หายไปนานเลยครับกับการรีวิวลำโพงขนาดพกพา(จริงๆ เพิ่งทำไปอันเดียวเอง555) สำหรับคราวที่แล้วที่รีวิว ลำโพงพกพารุ่นเล็กจาก JBL รุ่น Flip
http://pantip.com/topic/30771229
สำหรับวันนี้เลยมาแนะนำลำโพงพกพาเชื่อมต่อไร้สายแบบBluetooth น้องใหม่จาก Bose ซึ่งจะมาวัดมวยกับรุ่นพี่จ้าวตลาดที่รั้งตำแหน่งลำโพงBlutooth ที่ให้เสียงได้ดีที่สุด
Bose Soundlink Mini น้องใหม่นั้นได้เปิดตัวมาได้สักสามสี่เดือนและวางขายในช่วงเดือนกรกฏาคม ซึ่งได้รับความสนใจค่อนข้างมาก โดยเฉพาะหลายคนสงสัยว่าไอ้เจ้าตัวเล็กนี้จะให้ซุ่มเสียงที่ดีเท่าๆกับรุ่นพี่ของมัน Bose Soundlink หรือไม่
มาดูรูปร่างกันนะครับ

สำหรับBose Soundlink Mini ตัวนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก ถือไปมาหรือพกง่ายกว่า ตัวใหญ่แน่นอน ตัวที่ได้มานั้นมีเคสมาด้วยซึ่งก็แลกกับค่าตัวที่เพิ่มขึ้นแน่นอน ติดที่ว่าน้ำหนักถือว่าเยอะสำหรับการพกพาอาจเนื่องมาจากวัสดุที่ดูหรูหรา แตกต่างจาก JBL Flip อย่างเห็นได้ชัด

ด้านหน้าดูสวยออกแนววัยรุ่น มีสัญลักษณ์ Bose อยู่ด้านหน้า ด้านบนเป็นPanel สำหรับควบคุม
ตัวที่เอามารีวิว มีกรอบสีฟ้าสดใสด้วยครับกับค่าตัวที่เพิ่มขึ้น 25 เหรียญ กรอบมีสีเขียวอ่อน และสีส้มครับ ถือว่าโดนใจวัยรุ่นเลยทีเดียว

ด้านบนเป็นแผงควบคุม มีปุ่มยางสำหรับเปิดปิด ปุ่มเชื่อมต่อ บลูทูธ เพิ่มลดเสียงและปุ่มAUX สำหรับอุปกรณ์ต่อสาย

ที่แถมมาในแพคเกจเป็นฐานรองสำหรับชาร์จครับ แต่ถ้าไม่มีฐานก็สามารถเสียบสายไฟที่ตัวเครื่องเลยก็ได้เช่นกัน

อีกสิ่งที่ผมชอบสุดๆคือAdapterที่ให้มา แม้Bose Soundlink Mini จะไม่สามารถชาร์จผ่านUSBได้ เหมือนที่หลายคนอยากให้เป็น แต่สายไฟนั้นถือว่าบางมากเมื่อเทียบกับหลายๆตัวและสามารถพกพาได้สะดวก โดยขาปลั๊กสามารถพับเก็บให้แบนราบทำให้สะดวกเวลาพกพาและใส่เข้าในกระเป๋าเล็กด้านหน้าของซองได้เลย

ด้านข้างเป็นที่เสียบสายไฟสำหรับชาร์ต และแจ้ค3.5mm สำหรับ Aux

ผมเทียบขนาดกันระหว่าง Bose Soundlink Mini และ SoundlinkII นะครับ จะเห็นว่าเล็กกว่าพอควรเลย

วัดกันที่ด้านข้าง ก็อย่างที่เห็นนะครับ พกพาสะดวกได้แน่นอน

เมื่อเปิดเครื่องจะมีไฟด้านบนปุ่ม สำหรับบนปุ่มเปิดปิดสีเขียวแสดงถึงชาร์ตเต็มแล้ว ถ้าชาร์ตไม่เต็มจะเป็นสีส้มกระพริบ บนสัญลักษณ์Bluetooth นั้นจะกระพริบขณะหาอุปกรณ์เมื่อเชื่อมต่อได้ จะหยุดกระพริบ และมีเสียงติ๊ดแสดงว่าเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้วครับ
สำคัญสุดสำหรับการรีวิวลำโพง คงไม่พ้นเรื่องซุ่มเสียงนะครับ

ขอออกตัวก่อนว่าผมเองไม่ดีหูเทพหรือสัมผัสพิเศษอะไรมากนัก แล้วแต่คนชอบเพราะคงต้องไปลองฟังกันอีกที

Bose Soundlink Mini นั้นให้ซุ่มเสียงที่ไส และเบสที่ค่อนข้างเยอะ Sound Stage ไม่กว้างอาจด้วยขนาดตัวโดยปรับเสียงไม่ได้ตามสไตล์Bose ผมค่อนข้างชอบมากกว่า SoundlinkII นะครับ แต่บางครั้งเบสออกเยอะไปนิด เร่งเสียงได้ดังแบบข้างบ้านมีบ่น

Bose SoundlinkII ให้เสียงแหลมที่เปิดมากกว่าเบสไม่ลึกเท่า และSound Stageที่กว้างกว่าเล็กน้อย เปิดดังสุดไปได้ไกลกว่าให้รายละเอียดเมื่อเสียงดังๆมากกว่าBose Soundlink Mini
ผมอัดคลิปเทียบเสียงไว้ให้นะครับ เข้าใจว่ามันคงเพี้ยนไปเมื่อฟังจากลำโพงคอมพิวเตอร์ หรือลำโพงที่เพื่อนๆใช้อยู่แต่ก็พอเทียบความต่างของเสียงเบส ความใสได้บ้างอย่างไรก็ตามผมแนะนำให้ไปลองฟังเทียบอีกทีนะครับ
สำหรับคลิป เอาใจแฟนฮอร์โมน ด้วยมิวซิคเพลงเก็บอยู่ในหัวใจของ ศิรศักดิ์ ที่มีเนื่อเสียงเปียโนและเสียงร้องที่มีไดนามิคที่เยอะ
ช่วงแรกจะเป็นเสียงจาก SoundlinkII นะครับ เปลี่ยนไปมาสลับกับ Bose Soundlink Mini ทีละท่อนครับ โดย Link ทางBluetooth ผ่านIpad

สำหรับวันนี้ฝากรีวิว ลำโพงพกพาเล็กๆนี้ให้เพื่อนๆได้ลองไปฟังดูนะครับผมถือว่าคุ้มราคาหิ้ว ถ้าถอยจากศูนย์ถือว่าแพงไปนิด
ไว้มีเวลาจะมารีวิวตัวอื่นๆให้อีกครั้งนะครับ
[CR] Bose Soundlink Mini Vs SoundlinkII เมื่อคลื่นลูกใหม่ ปะทะคลื่นลูกเก่า แลกกันหมัดต่อหมัด
สำหรับวันนี้เลยมาแนะนำลำโพงพกพาเชื่อมต่อไร้สายแบบBluetooth น้องใหม่จาก Bose ซึ่งจะมาวัดมวยกับรุ่นพี่จ้าวตลาดที่รั้งตำแหน่งลำโพงBlutooth ที่ให้เสียงได้ดีที่สุด
Bose Soundlink Mini น้องใหม่นั้นได้เปิดตัวมาได้สักสามสี่เดือนและวางขายในช่วงเดือนกรกฏาคม ซึ่งได้รับความสนใจค่อนข้างมาก โดยเฉพาะหลายคนสงสัยว่าไอ้เจ้าตัวเล็กนี้จะให้ซุ่มเสียงที่ดีเท่าๆกับรุ่นพี่ของมัน Bose Soundlink หรือไม่
มาดูรูปร่างกันนะครับ
สำหรับBose Soundlink Mini ตัวนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก ถือไปมาหรือพกง่ายกว่า ตัวใหญ่แน่นอน ตัวที่ได้มานั้นมีเคสมาด้วยซึ่งก็แลกกับค่าตัวที่เพิ่มขึ้นแน่นอน ติดที่ว่าน้ำหนักถือว่าเยอะสำหรับการพกพาอาจเนื่องมาจากวัสดุที่ดูหรูหรา แตกต่างจาก JBL Flip อย่างเห็นได้ชัด
ด้านหน้าดูสวยออกแนววัยรุ่น มีสัญลักษณ์ Bose อยู่ด้านหน้า ด้านบนเป็นPanel สำหรับควบคุม
ตัวที่เอามารีวิว มีกรอบสีฟ้าสดใสด้วยครับกับค่าตัวที่เพิ่มขึ้น 25 เหรียญ กรอบมีสีเขียวอ่อน และสีส้มครับ ถือว่าโดนใจวัยรุ่นเลยทีเดียว
ด้านบนเป็นแผงควบคุม มีปุ่มยางสำหรับเปิดปิด ปุ่มเชื่อมต่อ บลูทูธ เพิ่มลดเสียงและปุ่มAUX สำหรับอุปกรณ์ต่อสาย
ที่แถมมาในแพคเกจเป็นฐานรองสำหรับชาร์จครับ แต่ถ้าไม่มีฐานก็สามารถเสียบสายไฟที่ตัวเครื่องเลยก็ได้เช่นกัน
อีกสิ่งที่ผมชอบสุดๆคือAdapterที่ให้มา แม้Bose Soundlink Mini จะไม่สามารถชาร์จผ่านUSBได้ เหมือนที่หลายคนอยากให้เป็น แต่สายไฟนั้นถือว่าบางมากเมื่อเทียบกับหลายๆตัวและสามารถพกพาได้สะดวก โดยขาปลั๊กสามารถพับเก็บให้แบนราบทำให้สะดวกเวลาพกพาและใส่เข้าในกระเป๋าเล็กด้านหน้าของซองได้เลย
ด้านข้างเป็นที่เสียบสายไฟสำหรับชาร์ต และแจ้ค3.5mm สำหรับ Aux
ผมเทียบขนาดกันระหว่าง Bose Soundlink Mini และ SoundlinkII นะครับ จะเห็นว่าเล็กกว่าพอควรเลย
วัดกันที่ด้านข้าง ก็อย่างที่เห็นนะครับ พกพาสะดวกได้แน่นอน
เมื่อเปิดเครื่องจะมีไฟด้านบนปุ่ม สำหรับบนปุ่มเปิดปิดสีเขียวแสดงถึงชาร์ตเต็มแล้ว ถ้าชาร์ตไม่เต็มจะเป็นสีส้มกระพริบ บนสัญลักษณ์Bluetooth นั้นจะกระพริบขณะหาอุปกรณ์เมื่อเชื่อมต่อได้ จะหยุดกระพริบ และมีเสียงติ๊ดแสดงว่าเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้วครับ
สำคัญสุดสำหรับการรีวิวลำโพง คงไม่พ้นเรื่องซุ่มเสียงนะครับ
ขอออกตัวก่อนว่าผมเองไม่ดีหูเทพหรือสัมผัสพิเศษอะไรมากนัก แล้วแต่คนชอบเพราะคงต้องไปลองฟังกันอีกที
Bose Soundlink Mini นั้นให้ซุ่มเสียงที่ไส และเบสที่ค่อนข้างเยอะ Sound Stage ไม่กว้างอาจด้วยขนาดตัวโดยปรับเสียงไม่ได้ตามสไตล์Bose ผมค่อนข้างชอบมากกว่า SoundlinkII นะครับ แต่บางครั้งเบสออกเยอะไปนิด เร่งเสียงได้ดังแบบข้างบ้านมีบ่น
Bose SoundlinkII ให้เสียงแหลมที่เปิดมากกว่าเบสไม่ลึกเท่า และSound Stageที่กว้างกว่าเล็กน้อย เปิดดังสุดไปได้ไกลกว่าให้รายละเอียดเมื่อเสียงดังๆมากกว่าBose Soundlink Mini
ผมอัดคลิปเทียบเสียงไว้ให้นะครับ เข้าใจว่ามันคงเพี้ยนไปเมื่อฟังจากลำโพงคอมพิวเตอร์ หรือลำโพงที่เพื่อนๆใช้อยู่แต่ก็พอเทียบความต่างของเสียงเบส ความใสได้บ้างอย่างไรก็ตามผมแนะนำให้ไปลองฟังเทียบอีกทีนะครับ
สำหรับคลิป เอาใจแฟนฮอร์โมน ด้วยมิวซิคเพลงเก็บอยู่ในหัวใจของ ศิรศักดิ์ ที่มีเนื่อเสียงเปียโนและเสียงร้องที่มีไดนามิคที่เยอะ
ช่วงแรกจะเป็นเสียงจาก SoundlinkII นะครับ เปลี่ยนไปมาสลับกับ Bose Soundlink Mini ทีละท่อนครับ โดย Link ทางBluetooth ผ่านIpad
สำหรับวันนี้ฝากรีวิว ลำโพงพกพาเล็กๆนี้ให้เพื่อนๆได้ลองไปฟังดูนะครับผมถือว่าคุ้มราคาหิ้ว ถ้าถอยจากศูนย์ถือว่าแพงไปนิด
ไว้มีเวลาจะมารีวิวตัวอื่นๆให้อีกครั้งนะครับ