[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้The Alzheimer Man
เดอะ อัลไซเมอร์แมน กับคนขี้หลงขี้ลืม ผม อายุ 23 จบมาหมาดๆจากมหาวิทยาลัย ไม่ได้สมัครงานที่ใดหรอกครับ เพราะผมเป็นคนสวนให้กับบ้านสวนแห่งหนึ่ง อยู่บนดอย ซึ่งผมเหงาและผมต้องการที่จะเล่าประสบการณ์ของเด็กที่ผ่านโลกมาได้ 20 กว่าปีให้ฟัง ผมชอบระบายประสบการณ์ความคิด เปรียบมันเหมือนกับผมได้ระบายสีอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆเมื่อครั้งยังเด็ก หวังว่าความเหงาของผมจะให้ผมได้มีเพื่อนในโลกใบนี้ ลองสักครั้งกับ Pantip
ขอบพระคุณครับ
The Alzheimer Man
คนสวน

ความรู้สึกจากหนังเรื่อง memoirs of geisha...
วันนี้คนสวนอย่างเรางัวเงียๆหลังจากการทำงานแรงงานโหด แบกปูน ผสมปูน และขนหิน เสร็จเรียบร้อย
ล้างไม้ล้างมือขัดรอยปูน จุดยากันยุง ล้างมืออีกทีและหุงข้าวรอพ่อผู้เป็นบอสใหญ่กลับมา เราทำเนื้อตัวให้สะอาดพร้อมที่จะเอนกายลงบนเตียงและหมอนอิง เสียงมาจากคอมโน๊ตบุ๊คที่เราตั้งโหลดไว้นี่นา ตือลึ้ง!! ตือลึ้ง!! ...เกอิชาโหลดเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ
อ่ะ อ่ะ ดูสักหน่อย ...แปลกนะครับ ดูแล้วเพลิน เพลินแล้วหายเพลีย พอหายเพลียแล้วก็ตั้งใจดูแบบใจจดจ่อแม้ว่าภายนอกจะเป็นภาพการเอนกายอ่อนระทวยด้วยความปลื้มจนหนังจบและนอนสลบอย่างมีความสุขที่สุดในเย็นพระอาทิตย์ที่แสนอรุรำไร
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เกอิชาคืออะไร …ใช่ ผมก็อยากรู้ เท่าที่รู้ตอนนี้คือโสเภณีญี่ปุ่น อาจจะฟังดูรุนแรงแต่ในใจมันแว๊ปออกมาแบบนี้ …ผมต้องขออภัยถ้ามันเป็นถ้อยคำที่รุนแรงเพราะผมก็รู้สึกว่ามันรุนแรงเช่นกัน แต่ผมไม่อยากฝืนใจลดหย่อนสิ่งที่อยู่ในใจจึงขอสารภาพตรงนี้ เมื่อผมดูหนังเรื่องนี้จบ กลับตาลปัดผมมีความศรัทธาและนับถือคำว่าเกอิชา หญิงสาวผู้เกิดมาเพื่อปฏิบัติเพื่อเป็นแม่บ้านอย่างไร้ถ้อยคำหรือศัพท์ที่ใช้ชื่นชมใดๆมาเทียบเคียง
"เรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องที่ควรถูกเล่า แน่นอนชีวิตของฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อจะเป็นเกอิชา" …จากจิโย่ นางโลมโลกจารึก
ฟ้าร้อง เสียงน้ำ และสายฝนสาดกระเซ็น
จิโย่เธอถูกพรากชีวิตตั้งแต่ยังวัยเยาว์พร้อมกับพี่สาวชื่อว่าคัทสึ พ่อและแม่ของเขาขาดเงินจึงขายตัวเธอทั้งสองให้กับนายหน้าขายแรงงาน ก่อนแม่เธอทั้งสองจะเสียไปเคยกล่าวไว้ว่า “พี่สาวเปรียบเสมือนต้นไม้ที่หยั่งรากลึก ส่วนฉันเปรียบเสมือนน้ำที่เซาะหิน เมื่อเจอทางตันน้ำก็จะเซาะเส้นทางใหม่”
วันแรกของการอาศัย หญิงสาวผู้มีนัยผู้มีตาสีฟ้าเธอโดนจับโยนเข้าห้องกักตัวคนใช้ เด็กเก้าขวบที่ร่ำไห้สุดชีวิตด้วยความไม่คิดฝันกับโชคชะตาที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เช้ารุ่งขึ้นเธอได้ปฏิบัติตัวเป็นคนใช้ทันที หน้าที่ของเธอคือทำความสะอาดบ้านและรับใช้คุณแม่และคัทสึโมโม่อย่างดี เธอพยายามหนีออกจากสถานที่ที่เธออยู่ทุกคนเรียกว่า “บ้าน” หลายต่อหลายครั้ง
คุณแม่ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านจึงทำให้จิโย่ติดหนี้ไปตลอด วันหนึ่งเธอนั่งเศร้าอยู่ที่สะพานน้ำ มีชายคนหนึ่งดูมีสง่า ผู้ดี ปลอบโยนเธอ และซื้อขนมให้เธอกิน
ชายผู้นั้นได้กล่าวทิ้งท้ายก่อนที่จะลาจากสาวน้อยคนนี้ไปว่า “คราวหน้าถ้าหนูหกล้มอีกล่ะก้อ อย่าทำหน้าเศร้า” …ในนาทีนั้น การเป็นเกอิชาจึงเป็นบันไดไต่เต้าไปสู่สิ่งอื่นของจิโย่ และบันไดนั่นคือชายคนนี้
…จิโย่หลงรักเขาทันที เธอได้เงินมาจากชายคนนั้น สามารถซื้อข้าวกินได้หลายมื้อ แต่จิโย่นำเงินนั้นไปทำบุญหมด อทิษฐานขอให้ได้เป็นเกอิชาพร้อมกับเจอหน้าของชายคนนั้นอีกครั้ง
และแล้วก็มีผู้อุปถรรมจิโย่ “มาเมฮา” เธอผู้มารับเลี้ยงและผันตัวจิโย่จากเป็นคนใช้กลายเป็นเกอิชาฝึกหัด เธอได้ร่ำเรียนวิชาสารพัดอย่างเพื่อก้าวย่างเข้าสู่การเป็นเกอิชา
เธอร่ำเรียนการทำให้ชายพอใจในสรีระท่าทางในการขยับร่างกายซึ่งเป็นศาสตร์แขนงเกอิชา เธอเรียนร่ายรำ เธอร่ำเรียนดนตรี แม้ยามนอนเธอก็ต้องนอนอย่างเจ็บปวด แม้ยามตื่นเธอก็ต้องปวดเท้าด้วยการเดินบนรองเท้าไม้สูงของเกอิชา การทดสอบว่าเป็นเกอิชาคือการสะกดให้ชายมองเพียงแว๊ปเดียว และแล้วเธอก็สามารถทำได้
…จำไว้นะจิโย่ “เราใช้สมองมิใช่ใช้ร่าง เกอิชาไม่ใช่โสเภณี เราไม่ใช่เมีย เราขายความสามารถไม่ได้ขายร่าง เกอิชาเป็นเหมือนศิลปินที่เคลื่อนไหวได้” …นี่คงเป็นคำตอบที่พัดพาข้อครหาทั้งหมดในใจของผมสำหรับคำว่า”เกอิชา”จริงๆ
จากนั้นจิโย่คนเดิมได้หายไป เธอมีนามใหม่ว่า”ซายูริ”
ยามที่เธอร่ายรำ ยามที่เธอรินสาเก หรือจะนั่ง นอน เดิน ทั้งหมดเธอทำเพื่อชายคนนั้น”ผู้เคยปลอบโยนจิโย่คนนั้น”
ผมภูมิใจมาก ตื้นตันกับสิ่งที่จิโย่ถ่ายทอด เกอิชาผู้น่านับถือ
ผมมองใบหน้าของจิโย่ในวัยเด็กก็นึกถึงเธอผู้เป็นที่รักของผม สายตา แก้ม จมูก และฟันของเธอ
แม้ว่าสีนัยตาไม่เหมือนกัน แต่ผมมีความรู้สึกว่าอยากสัมผัสใบหน้าของเธอ
…และมองใบหน้าเธอให้ไกล้ที่สุด
The Alzheimer Man
คนสวน
เกอิชา ผู้หญิงที่น่านับถือ (คนสวน)
ความรู้สึกจากหนังเรื่อง memoirs of geisha...
วันนี้คนสวนอย่างเรางัวเงียๆหลังจากการทำงานแรงงานโหด แบกปูน ผสมปูน และขนหิน เสร็จเรียบร้อย
ล้างไม้ล้างมือขัดรอยปูน จุดยากันยุง ล้างมืออีกทีและหุงข้าวรอพ่อผู้เป็นบอสใหญ่กลับมา เราทำเนื้อตัวให้สะอาดพร้อมที่จะเอนกายลงบนเตียงและหมอนอิง เสียงมาจากคอมโน๊ตบุ๊คที่เราตั้งโหลดไว้นี่นา ตือลึ้ง!! ตือลึ้ง!! ...เกอิชาโหลดเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ
อ่ะ อ่ะ ดูสักหน่อย ...แปลกนะครับ ดูแล้วเพลิน เพลินแล้วหายเพลีย พอหายเพลียแล้วก็ตั้งใจดูแบบใจจดจ่อแม้ว่าภายนอกจะเป็นภาพการเอนกายอ่อนระทวยด้วยความปลื้มจนหนังจบและนอนสลบอย่างมีความสุขที่สุดในเย็นพระอาทิตย์ที่แสนอรุรำไร
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เกอิชาคืออะไร …ใช่ ผมก็อยากรู้ เท่าที่รู้ตอนนี้คือโสเภณีญี่ปุ่น อาจจะฟังดูรุนแรงแต่ในใจมันแว๊ปออกมาแบบนี้ …ผมต้องขออภัยถ้ามันเป็นถ้อยคำที่รุนแรงเพราะผมก็รู้สึกว่ามันรุนแรงเช่นกัน แต่ผมไม่อยากฝืนใจลดหย่อนสิ่งที่อยู่ในใจจึงขอสารภาพตรงนี้ เมื่อผมดูหนังเรื่องนี้จบ กลับตาลปัดผมมีความศรัทธาและนับถือคำว่าเกอิชา หญิงสาวผู้เกิดมาเพื่อปฏิบัติเพื่อเป็นแม่บ้านอย่างไร้ถ้อยคำหรือศัพท์ที่ใช้ชื่นชมใดๆมาเทียบเคียง
"เรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องที่ควรถูกเล่า แน่นอนชีวิตของฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อจะเป็นเกอิชา" …จากจิโย่ นางโลมโลกจารึก
ฟ้าร้อง เสียงน้ำ และสายฝนสาดกระเซ็น
จิโย่เธอถูกพรากชีวิตตั้งแต่ยังวัยเยาว์พร้อมกับพี่สาวชื่อว่าคัทสึ พ่อและแม่ของเขาขาดเงินจึงขายตัวเธอทั้งสองให้กับนายหน้าขายแรงงาน ก่อนแม่เธอทั้งสองจะเสียไปเคยกล่าวไว้ว่า “พี่สาวเปรียบเสมือนต้นไม้ที่หยั่งรากลึก ส่วนฉันเปรียบเสมือนน้ำที่เซาะหิน เมื่อเจอทางตันน้ำก็จะเซาะเส้นทางใหม่”
วันแรกของการอาศัย หญิงสาวผู้มีนัยผู้มีตาสีฟ้าเธอโดนจับโยนเข้าห้องกักตัวคนใช้ เด็กเก้าขวบที่ร่ำไห้สุดชีวิตด้วยความไม่คิดฝันกับโชคชะตาที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เช้ารุ่งขึ้นเธอได้ปฏิบัติตัวเป็นคนใช้ทันที หน้าที่ของเธอคือทำความสะอาดบ้านและรับใช้คุณแม่และคัทสึโมโม่อย่างดี เธอพยายามหนีออกจากสถานที่ที่เธออยู่ทุกคนเรียกว่า “บ้าน” หลายต่อหลายครั้ง
คุณแม่ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านจึงทำให้จิโย่ติดหนี้ไปตลอด วันหนึ่งเธอนั่งเศร้าอยู่ที่สะพานน้ำ มีชายคนหนึ่งดูมีสง่า ผู้ดี ปลอบโยนเธอ และซื้อขนมให้เธอกิน
ชายผู้นั้นได้กล่าวทิ้งท้ายก่อนที่จะลาจากสาวน้อยคนนี้ไปว่า “คราวหน้าถ้าหนูหกล้มอีกล่ะก้อ อย่าทำหน้าเศร้า” …ในนาทีนั้น การเป็นเกอิชาจึงเป็นบันไดไต่เต้าไปสู่สิ่งอื่นของจิโย่ และบันไดนั่นคือชายคนนี้
…จิโย่หลงรักเขาทันที เธอได้เงินมาจากชายคนนั้น สามารถซื้อข้าวกินได้หลายมื้อ แต่จิโย่นำเงินนั้นไปทำบุญหมด อทิษฐานขอให้ได้เป็นเกอิชาพร้อมกับเจอหน้าของชายคนนั้นอีกครั้ง
และแล้วก็มีผู้อุปถรรมจิโย่ “มาเมฮา” เธอผู้มารับเลี้ยงและผันตัวจิโย่จากเป็นคนใช้กลายเป็นเกอิชาฝึกหัด เธอได้ร่ำเรียนวิชาสารพัดอย่างเพื่อก้าวย่างเข้าสู่การเป็นเกอิชา
เธอร่ำเรียนการทำให้ชายพอใจในสรีระท่าทางในการขยับร่างกายซึ่งเป็นศาสตร์แขนงเกอิชา เธอเรียนร่ายรำ เธอร่ำเรียนดนตรี แม้ยามนอนเธอก็ต้องนอนอย่างเจ็บปวด แม้ยามตื่นเธอก็ต้องปวดเท้าด้วยการเดินบนรองเท้าไม้สูงของเกอิชา การทดสอบว่าเป็นเกอิชาคือการสะกดให้ชายมองเพียงแว๊ปเดียว และแล้วเธอก็สามารถทำได้
…จำไว้นะจิโย่ “เราใช้สมองมิใช่ใช้ร่าง เกอิชาไม่ใช่โสเภณี เราไม่ใช่เมีย เราขายความสามารถไม่ได้ขายร่าง เกอิชาเป็นเหมือนศิลปินที่เคลื่อนไหวได้” …นี่คงเป็นคำตอบที่พัดพาข้อครหาทั้งหมดในใจของผมสำหรับคำว่า”เกอิชา”จริงๆ
จากนั้นจิโย่คนเดิมได้หายไป เธอมีนามใหม่ว่า”ซายูริ”
ยามที่เธอร่ายรำ ยามที่เธอรินสาเก หรือจะนั่ง นอน เดิน ทั้งหมดเธอทำเพื่อชายคนนั้น”ผู้เคยปลอบโยนจิโย่คนนั้น”
ผมภูมิใจมาก ตื้นตันกับสิ่งที่จิโย่ถ่ายทอด เกอิชาผู้น่านับถือ
ผมมองใบหน้าของจิโย่ในวัยเด็กก็นึกถึงเธอผู้เป็นที่รักของผม สายตา แก้ม จมูก และฟันของเธอ
แม้ว่าสีนัยตาไม่เหมือนกัน แต่ผมมีความรู้สึกว่าอยากสัมผัสใบหน้าของเธอ
…และมองใบหน้าเธอให้ไกล้ที่สุด
The Alzheimer Man
คนสวน