ไม่รู้ทุกท่านสังเกตกันรึป่าวนะครับ ผมรู้สึกว่าวันนี้รถโล่งเป็นพิเศษ แม้จะสายแล้วจนช่วงติดรอบเย็นก็ยังเดินทางสะดวกมากๆ
วันนี้นั่งแท็กซี่กลับบ้านครับ ผมคิดว่าผมเจอแท็กซี่มืออาชีพเข้าให้แล้วล่ะ...
จุดเริ่มต้นเริ่มจากว่า คุณลุงคนขับคุยให้ฟังว่า แกขับนี่ได้ลูกค้าตลอดนะ ไม่มีคนนั่งแกไม่ขับหรอก
คุณลุงทำให้ผมก็สนใจสิครับ แบบเจ๋งอะ ขับแล้วได้ลูกค้าตลอด ต้องมีเบื้องหลังแน่ๆ
คุณลุงบอกว่า ด้วยประสบการณ์ขับแท็กซี่มา 30 ปี แกรู้หมดแหละช่วงเวลาไหน วิ่งแล้วได้ลูกค้า ช่วงเวลาไหนไม่คุ้ม แกบอกว่า แกวิ่งเฉพาะช่วงที่ลูกค้าต้องการเยอะๆเท่านั้นแหละ ที่เหลือก็กลับเข้าบ้าน พักผ่อน
แล้วแกรู้ได้ไงว่าช่วงไหนควรวิ่งไม่ควรวิ่ง แกบอกว่า ก็วิ่งช่วงเวลาที่คนต้องการใช้เยอะๆ เวลาไหนที่คนต้องรีบ ช่วงฝนใกล้ตก หรือช่วงห้างใกล้เลิก อย่างช่วงกลางวันแกไม่วิ่งหรอก รถเยอะ แต่คนต้องการใช้น้อย เป็นช่วงเวลาที่คนขับแท็กซี่อายุมากๆมาวิ่งกันเยอะ เพราะสายตาไม่ดี ไปวิ่งกลางคืนก้ไม่ค่อยเห็น (ความรู้ใหม่เลยแหละครับ)
เพื่อนๆคิดเหมือนผมไหมครับ นี่คุณลุงแกวิ่งแบบมีกลยุทธ์ชัดๆ เรียกว่าเข้าใจตลาด เข้าใจลูกค้า ใส่พลังงานน้อย แต่ได้ผลมาก ผมคิดว่าคุณลุงเป็นคนช่างสังเกตมากทีเดียว
แล้วบางทีแท็กซี่มีหลายคันวิ่งใกล้ๆ แต่คุณลุงกลับได้ลูกค้า เพราะ คุณลุงแกรู้จักใช้การสังเกตลูกค้า แกสังเกตแม้แต่ว่า ลูกค้ามองนาฬิกา ท่าทางลุกลน แล้วแกบอกว่าแม้แต่ลูกค้าที่อยู่ในซอย แกใช้คำว่า ก็ไปล้วงออกมาได้ อย่างเช่น แกขับผ่านเห็นคนลากกระเป๋าอยู่ในซอย แกขับเลยแล้ว แกก็ถอยมาส่งสัญญาณว่า ไปไหม แล้วน่าประทับใจตรงที่แกบอกว่า ถ้าลูกค้าตอบรับ ก็โชคดี สบายทั้งคนเรียกและคนขับ ถ้าไม่ได้ลูกค้า คุณลุงก้ไม่ได้เสียเวลามากมาย เรียกว่าไม่ทิ้งโอกาสเลยครับ
แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คุณลุงพูดเองเลยว่า การบริการต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งผมก็เห็นว่าคุณลุงก็ทำจริงๆ เริ่มตั้งแต่ผมขึ้นรถ คุณลุงก็ถามก่อนเลยว่า แอร์เย็นพอดีไหม จนถึงการเลือกชลอตรงจุดหมายปลายทางเพื่อให้พอดีกับจุดที่ผมจะลง โดยเฉพาะช่วงทางเข้าหมู่บ้านของผมซึ่งคนขับแท็กซี่มักสบสันได้ง่าย คุณลุงบอกว่า ช้าหน่อยไม่เป็นไร โดยส่วนตัว ผมคิดว่าถ้าใครมีแนวคิดแบบนี้ ทำอาชีพอะไรก็มัดใจลูกค้าอยู่อะครับ
สุดท้ายมันทำให้ผมนึกถึงว่า คุณเป็นที่หนึ่งในทุกอาชีพได้จริงๆ แล้วก็นึกถึงคลิปนี้ตามมาเลยครับ

ผมคิดว่าผมเจอ แท็กซี่มืออาชีพ
วันนี้นั่งแท็กซี่กลับบ้านครับ ผมคิดว่าผมเจอแท็กซี่มืออาชีพเข้าให้แล้วล่ะ...
จุดเริ่มต้นเริ่มจากว่า คุณลุงคนขับคุยให้ฟังว่า แกขับนี่ได้ลูกค้าตลอดนะ ไม่มีคนนั่งแกไม่ขับหรอก
คุณลุงทำให้ผมก็สนใจสิครับ แบบเจ๋งอะ ขับแล้วได้ลูกค้าตลอด ต้องมีเบื้องหลังแน่ๆ
คุณลุงบอกว่า ด้วยประสบการณ์ขับแท็กซี่มา 30 ปี แกรู้หมดแหละช่วงเวลาไหน วิ่งแล้วได้ลูกค้า ช่วงเวลาไหนไม่คุ้ม แกบอกว่า แกวิ่งเฉพาะช่วงที่ลูกค้าต้องการเยอะๆเท่านั้นแหละ ที่เหลือก็กลับเข้าบ้าน พักผ่อน
แล้วแกรู้ได้ไงว่าช่วงไหนควรวิ่งไม่ควรวิ่ง แกบอกว่า ก็วิ่งช่วงเวลาที่คนต้องการใช้เยอะๆ เวลาไหนที่คนต้องรีบ ช่วงฝนใกล้ตก หรือช่วงห้างใกล้เลิก อย่างช่วงกลางวันแกไม่วิ่งหรอก รถเยอะ แต่คนต้องการใช้น้อย เป็นช่วงเวลาที่คนขับแท็กซี่อายุมากๆมาวิ่งกันเยอะ เพราะสายตาไม่ดี ไปวิ่งกลางคืนก้ไม่ค่อยเห็น (ความรู้ใหม่เลยแหละครับ)
เพื่อนๆคิดเหมือนผมไหมครับ นี่คุณลุงแกวิ่งแบบมีกลยุทธ์ชัดๆ เรียกว่าเข้าใจตลาด เข้าใจลูกค้า ใส่พลังงานน้อย แต่ได้ผลมาก ผมคิดว่าคุณลุงเป็นคนช่างสังเกตมากทีเดียว
แล้วบางทีแท็กซี่มีหลายคันวิ่งใกล้ๆ แต่คุณลุงกลับได้ลูกค้า เพราะ คุณลุงแกรู้จักใช้การสังเกตลูกค้า แกสังเกตแม้แต่ว่า ลูกค้ามองนาฬิกา ท่าทางลุกลน แล้วแกบอกว่าแม้แต่ลูกค้าที่อยู่ในซอย แกใช้คำว่า ก็ไปล้วงออกมาได้ อย่างเช่น แกขับผ่านเห็นคนลากกระเป๋าอยู่ในซอย แกขับเลยแล้ว แกก็ถอยมาส่งสัญญาณว่า ไปไหม แล้วน่าประทับใจตรงที่แกบอกว่า ถ้าลูกค้าตอบรับ ก็โชคดี สบายทั้งคนเรียกและคนขับ ถ้าไม่ได้ลูกค้า คุณลุงก้ไม่ได้เสียเวลามากมาย เรียกว่าไม่ทิ้งโอกาสเลยครับ
แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คุณลุงพูดเองเลยว่า การบริการต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งผมก็เห็นว่าคุณลุงก็ทำจริงๆ เริ่มตั้งแต่ผมขึ้นรถ คุณลุงก็ถามก่อนเลยว่า แอร์เย็นพอดีไหม จนถึงการเลือกชลอตรงจุดหมายปลายทางเพื่อให้พอดีกับจุดที่ผมจะลง โดยเฉพาะช่วงทางเข้าหมู่บ้านของผมซึ่งคนขับแท็กซี่มักสบสันได้ง่าย คุณลุงบอกว่า ช้าหน่อยไม่เป็นไร โดยส่วนตัว ผมคิดว่าถ้าใครมีแนวคิดแบบนี้ ทำอาชีพอะไรก็มัดใจลูกค้าอยู่อะครับ
สุดท้ายมันทำให้ผมนึกถึงว่า คุณเป็นที่หนึ่งในทุกอาชีพได้จริงๆ แล้วก็นึกถึงคลิปนี้ตามมาเลยครับ