http://pantip.com/topic/31030428/comment15-1 อ้างอิงจากกระทู้นี้ในความเห็นที่ 9
เออ ไม่คิดว่าสิ่งที่คุณเขียน มันไม่มีเหตุผล มันจับต้นชนปลายไม่ได้เหรอครับ ผมอ่านรอบเดียวผมยังเห็น ความสับสน ในประโยคเลย
1. คุณว่าคุณเชื่อทุกอย่าง ในพระไตรปิฎก แล้ว พระพุทธเจ้าสอนว่า อย่าปลงใจเชื่อ
( คุณจะทำไงครับ หรือ ต้องหาข้ออ้างหลอกตัวเอง ว่ากาลามสูตร สอนชาวกาละ ไม่ได้สอนเรา )
2. คุณบอกคุณจะเชื่อ จนกว่าคุณจะพบข้อพิสูจณ์ว่ามันไม่จริง
( แล้วเมื่อไรคุณจะรู้ว่ามันไม่จริง เมื่อคุณเริ่มด้วยการปลงใจเชื่อไปแล้ว คุณจะกล้ายอมรับความจริงเหรอ ถ้ามันขัดกับสิ่งที่คุณ ปลงใจเชื่อ เหมือนที่คุณ ไม่กล้ายอมรับ ความจริง ในกาลามสูตร 10 )
3.คุณบอกว่า ถ้ายังไม่รู้อะไร ก็ปลงใจเชื่อไปก่อน ก็ยังไม่สาย
( แล้วถ้าไม่เชื่อ มันจะสายตรงไหน รู้แค่ไหนก็แค่นั้น เข้าใจแค่ไหนก็แค่นั้น จะต้องไปเชื่อให้มันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา บอกผมหน่อย )
4. คุณว่าผมหลับหูหลับตาเชื่อ ในสิ่งที่ตนเชื่อ แล้วด่ากราดคนอื่นนั้น มันไม่ทำให้อะไรเจริญ
( ข้อนี้คุณไม่เอะใจเหรอ ว่าคุณกำลังว่าตนเอง เพราะผมยืนยันนั่งยัน ว่าให้ใช้ความเข้าใจ แล้วผมก็ไม่เคยบอกให้เชื่อผม ผมมีแต่บอกว่าให้ไปทำความเข้าใจกันเอง เพราะ พระพุทธเจ้า สอนไว้ชัด ว่า อย่าปลงใจเชื่อ มันโง่ มันบ๊องตื้น ถ้าคุณโกรธผม เพราะคำนี้ ก็อยากจะอธิบายว่า ทั้งผม และ พระพุทธเจ้า ไม่ได้เจตนาด่าใครโง่ บ๊องตื้น แต่เจตนา ชี้ให้เห็น โทษ ของการปลงใจเชื่อ มันทำให้โง่ )
5.ผมได้อ่าน ได้พิจารณา ได้ไตร่ตรองดีแล้ว จึงพบว่าการเชื่อ และปฏิบัติตามในพระไตรปิฎกเถรวาทนั้น มีแต่ความเจริญ
( มาข้อนี้ คุณก็ยอมรับ ในความเห็นผม และ หลักกาลามสูตร 10 ว่า ต้องพิจารณา ไตร่ตรอง เรียกง่ายๆ ว่าทำความเข้าใจ จึงพบว่า พระไตรปิฎก ทำให้เจริญ สรุป คุณก็ยอมรับ ว่า อย่าปลงใจเชื่อ ต้องใช้ ความเข้าใจ หรือ ผมเข้าใจผิดตรงไหน )
ขอชวนคุณ oioo คุยเรื่องกาลามสูตร 10 ต่อนะครับ
เออ ไม่คิดว่าสิ่งที่คุณเขียน มันไม่มีเหตุผล มันจับต้นชนปลายไม่ได้เหรอครับ ผมอ่านรอบเดียวผมยังเห็น ความสับสน ในประโยคเลย
1. คุณว่าคุณเชื่อทุกอย่าง ในพระไตรปิฎก แล้ว พระพุทธเจ้าสอนว่า อย่าปลงใจเชื่อ
( คุณจะทำไงครับ หรือ ต้องหาข้ออ้างหลอกตัวเอง ว่ากาลามสูตร สอนชาวกาละ ไม่ได้สอนเรา )
2. คุณบอกคุณจะเชื่อ จนกว่าคุณจะพบข้อพิสูจณ์ว่ามันไม่จริง
( แล้วเมื่อไรคุณจะรู้ว่ามันไม่จริง เมื่อคุณเริ่มด้วยการปลงใจเชื่อไปแล้ว คุณจะกล้ายอมรับความจริงเหรอ ถ้ามันขัดกับสิ่งที่คุณ ปลงใจเชื่อ เหมือนที่คุณ ไม่กล้ายอมรับ ความจริง ในกาลามสูตร 10 )
3.คุณบอกว่า ถ้ายังไม่รู้อะไร ก็ปลงใจเชื่อไปก่อน ก็ยังไม่สาย
( แล้วถ้าไม่เชื่อ มันจะสายตรงไหน รู้แค่ไหนก็แค่นั้น เข้าใจแค่ไหนก็แค่นั้น จะต้องไปเชื่อให้มันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา บอกผมหน่อย )
4. คุณว่าผมหลับหูหลับตาเชื่อ ในสิ่งที่ตนเชื่อ แล้วด่ากราดคนอื่นนั้น มันไม่ทำให้อะไรเจริญ
( ข้อนี้คุณไม่เอะใจเหรอ ว่าคุณกำลังว่าตนเอง เพราะผมยืนยันนั่งยัน ว่าให้ใช้ความเข้าใจ แล้วผมก็ไม่เคยบอกให้เชื่อผม ผมมีแต่บอกว่าให้ไปทำความเข้าใจกันเอง เพราะ พระพุทธเจ้า สอนไว้ชัด ว่า อย่าปลงใจเชื่อ มันโง่ มันบ๊องตื้น ถ้าคุณโกรธผม เพราะคำนี้ ก็อยากจะอธิบายว่า ทั้งผม และ พระพุทธเจ้า ไม่ได้เจตนาด่าใครโง่ บ๊องตื้น แต่เจตนา ชี้ให้เห็น โทษ ของการปลงใจเชื่อ มันทำให้โง่ )
5.ผมได้อ่าน ได้พิจารณา ได้ไตร่ตรองดีแล้ว จึงพบว่าการเชื่อ และปฏิบัติตามในพระไตรปิฎกเถรวาทนั้น มีแต่ความเจริญ
( มาข้อนี้ คุณก็ยอมรับ ในความเห็นผม และ หลักกาลามสูตร 10 ว่า ต้องพิจารณา ไตร่ตรอง เรียกง่ายๆ ว่าทำความเข้าใจ จึงพบว่า พระไตรปิฎก ทำให้เจริญ สรุป คุณก็ยอมรับ ว่า อย่าปลงใจเชื่อ ต้องใช้ ความเข้าใจ หรือ ผมเข้าใจผิดตรงไหน )