังมากแล้วครับ
มาถึงเรื่องนี้ ชอบมากเหมือนกัน
after earth
ไม่ได้เล่าเรื่องโลกที่ถูกทิ้งร้างหรือความเลวร้ายของมนุษย์มากมาย...มากกว่าความสัมพันธ์พ่อลูก
จุดเด่นที่สุดของหนังคือ...แสดงความ contrast ของความกลัว...ความมีสติความแตกต่างระหว่างพ่อกับลูก
เนื้อเรื่องโคตรธรรมดา ราบเรียบเลยครับ
แต่ที่ผมชอบในเรื่องนี้คือมิติของมุมมองคนเป็นพ่อ
ในสถานการณ์คับขัน...ชีวิตตัวเองตกในอันตราย...ลูกก็จะไม่รอดไปด้วย...ทางรอดก็หฤโหดไม่ต่างกับส่งลูกไปตาย
แต่สิ่งที่พ่อทำคือการมีสติ...แล้วแก้ปัญหาไปทีละจุดๆด้วยเหตุผล...พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ใช้อารมณ์
ต่างกับลูก...ที่ตื่นตกใจง่ายแถมดื้อเงียบ...แปรปรวน...เกือบพลาดท่าตายหลายรอบ
เห็นได้ว่าผู้สร้างจงใจแสดงให้เห็นถึงความอ่อนไหวของอารมณ์...กลัว...และผลลัพธ์ที่อาจก่อให้เกิดการคุมสติไม่อยู่
การที่คีไทลูกที่ออกตระเวนหาข้าวของมาช่วยพ่อโดยมีพ่อคอยนำทาง ชี้แนะ...จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้เขาเติบโต
ด้วยสติเหตุและผล...ถึงจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์แย่ๆได้
...แต่ในเมื่อมาถึงจุดๆหนึ่งซึ่งเหมือนเป็นไปตามคาดของพ่อที่จะให้ลูกทำภารกิจที่เป็นไปไม่ได้นี้แล้วเกิดทางตัน
...ด้วยตรรกะทุกข้อที่ไม่มีทางเป็นไปได้...และความรักลูก พ่อจึงตัดสินใจสั่งให้ล้มเลิกแล้วกลับยานซะ...
...เมื่อถึงตอนนี้หมดเวลาของเหตุผลแล้ว...สิ่งที่จะทำให้เดินต่อไปได้คือ ความกล้า....ที่จะเสี่ยงต่อไป
คีไทเดินหน้าต่อแบบเฉียดตายหลายรอบโดยพ่อที่พยายามยอมรับการตัดสินใจและให้คำแนะนำตลอดทาง
ก่อนหน้านี้ตกดึกคืนหนึ่ง...เขามาคิดทบทวนถึงคำพูดของพ่อ...ทำไมพ่อไม่กลัว
พ่อบอกว่า
"Fear is not real.
The only place that fear can exist is in our thoughts of the future.
It is a product of our imagination,
causing us to fear things that do not at present and may not even exist.
That is near insanity, Kitai.
Do not misunderstand me: Danger is real, but fear is a choice."
"ความกลัวไม่มีจริง...ที่เดียวที่ความกลัวอยู่คือในความคิดของเราเมื่อนึกถึงอนาคต
มันคือผลที่เกิดจากจินตนาการ...ทำให้เราตื่นกลัวสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน...และยังไม่แน่ด้วยซ้ำว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่
แต่อย่าเข้าใจผิด...อันตรายเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง
แต่ความกลัว...เป็นเพียงตัวเลือก"
เพราะจิตมนุษย์ปรุงแต่งเรื่องราวขึ้นมาหลอกตัวเอง
นี่คือเส้นหลักของเรื่องที่ทำให้ไปสู่บทสรุปของคีไท
เมื่อเขาต้องสู้กับปีศาจที่อันตรายที่สุดบนดาวแม้ตาจะมองไม่เห็น...แต่มันจับความเคลื่อนไหวด้วยฟีโรโมนจากความกลัว
คีไทเกือบเอาชีวิตไม่รอด
...ในขณะที่บาดเจ็บสาหัสสิ่งที่เขาเรียนรู้จากพ่อตลอดการเดินทางคือ...การมีสติ รับรู้ถึงทุกสิ่งในปัจจุบัน...ใช้ตรรกกะแก้ปัญหา
นอกเหนือเหตุผล...เขายังต้องยกความกล้าที่ไม่เคยใช้ตอนพี่สาวถูกฆ่าตายต่อหน้า...มาเป็นแรงผลัก
ให้หยุดกลัว...และแน่นอน เมื่อคีไทลุกขึ้น...เจ้าสัตว์ประหลาดหาตัวเขาไม่เจอ
คีไทจึงจัดการสัตว์ประหลาดอย่างง่ายดาย
แม้กระทั่งตอนที่เขาจะโดนลากตกเหว...เขาไม่ตื่นตกใจกลัว
คีไทสีหน้านิ่งและแน่วแน่...เขาเลือกคุมสติ...แล้วรีบฆ่ามันให้ไวที่สุด
ทำให้เขารอดตายมาได้
ในเวลานั้นพ่อเขาที่มองเหตุการณ์อยู่รู้ได้ทันทีเลยว่า ลูกได้เป็น ghosting ไปแล้ว
----------------------------------------------
สิ่งที่ชอบ
-เส้นเรื่องความกลัว อธิบายไว้ดีมาก
-บทพูด...สมคาแรคเตอร์ดี
-การแสดงของวิลสมิธ...นิ่งๆทั้งเรื่องก็จริง แต่เหมาะกับตัวละครผู้บรรลุดีแล้ว
-การเล่าเรื่องสไตล์เอ็มไนน์โดยรวม...ยังแฝงความลึกลับ....หลอนๆ...นิ่งๆไว้เสมอ
-การถ่ายภาพธรรมชาติบนโลกตลอดเวลาที่คีไทเดินทาง....โคตรสวยยย
...เหมือนเสียดสีว่าไม่มีมนุษย์มันอุดมสมบูรณ์ยังงี้นี่เอง
สิ่งที่ไม่ชอบ
-เจเดนสมิธ คิ้วขมวดไปครึ่งเรื่อง....ดูแล้วเมื่อยแทน
-CGประหลายตลกเกิ๊น....นึกถึง the host ผมขอเรียกว่าลูกอ๊อดยักษ์ละกัน...ยังกะลอกกันมา
-ปูเรื่องช่วงแรกเร็ว...รวบรัด...สั้นเกินไปหน่อยแน่ะ
-ตลกที่สุดตอนลิงไล่...หลอกระยะทางระหว่างคนกับลิงหลายรอบมาก...พอไกล้จะถึงตัวตัดกล้อง ไปไกลอีกละ
....ถ้าเป็นสปีดที่คีไทวิ่ง....มันไล่ทันตั้งแต่ 2 ซีนแรกละโว้ยยยแล้วช่วงนี้มันหนียาวๆหลายคัท...เลยตลกเลย
สิ่งที่ติดใจ
-ส่วนเรื่องเทคโนโลยีหรืออาวุธแปลกๆผมไม่ติด...เพราะต่อให้เป็นในอนาคตเราก็ไม่มีทางรู้อยู่แล้วว่าจะพัฒนาไปแบบไหน
....อยากจะใส่ไรก็ใส่มา ขอสมเหตุสมผลก็พอ....ซึ่งในเรื่องก็ไม่มีติดใจอะไร
ยกเว้น....ไอ้เครื่องส่งสัญญาณตอนจบ...
บอกรับสัญญาณไม่ได้เพราะติดควันบรรยากาศ....แต่พอยิงออกไปสัญญาณกระจายวงกว้างไปถึงอีกดาวเลยเชียว....บ้าแล้ว!!!
-พ่ออึดเกิ๊นนนน...บายพาสเส้นเลือดใหญ่เจ๊งไปตั้งนาน...ยังไม่ยอมตายจนหน่อยกู้ภัยมาช่วยด้วยแน่ะ....โคตรพระเอกเลย
สรุป
หนังสนุกครับ...เพลินดีจนจบ
ปล.ผมเป็นคนส่วนน้อยที่ชอบหนังตาเอ็มไนน์...คนส่วนใหญ่คงดูไม่สนุก....ผมจึงถือว่านี่เป็นข้อได้เปรียบ 555
ให้ 7.6/10
ปล. เรื่องนี้ดูจบนั่งนึกอยู่ตั้งนานกว่าจะเขียนรีวิวจบ โคตรเยอะเลย
ให้ดูรอบ 2 ก็ดูนะ....ชอบบทสนทนา....มันกินใจดี
แต่รอบ 3 คงต้องทิ้งช่วงสัก ปีนึง