วีซ่าที่แตกต่างแต่เติมเต็ม WAT, WAS and WAH

ดีใจจนน้ำตาจะไหล เมื่อได้มาซึ่งวีซ่า WAH หรือ Work and Holiday Visa

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ สำนักส่งเสริมและพิทักษ์เยาวชน (สท) ที่มีโครงการดีๆแบบนี้

จะกล่าวย้อนหลังไปอึดใจเดียว ขอแนะนำตัวตนที่แท้จริงให้ชาวโลกได้รู้จัก

ฉัน ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศมาก่อน แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้าน ก็ไม่เคยไปเหยียบ

จนมาวันนึง เดินผ่านป้ายประกาศ ในรั้วมหาวิทยาลัย Work and Travel in USA

เอิ่ม ด้วยความฝังใจตั้งแต่ตอนม. 2 ที่มีโอกาส สอบได้ โครงการ ไปอังกฤษ 8 สัปดาห์

แต่ต้องจ่ายเงินสูงถึง 80,000 บาท ซึ่ง พ่อแม่ คิดว่า ยังเด็กไป และค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

จึงเก็บกดว่า ต่อไปนี้จะไม่สมัครอะไรอีกแล้ว ด้วยความเอาแต่ใจ

แต่เหมือนสวรรค์จะส่ง WAT มาเบิกทางให้ฉันได้โบยบิน ในที่สุดก็ได้ออกนอกประเทศ สมใจอยาก

ภาษาอังกฤษ บอกตรงๆ เก่งแต่ในหนังสือ ในชั้นเรียน นอกห้องเรียน ฉัน ไม่รู้อะไรเลย

ปลอบตัวเองทุกครั้ง ว่า ถ้า ตู เก่ง คงไม่ต้องไปเมืองนอกหรอก แต่นี่เพราะตูไม่เก่ง ไง ถึงต้องขวนขวาย กระตุ้นตัวเองให้ไป

ถ้าพูดได้ เรียนเก่ง ทำงานที่ไทยก็ได้มั้ง ไม่ต้องไปเรียนเมืองนอกหรอก เสียดายตัง

การไป WAT ทำให้ฉันได้ประสบการณ์แปลกใหม่มากมาย ที่หาไม่ได้จากในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ

มันทำให้ฉันได้รู้ จักคนเยอะขึ้น ได้เรียนรู้วัฒนธรรม ที่แตกต่าง ที่สำคัญ อาจจะได้รู้ใจตัวเอง ว่าที่เรียนมาตลอด สิบเจ็ดปี

อาจจะไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของฉันเลย

การไป WAT ทำให้ฉัน ค้นพบว่า เงิน หายากแค่ไหน อยู่เมืองไทย จะใช้เท่าไหร่ แค่แบมือ แต่ไปอยู่อเมริกา ค่าครองชีพแพง

ค่ากินแพง สั่งผัดไท จานนึง สี่ ห้าร้อย กินไม่ได้เรื่องอีกต่างหาก แต่นั่น ก็สอนให้ฉันรู้จักหาเงิน และ รู้จักใช้อย่างประหยัด

WAT ทำให้ฉันรู้ว่า ทำงาน Job เดียว ไม่หลุดทุน ที่จ่ายไป เกือบ 100000 บาท ไม่รวม เงินติดตัวที่เอามา ต้องกระยิ้มกระสน

หางาน Job สอง ยอมทำงานวันละ 10 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 วัน พูดง่ายๆทำทุกวันอ่ะ 10 ชม. หรือมากกว่า ก็ยอมทำ เพื่อเงิน

เมื่อได้เงินมา ตอนนั้น คูณ สามสิบเข้าไป รู้สึกอะ ว่าชีวีต มีคุณค่าขึ้นเยอะ อยากได้อะไร ก็ไม่ต้องขออนุมัติจากพ่อแม่แล้ว

เราหาเงินได้เองแล้วว่ะ ซึ้งใจ คราวนี้หาเงินเองได้ เชื่อไหม ว่าความงก ก็ติดตัวมาเร็วกว่าจรวดซะอีก เมื่อก่อนไม่เคยรู้จักคุณค่าของเงิน

หลังจากทำงานหนัก แลกเงิน ตอนนี้รู้ซึ้งแล้ว แต่ใช่ว่าจะประหยัดจน ต้องกินมาม่าที่แบกไปทุกวันหรอกนะ เงินที่เหลือจากการคืนพ่อแม่

เราก็เอาเงินนั้นแหละ ไปเที่ยว ตามสถานที่ต่างๆ ไปเล่นสกี ไปเที่ยว  Seattle, Yellow stone อะไรหลายๆอย่าง

อีกอย่าง ต้องขอบคุณเจ้าของร้าน ใจดี ที่นอกจากจะให้งานทำ ให้เงินใช้แล้วยังส่ง ฉันไป เรียนภาษาเพิ่มเติมอีกต่างหาก ขอบคุณจริงๆ

มาต่อกันที่ WAS หรือ Work and study ที่ออสเตรเลีย

หลังจากกลับมาจาก อเมริกา ได้ไม่ถึงปี ทำงานเมืองไทยได้เงินเดือนละ 12,000 บาท เริ่มจะรู้ตัวว่า ไม่พอกิน ทำที่อเมริกา สี่เดือน ได้สอง

แสน นี่หักค่าใช้จ่ายแล้วนะ ทำงานเมืองไทย สิบเดือน ได้แสนกว่า หักค่าใช้จ่ายหมด เผลอๆ จะเป็นหนี้เพิ่มอีก เอาไงดีละ ลองหาข้อมูล

ตามเวปต่างๆ หาทางไปนอก แต่คราวนี้ไปแล้วต้องได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง สี่เดือนภาษาอังกฤษ ยังไม่ทันได้แตกฉานเลย

อืม หาไปหามา ลงตัวที่ออสเตรเลีย เรียนด้วยทำงานด้วย ได้ อืม ลองกันสักตั้ง ขอตังพ่อแม่ไปเลย ก้อนแรก 250,000 บาท ค่าเรียน หนึ่งปี

รวมเงินติดตัว เนื่องจาก ตอนนั้นอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 22 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์ และค่าเรียนยังถือว่าถูกมาก กว่าปัจจุบัน จึงลงทุนไปดัง

ราคาข้างต้น หากเป็นตอนนี้ คงต้องเช็คราคากันดูใหม่ สองปี แปดเดือน ที่ซิดนีย์ ประสบการณ์ดีๆ ที่ทำให้ฉันหาตัวเองจนเจอ

ฉัน ลงคอร์ส เรียน ภาษา ห้าเดือน ตามด้วย เซอร์ บริหาร หกเดือน ตามด้วย เซอร์ บัญชี อีกหกเดือน ตามด้วย เซอร์ทัวร์ริส อีกหกเดือน

และสุดท้าย ฉันก็หาตัวเองจนเจอที่ เซอร์ การสอนภาษาอังกฤษ อืม ตลอด ยี่สิบปี ไม่เคยรู้เลยใช่ไหม ว่าชอบเป็นครู 555+++

สุดท้าย เวลาก็จะบอก ว่าเราเหมาะกับอะไร

พูดเรื่องเรียนไปแล้ว งานละ หายากไหม จะถูกหลอกไหม คนทุกคน ฉันเชื่อว่า ไม่มีใครไม่เคยโง่ อยู่ที่ว่า โง่แล้วจะโง่ซ้ำซากหรือเปล่า

แค่นั้นเอง ฉัน นะเหรอ เริ่มงาน แรก ไปเป็นเด็ก เสิร์ฟ ร้านอาหารไทย ทำได้สามวัน ลาออก ทำไม่ได้ ไม่ใช่ไม่สู้งาน แต่ แมร่ง จ้างตู

มา ฝึกงาน สามวัน ไม่ให้ตังสักบาท ยังไม่พอ ฉันทำตำแหน่ง ล้างจาน หั่นผัก แคชเชียร์ เสิร์ฟ เก็บโต๊ะ ในคนๆเดียว บอกตรงๆ

กูเหนื่อย แต่เป็นประสบการณ์ที่ดี ทำให้รู้ว่า เวลาจะทำงาน ก่อนอื่นควรสอบถามรายละเอียดให้ดีก่อน ไม่ใช่ เห็นว่าได้งานแน่

ก็เอาว่ะ งานหนัก เงินไม่ได้ ก็ทำ แบบนี้ก็ไม่ใช่ ดีตรงมีข้าวกินฟรีนี่แหละ

งานต่อไป เลี้ยงเด็ก ทำความสะอาดบ้าน อืม ได้อยู่ฟรี กินฟรี ได้เงิน วีคละ 200 เหรียญ ค่ารถเจ้าของบ้านออกให้

แต่ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า และกลับบ้านได้ รถเมล์เที่ยวสุดท้าย 4 โมงเย็น ไม่มีอะไรเพอเฟกซ์ จริงๆ แต่ฉันก็ทำ อยู่อย่างนี้ 4 เดือน

พร้อมกันนี้ ยังทำงานจ๊อบสอง เป็นเด็กเสิร์ฟ ศ ส อ ที่ร้านอาหารไทยอีกด้วย

วีรกรรมสุดแสบ คือ ทอดไก่ แล้ว ไฟไหม้ เครื่องดูดควันที่บ้าน เค้า แต่ดี ที่เค้าไม่เก็บเงิน ค่าเสียหาย แต่มาโกงฉันทีเดียว

ตอนฉันออกจากงาน นางเจ้าของบ้าน ไม่จ่ายเงินค่าจ้าง 800 เหรียญ

แต่ก็เอาว่ะ คิดว่าฟาดเคราะห์ไป สุดท้าย ก็ออกมาหางานใหม่ เป็นงานเดินแจกใบปลิว เหมือนจะง่าย และมันก็ไม่ยากมากจริงๆด้วย

แค่เอาใบเมนู ร้านอาหาร ใส่กระเป๋า เป้ 1000 ใบ แล้วเดินแจกตามบ้านคน หลังละใบ ให้เวลาประมาณ 4 - 5 ชั่วโมง

ถ้าวันไหนโชคดี ได้พื้นที่ที่ เต็มไปด้วยอพาร์ทเม้น เงิน 50 เหรียญ ก็ได้มาไม่ยาก แต่วันไหน โชคไม่เข้าข้าง เดินเจอบ้านติดชายทะเล

บ้านคนหลังใหญ่ๆ ละคุณเอ๋ย เหมือนจะตายให้ได้ แต่สุดท้าย งานนี้ ก็เป็นงานหากินของฉัน

ถัดมา เดินแจกใบปลิว ไปหลายๆร้าน ก็ได้มีโอกาส ทำงาน เสิร์ฟ บ้างละ หั่นผัก บ้าง อะไรบ้าง จนจับพลัดจับผลู ได้มา เป็นรีเซฟชั่น

ร้านนวด ก็เพราะเดินแจกใบปลิว พี่เจ้าของร้านก็ให้ไปเรียนนวด แนะเห็นไหม ได้เรียนนวดแผนไทย จนได้ใบประกาศ จากออสเตรเลีย

เวลาว่างๆ เจ้าของร้าน และพนักงาน ก็สอนนวด ให้จน ฉัน ได้ฉายา ว่า แคทวอร์ค

และได้ประกอบอาชีพ หมอนวด หรือ Spa therapist เป็นงานหลัก ฝึกฝีมือกันจน ได้ครึ่งหนึ่งของระดับเทพ

ก็ขยับขยายไปร้านที่ได้เงินดี ขึ้นเรื่อยๆ บางวันได้รายได้รวมทิป 500 - 600 เหรียญก็เคยมาแล้ว

หลังจากนั้นนะเหรอ ก็รับจ๊อบอื่น อย่างเช่น แพ็คนิตยสาร จ่าหน้าซองจดหมาย ทำความสะอาด อาคาร ห้องน้ำ บ้าน คน

อะไรก็ตามแต่ งานที่ถูกกฏหมาย ได้ตังค์มาจุนเจือค่าเทอม ค่ากินอยู่ พอเหลือเก็บบ้าง ฉันก็ทำ

ทุกงาน ล้วนสอนให้ฉันเติบโตขึ้นทั้งสิ้น พอเริ่มรู้จักคนมากขึ้น ก็เริ่ม หาคนไทย ไปเรียนต่อออส

เหมือนเป็นสายให้เอเจ้น บ้าง ทำรถรับส่งบ้าง หางานให้เค้าทำ บ้าง ไม่มีค่านายหน้า แอบแฝงบอกเลย

พอเริ่มรู้จักคนมากขึ้น ก็ค่อยๆ รวมตัวกันเช่าบ้าน ขึ้นมาเอง แชร์กัน อยู่ จน เริ่ม อยู่ตัว จึง หาห้อง ปล่อยให้เค้าเช่า ไปเรื่อยๆ

หลังๆ เริ่มทำไม่ไหว หลายงานพร้อมกัน เรียนด้วยทำงานด้วย 7 วันไม่ได้หยุด จนต้องขายกิจการไป

แล้วกลับมารับจ้างทำงาน เหมือนเดิม เรื่องนี้ก็สอนให้รู้ว่า ขึ้นไปยืนจุดสูงสุดได้ ก็ต้องพร้อมกลับเข้าสู่จุดต่ำสุด

แต่ด้วยประสบการณ์ ก็สามารถให้หาเงิน เลี้ยงตัวเอง ได้เหมือนเดิม แค่อย่าท้อ ต้องสู้ อย่างเดียว

อยู่เมืองนอกไม่ได้สบาย พ่อแม่ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง ให้ถลุงเล่น ชีวิตจึงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

รายได้เยอะ รายจ่ายก็สูงขึ้น แต่ก็ต้องรู้จักเก็บออม ระหว่างที่อยู่ออสเตรเลีย

ค่าใช้จ่าย ค่าบ้าน ค่ากิน อาทิตย์นึง ไม่ต่ำกว่า 200 เหรียญ นั่นหมายถึง ต้องหาเงินจากการทำงานให้ได้มากกว่านั้น

นอกจากนี้ ค่าเทอม 3 เดือน ห้าหมื่น มารออยู่ตลอด คนที่จะเอาตัวรอดได้นั้น ต้องมีความอดทนสูงจริงๆ

ประสบการ์ที่ได้มา เล่าไม่หมด ภายในสามหน้าแน่นอน และตอนนี้ ขอรอเวลาอีกแปบ ก็พร้อมที่จะไปผจญภัย ด้วยวีซ่า WAH

หรือ Work and Holiday อีกครั้ง  

หากพี่ๆ น้องๆ เพื่อน ๆ คนใดสนใจ จะหน้าไมค์ หลังไมค์ได้หมด

สุดท้าย ฝาก https://www.facebook.com/Vraussiest ไม่ได้ค่าโปรโมตอะไร แต่ตั้งใจจะช่วยเพื่อนร่วมโลกเท่านั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่