หลังจากเฝ้ารอละครเรื่องหนึ่งมาสักระยะตั้งแต่เริ่มเห็นภาพฟิตติ้ง ตั้งแต่ได้ทราบว่านักแสดงหลายคนแทบจะหลุดออกมาจากนิยายเล่มโปรดเล่มนั้นที่เคยอ่านมาเลยทีเดียว ภาพตัวละครหลักแทบจะซ้อนทับกันกับจินตนาการที่ถูกถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือเมื่อครั้งที่เคยอ่านเมื่อสองปีที่แล้ว จนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาการรอคอยก็ได้สิ้นสุดลง...และวันนี้ก็จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยอย่าง...Happy ending!
เมื่อนิยายเล่มโปรดกับนักแสดงที่ชื่นชอบมาด้วยกัน ละครจบแล้วก็เลยอดที่จะวิจารณ์ไม่ได้ เพราะแน่นอนว่าภาพที่เคยจินตนาการและภาพที่เห็นในหน้าจอทีวีนั้นย่อมแตกต่างกันบ้างเป็นธรรมดา มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป
จากที่เคยอ่านกระทู้ในนี้ มีหลายคนวิจารณ์ต้นรักริมรั้วในด้านลบมากกว่าด้านบวก...ยกเว้นเจ้าเคโระน้อยที่ได้คะแนนสงสารมาเต็ม ทิ้งห่างยัยบัวบ้างาน เห็นแก่ตัว และเพลียทุกขณะจิตแบบไม่เห็นฝุ่น...แม้นางจะลงทุนทิ้งงานขับรถมาง้อนายกบถึงเขาใหญ่ แต่ก็เชื่อได้ว่าหลายคนคงหมั่นไส้นางอยู่
บางครั้งก็เห็นด้วยนะกับคำวิจารณ์เหล่านั้น แต่บางขณะก็เฮ้ย มันก็ไม่ได้แย่ซะเลยทีเดียว
ส่วนตัวแล้วแม้ว่า จขกท จะชื่นชอบนิยายเรื่องนี้มากแค่ไหน แม้ว่าจะรอคอยบางฉากที่อยู่ในหนังสือแต่ก็ต้องผิดหวังที่ไม่ได้เห็นในหน้าจอทีวี กระนั้นแล้วก็ไม่ได้ผิดหวังมากมายถึงขั้นไม่ดูเลย เพราะบางส่วนในละครกลับทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ แต่บางส่วนก็กลับถูกลืมหายแบบน่าเสียดายเช่นกัน
กบ...ในนิยาย รู้ตัวเอาว่ารักเพื่อนตัวเองเอาเกือบท้ายเรื่อง (ไม่ใช่แอบรักข้างเดียวตั้งแต่ตอนแรกแบบนี้) การใกล้ชิดกันในนิยายคือความผูกพัน ความเคยชิน และชื่นชมในสิ่งที่ยัยเซ่อบัวมีแต่ตัวเองไม่มี เช่นความมีระเบียบ รักษาของที่ได้รับทุกชิ้นอย่างดีเยี่ยม สิ่งเหล่านี้ทำให้มันทำให้นิยายที่เคยอ่านมีเสน่ห์ รักค่อยๆ ซึมไปทีละนิดจนวันหนึ่งมันก็เต็มหัวใจ
กบ...ในละคร ถูกตัดส่วนของการเรียนรู้หัวใจตัวเองออกไป หลงรักบัวแบบคนดูอย่างเราก็ไม่รู้ว่าเหตุผลที่กบรักบัวคืออะไรในทีแรก รู้แค่ว่ากบรักและรักบัวมาตลอด ส่วนที่เป็นอดีต ความผูกพันของกบ บัว และย่ายอแสงถูกถ่ายทอดเพียงฉากสั้นๆ และถูกกล่าวถึงโดยกบและบัวเพียงแค่เสี้ยวของเรื่อง ทั้งๆ ที่ย่ายอแสงคือบุคคลสำคัญของกบและบัวเลยทีเดียว คุณย่าพร่ำสอนเสมอว่าให้กบและบัวรักแล้วดูแลกันและกัน ไม่มีใครดูแลกบและบัวได้ดีกว่ากบและบัวดูแลกันเอง ถึงฉากนี้จะมีในละคร แต่เป็นเพียงแค่เสี้ยวที่ทำให้คนดูอย่างเราเห็นว่ามันเป็นฉากธรรมดาฉากหนึ่งแค่นั้นเอง แต่ข้อดีในละครคือกบได้ถ่ายทอดความรู้สึกของเพื่อนที่รักเพื่อนสนิทได้เข้าถึงอารมณ์มากๆ จนทำให้ จขกท เสียน้ำตาไปหลายฉากเลยทีเดียว จนอยากบอกกลับไปว่า yeah! Fake smiling, you are a professional at that.
บัว...ในนิยาย เคยเผลอใจให้กบครั้งหนึ่งแต่กลับเห็นภาพบาดตาบาดใจ จนกลายเป็นภาพที่ฝังใจทำให้เกิดกำแพงระหว่างกบกับบัวในเรื่องของความรัก งานแต่งครั้งแรกของเธอแม้จะถูกจัดขึ้นด้วยความจำเป็น แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกันคือภาพบาดตาบาดใจนั้นนั่นเอง นั่นเป็นเหตุว่าทำไมบัวจึงคิดว่าผู้ชายอย่างติณณ์คือคนที่ใช่ เพราะบัวไม่อยากเจ็บแบบนั้นอีก บัวเป็นคนใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และบัวก็แคร์กบมากกว่าคนอื่นเสมอโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว
บัว...ในละคร นางเป็นคนบ้างานได้โล่เลยทีเดียวแต่ก็มากกว่าในนิยายเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่ที่หลายคนบ่นว่าทำไมบัวในเรื่องนี้เป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่เห็นหัวคนอื่น เป็นเพราะละครสร้างเธอให้เป็นจุดศูนย์กลางนั่นเอง อันที่จริงแล้วหากไม่มีคนช่วยนางเยอะจนวุ่นวายกันไปทั้งบาง เชื่อแน่ว่าบัวจะต้องเป็นบุคคลที่น่าสงสารคนหนึ่ง เพราะนางโดนปองร้ายด้วยสายตาและคำเชือดเฉือน (ในนิยาย) โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หรือร้ายกันโต้งๆ (ในละคร) นั่นเอง เธอไม่ผิดที่จะโทษว่าเป็นความผิดของกบ เพราะทุกอย่างที่เธอได้รับ ต้นเหตุมาจากเพื่อนข้างบ้านที่ชื่อนายกษิดิฐทั้งนั้น...แต่งานนี้เจ้าเคโระน้อยลอยนวล เพราะรักบัวจนหมดหัวใจ (ทั้งที่บัวในเรื่องก็ไม่รู้) และแอบไปนั่งช้ำใจกับตัวเองบ่อยๆ สายตาเศร้าๆ ทำให้โกรธไม่ลง
อีกคนที่จะไม่หยิบยกมาก็คงจะทำร้ายตัวละครในดวงใจมากเกินไป
โยสิตา...สั้นๆ ง่ายๆ ในนิยายเธอไม่ใช่นางร้ายวี้ดว้ายกระตู้หู้ทั่วไปนั่นเอง เธอแค่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนหนึ่งมีดีอย่างไรจึงทำให้คนที่เธอรักไม่รักเธอ วิธีการอันชาญฉลาด และคำพูดบางคำในนิยายทำให้หลงรักเธอได้ไม่ยาก และสิ่งที่น่านับถือน้ำใจมากที่สุดคือการยอมรับในตัวบัว และรักกบเกินกว่าที่จะทำให้กบเสียใจนั่นเอง (จุดจบในละครก็ทำได้ดีในจุดนี้ไม่แพ้กัน) ไม่แปลกนักที่คุณอนุกาจะประทับใจและอยากให้แต่งงานกับติณณ์
โยสิตา...ในละครคือแตงกวาผู้หญิงที่กบเคยแอบเหล่มาติวภาษาอังกฤษเมื่อตอนเด็กให้แค่นั้นเอง เพราะนิสัยเหมือนเด็กๆ อยากได้อะไรก็ต้องได้ อยากเอาชนะ สุดยอดของคุณหนูเอาแต่ใจ แต่หลายคนในนี้ก็แอบเชียร์นางใช่หรือไม่ 555 แม้แต่ จขกท เองก็แอบเชียร์ในบางครั้ง แต่นั่นก็เป็นคนดูอย่างเรารู้อยู่แก่ใจดีว่าพระเอกผู้น่าสงสารจะไม่ตกหลุมพรางนางอย่างแน่นอน และคนดูอย่างเราก็อยากใช้นางเป็นแก้แค้นคนที่ทำร้ายจิตใจคนที่เรารัก (อิกบ) แค่นั้นเอง เชื่อเหอะว่า 90% ก็ไม่มีใครเข้าข้างนางจริงๆ หรอก
เขียนมาเสียเนิ่นนาน นั่นคือสิ่งที่แตกต่างระหว่างนิยายกับละครที่หยิบยกมาแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนสิ่งที่ประทับใจในละครก็มีไม่น้อย นอกจากฉากน่ารักของกบและบัวที่เข้าถึงอารมณ์ให้จิกหมอนได้แล้ว ก็ยังมีความน่ารักของเพื่อนบ้านทั้งสอง ฉากใส่บาตร ฉากไปกินข้าวอีกบ้าน นี่คือสิ่งที่มีเสน่ห์ของสังคมไทยที่หลายคนอาจจะไม่เคยได้สัมผัส การปรับเปลี่ยนบทของปภพและดารินทร์ทำให้ได้มุมมองในเรื่องของครอบครัวมากขึ้น การทำให้ติณณ์เป็นสุภาพบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง
ฉากในเรื่องนี้บอกได้เลยว่ากินขาด สวยมากทุกฉาก ออฟฟิศของกบ ออฟฟิศของบัว ทะเล เขาใหญ่ บ้านกบ บ้านบัว บ้านสวน และอื่นๆ บวกกับมุมกล้องที่ให้มิติในหลายๆ ฉากแล้ว ภาพที่ออกมาในเรื่องนี้เรียกว่าสบายตาและสบายใจเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
นักแสดง...กบกับบัวตอนอ่านนิยายคือหมากและคิม แม้ว่าตอนนั้นยังติดภาพที่ทั้งสองคนยังเป็นดินกับน้ำในสี่หัวใจแห่งขุนเขาก็ตาม และทั้งสองก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลย หมากคือกบจริงๆ ส่วนคิมประทับใจก็แสดงได้มีมิติดีจนคนดูอินเกลียดนางไปทั้งบางและสงสารกบที่นางงี่เง่าไม่รู้ใจตัวเองสักที
สรุปแล้วเรื่องนี้แม้จะไม่เป็นไปตามที่จินตนาการไว้มากนัก แต่ก็ยกให้เป็นละครที่สนุกเรื่องหนึ่ง ขอบคุณที่ทำให้ยิ้มและร้องไห้ไปกับกบและบัว
ปล. ข้อคิดส่งท้ายที่ได้มาจากละครเรื่องนี้ หากคุณมียาแก้ไออยู่ในมือ เก็บไว้ให้ดีๆ เพราะถ้าหาย คุณอาจได้เป็นเจ้าบ่าวและงานแต่งก็จะเกิดแบบไม่ตั้งตัวเลยทีเดียว ^ ^
[ต้นรักริมรั้ว]จากนิยายสุดโปรด...ถูกถ่ายทอดผ่านพระนางที่ชื่นชอบ
เมื่อนิยายเล่มโปรดกับนักแสดงที่ชื่นชอบมาด้วยกัน ละครจบแล้วก็เลยอดที่จะวิจารณ์ไม่ได้ เพราะแน่นอนว่าภาพที่เคยจินตนาการและภาพที่เห็นในหน้าจอทีวีนั้นย่อมแตกต่างกันบ้างเป็นธรรมดา มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป
จากที่เคยอ่านกระทู้ในนี้ มีหลายคนวิจารณ์ต้นรักริมรั้วในด้านลบมากกว่าด้านบวก...ยกเว้นเจ้าเคโระน้อยที่ได้คะแนนสงสารมาเต็ม ทิ้งห่างยัยบัวบ้างาน เห็นแก่ตัว และเพลียทุกขณะจิตแบบไม่เห็นฝุ่น...แม้นางจะลงทุนทิ้งงานขับรถมาง้อนายกบถึงเขาใหญ่ แต่ก็เชื่อได้ว่าหลายคนคงหมั่นไส้นางอยู่
บางครั้งก็เห็นด้วยนะกับคำวิจารณ์เหล่านั้น แต่บางขณะก็เฮ้ย มันก็ไม่ได้แย่ซะเลยทีเดียว
ส่วนตัวแล้วแม้ว่า จขกท จะชื่นชอบนิยายเรื่องนี้มากแค่ไหน แม้ว่าจะรอคอยบางฉากที่อยู่ในหนังสือแต่ก็ต้องผิดหวังที่ไม่ได้เห็นในหน้าจอทีวี กระนั้นแล้วก็ไม่ได้ผิดหวังมากมายถึงขั้นไม่ดูเลย เพราะบางส่วนในละครกลับทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ แต่บางส่วนก็กลับถูกลืมหายแบบน่าเสียดายเช่นกัน
กบ...ในนิยาย รู้ตัวเอาว่ารักเพื่อนตัวเองเอาเกือบท้ายเรื่อง (ไม่ใช่แอบรักข้างเดียวตั้งแต่ตอนแรกแบบนี้) การใกล้ชิดกันในนิยายคือความผูกพัน ความเคยชิน และชื่นชมในสิ่งที่ยัยเซ่อบัวมีแต่ตัวเองไม่มี เช่นความมีระเบียบ รักษาของที่ได้รับทุกชิ้นอย่างดีเยี่ยม สิ่งเหล่านี้ทำให้มันทำให้นิยายที่เคยอ่านมีเสน่ห์ รักค่อยๆ ซึมไปทีละนิดจนวันหนึ่งมันก็เต็มหัวใจ
กบ...ในละคร ถูกตัดส่วนของการเรียนรู้หัวใจตัวเองออกไป หลงรักบัวแบบคนดูอย่างเราก็ไม่รู้ว่าเหตุผลที่กบรักบัวคืออะไรในทีแรก รู้แค่ว่ากบรักและรักบัวมาตลอด ส่วนที่เป็นอดีต ความผูกพันของกบ บัว และย่ายอแสงถูกถ่ายทอดเพียงฉากสั้นๆ และถูกกล่าวถึงโดยกบและบัวเพียงแค่เสี้ยวของเรื่อง ทั้งๆ ที่ย่ายอแสงคือบุคคลสำคัญของกบและบัวเลยทีเดียว คุณย่าพร่ำสอนเสมอว่าให้กบและบัวรักแล้วดูแลกันและกัน ไม่มีใครดูแลกบและบัวได้ดีกว่ากบและบัวดูแลกันเอง ถึงฉากนี้จะมีในละคร แต่เป็นเพียงแค่เสี้ยวที่ทำให้คนดูอย่างเราเห็นว่ามันเป็นฉากธรรมดาฉากหนึ่งแค่นั้นเอง แต่ข้อดีในละครคือกบได้ถ่ายทอดความรู้สึกของเพื่อนที่รักเพื่อนสนิทได้เข้าถึงอารมณ์มากๆ จนทำให้ จขกท เสียน้ำตาไปหลายฉากเลยทีเดียว จนอยากบอกกลับไปว่า yeah! Fake smiling, you are a professional at that.
บัว...ในนิยาย เคยเผลอใจให้กบครั้งหนึ่งแต่กลับเห็นภาพบาดตาบาดใจ จนกลายเป็นภาพที่ฝังใจทำให้เกิดกำแพงระหว่างกบกับบัวในเรื่องของความรัก งานแต่งครั้งแรกของเธอแม้จะถูกจัดขึ้นด้วยความจำเป็น แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกันคือภาพบาดตาบาดใจนั้นนั่นเอง นั่นเป็นเหตุว่าทำไมบัวจึงคิดว่าผู้ชายอย่างติณณ์คือคนที่ใช่ เพราะบัวไม่อยากเจ็บแบบนั้นอีก บัวเป็นคนใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และบัวก็แคร์กบมากกว่าคนอื่นเสมอโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว
บัว...ในละคร นางเป็นคนบ้างานได้โล่เลยทีเดียวแต่ก็มากกว่าในนิยายเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่ที่หลายคนบ่นว่าทำไมบัวในเรื่องนี้เป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่เห็นหัวคนอื่น เป็นเพราะละครสร้างเธอให้เป็นจุดศูนย์กลางนั่นเอง อันที่จริงแล้วหากไม่มีคนช่วยนางเยอะจนวุ่นวายกันไปทั้งบาง เชื่อแน่ว่าบัวจะต้องเป็นบุคคลที่น่าสงสารคนหนึ่ง เพราะนางโดนปองร้ายด้วยสายตาและคำเชือดเฉือน (ในนิยาย) โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หรือร้ายกันโต้งๆ (ในละคร) นั่นเอง เธอไม่ผิดที่จะโทษว่าเป็นความผิดของกบ เพราะทุกอย่างที่เธอได้รับ ต้นเหตุมาจากเพื่อนข้างบ้านที่ชื่อนายกษิดิฐทั้งนั้น...แต่งานนี้เจ้าเคโระน้อยลอยนวล เพราะรักบัวจนหมดหัวใจ (ทั้งที่บัวในเรื่องก็ไม่รู้) และแอบไปนั่งช้ำใจกับตัวเองบ่อยๆ สายตาเศร้าๆ ทำให้โกรธไม่ลง
อีกคนที่จะไม่หยิบยกมาก็คงจะทำร้ายตัวละครในดวงใจมากเกินไป
โยสิตา...สั้นๆ ง่ายๆ ในนิยายเธอไม่ใช่นางร้ายวี้ดว้ายกระตู้หู้ทั่วไปนั่นเอง เธอแค่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนหนึ่งมีดีอย่างไรจึงทำให้คนที่เธอรักไม่รักเธอ วิธีการอันชาญฉลาด และคำพูดบางคำในนิยายทำให้หลงรักเธอได้ไม่ยาก และสิ่งที่น่านับถือน้ำใจมากที่สุดคือการยอมรับในตัวบัว และรักกบเกินกว่าที่จะทำให้กบเสียใจนั่นเอง (จุดจบในละครก็ทำได้ดีในจุดนี้ไม่แพ้กัน) ไม่แปลกนักที่คุณอนุกาจะประทับใจและอยากให้แต่งงานกับติณณ์
โยสิตา...ในละครคือแตงกวาผู้หญิงที่กบเคยแอบเหล่มาติวภาษาอังกฤษเมื่อตอนเด็กให้แค่นั้นเอง เพราะนิสัยเหมือนเด็กๆ อยากได้อะไรก็ต้องได้ อยากเอาชนะ สุดยอดของคุณหนูเอาแต่ใจ แต่หลายคนในนี้ก็แอบเชียร์นางใช่หรือไม่ 555 แม้แต่ จขกท เองก็แอบเชียร์ในบางครั้ง แต่นั่นก็เป็นคนดูอย่างเรารู้อยู่แก่ใจดีว่าพระเอกผู้น่าสงสารจะไม่ตกหลุมพรางนางอย่างแน่นอน และคนดูอย่างเราก็อยากใช้นางเป็นแก้แค้นคนที่ทำร้ายจิตใจคนที่เรารัก (อิกบ) แค่นั้นเอง เชื่อเหอะว่า 90% ก็ไม่มีใครเข้าข้างนางจริงๆ หรอก
เขียนมาเสียเนิ่นนาน นั่นคือสิ่งที่แตกต่างระหว่างนิยายกับละครที่หยิบยกมาแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนสิ่งที่ประทับใจในละครก็มีไม่น้อย นอกจากฉากน่ารักของกบและบัวที่เข้าถึงอารมณ์ให้จิกหมอนได้แล้ว ก็ยังมีความน่ารักของเพื่อนบ้านทั้งสอง ฉากใส่บาตร ฉากไปกินข้าวอีกบ้าน นี่คือสิ่งที่มีเสน่ห์ของสังคมไทยที่หลายคนอาจจะไม่เคยได้สัมผัส การปรับเปลี่ยนบทของปภพและดารินทร์ทำให้ได้มุมมองในเรื่องของครอบครัวมากขึ้น การทำให้ติณณ์เป็นสุภาพบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง
ฉากในเรื่องนี้บอกได้เลยว่ากินขาด สวยมากทุกฉาก ออฟฟิศของกบ ออฟฟิศของบัว ทะเล เขาใหญ่ บ้านกบ บ้านบัว บ้านสวน และอื่นๆ บวกกับมุมกล้องที่ให้มิติในหลายๆ ฉากแล้ว ภาพที่ออกมาในเรื่องนี้เรียกว่าสบายตาและสบายใจเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
นักแสดง...กบกับบัวตอนอ่านนิยายคือหมากและคิม แม้ว่าตอนนั้นยังติดภาพที่ทั้งสองคนยังเป็นดินกับน้ำในสี่หัวใจแห่งขุนเขาก็ตาม และทั้งสองก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลย หมากคือกบจริงๆ ส่วนคิมประทับใจก็แสดงได้มีมิติดีจนคนดูอินเกลียดนางไปทั้งบางและสงสารกบที่นางงี่เง่าไม่รู้ใจตัวเองสักที
สรุปแล้วเรื่องนี้แม้จะไม่เป็นไปตามที่จินตนาการไว้มากนัก แต่ก็ยกให้เป็นละครที่สนุกเรื่องหนึ่ง ขอบคุณที่ทำให้ยิ้มและร้องไห้ไปกับกบและบัว
ปล. ข้อคิดส่งท้ายที่ได้มาจากละครเรื่องนี้ หากคุณมียาแก้ไออยู่ในมือ เก็บไว้ให้ดีๆ เพราะถ้าหาย คุณอาจได้เป็นเจ้าบ่าวและงานแต่งก็จะเกิดแบบไม่ตั้งตัวเลยทีเดียว ^ ^