คาดการณ์ถึงแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์โลกว่าจะยังคงเดินหน้าขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า แม้ปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรปและการฟื้นตัวอย่างช้าๆของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กดดันการเจริญเติบโตในระยะยาว ขณะที่คาดว่ายอดประกอบรถยนต์ทั่วโลก (Global light vehicle assembly) จะสามารถทะลุกรอบ 100 ล้านคันได้เป็นครั้งแรกในอีก 4 ปีข้างหน้า หรือ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (Compound Annual Growth Rate: CAGR) ที่ 5.02% และเพิ่มเป็นกว่า 106 ล้านคันในปี 2562
ทั้งนี้ ผลการศึกษายังคาดว่ายอดผลิตรถยนต์ทั่วโลกปีนี้จะขยายตัว 2.3% หลังดีมานต์ตลาดเกิดใหม่เอเชีย-แปซิฟิกหนุน พร้อมมองแนวโน้มอุตฯออโต้ไทยผงาด ‘อาเซียน’ โตตามเป้า แม้ทิศทางครึ่งหลังขาลง ตลาดเกิดใหม่นำโดย จีน, อินเดีย และอาเซียน รวมทั้งดีมานต์สะสมจากช่วงก่อนหน้าในสหรัฐฯ และการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆของผู้ประกอบการฯ จะช่วยผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ในขณะที่การผลิตในยุโรปจะยังคงไม่ฟื้น เหตุพิษวิกฤตหนี้กระทบยอดขาย และผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นยังมุ่งขยายสายการผลิตนอกบ้านเพื่อลดปัญหาค่าเงินเย็น
ผลจากการศึกษาที่น่าสนใจ ได้แก่
• คาดยอดผลิตรถยนต์ทั่วโลกปีนี้ จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.3% เป็น 81 ล้านคัน โดยได้รับแรงสนับสนุนหลักจากดีมานต์ที่ยังคงแข็งแกร่งของตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย-แปซิฟิก (Developing Asia-Pacific)
• ตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะขยายตัวนำหน้าทวีปอื่นๆในโลก โดยมี Contribution to Growth ระหว่างปี 2555-2560 ถึง 62% นำหน้าอเมริกาเหนือที่ 13.4%, สหภาพยุโรป (อียู) ที่ 11.7%, อเมริกาใต้ 6.7%, ยุโรปตะวันออก 6.3% และ ตะวันออกกลางและแอฟริกาที่ 3.4%
• แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556 จะมีทิศทางชะลอตัวหลังจากนโยบายรถคันแรกของรัฐฯหมดลงแต่การส่งเสริมการผลิตอีโคคาร์ 2 และ การลงทุนอย่างต่อเนื่องจากทั้งค่ายรถและซัพพลายเออร์ทั้งในและนอกประเทศ จะช่วยผลักดันการเติบโตของอุตฯยานยนต์ไทยและภูมิภาคอาเซียน ให้บรรลุเป้าการผลิตรถยนต์จำนวน 3 ล้านคันภายในปี 2560 ขึ้นสู่การเป็นอันดับ 5 ของโลก
• แนวโน้มของอุตสาหกรรมรถยนต์ในระยะข้างหน้าจะมีการนำเทคโนโลยีขั้นสูง (Innovation) มาใช้กับรถยนต์เพิ่มมากขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยสัดส่วนการผลิตรถยนต์ประเภท Hybrid, electric และ fuel cell เพื่อสิ่งแวดล้อมจะเติบโตขึ้นเป็น 5% ภายในปี 2560 จาก 2.8% ในปีที่ผ่านมา
• คาดอิทธิพลของ ‘สังคมออนไลน์’ หรือ Social Media จะเข้ามามีบทบาทต่อพฤติกรรมการซื้อรถของผู้บริโภคมากขึ้นในอีก 3-5 ปีข้างหน้า สืบเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของผู้ซื้อรุ่นใหม่ หรือ Gen Y, การสื่อสารผ่านออนไลน์ และการเพิ่มขึ้นของการใช้อุปกรณ์สื่อสาร
โดย : PwC ประเทศไทย (ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส)
แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์โลก
ทั้งนี้ ผลการศึกษายังคาดว่ายอดผลิตรถยนต์ทั่วโลกปีนี้จะขยายตัว 2.3% หลังดีมานต์ตลาดเกิดใหม่เอเชีย-แปซิฟิกหนุน พร้อมมองแนวโน้มอุตฯออโต้ไทยผงาด ‘อาเซียน’ โตตามเป้า แม้ทิศทางครึ่งหลังขาลง ตลาดเกิดใหม่นำโดย จีน, อินเดีย และอาเซียน รวมทั้งดีมานต์สะสมจากช่วงก่อนหน้าในสหรัฐฯ และการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆของผู้ประกอบการฯ จะช่วยผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ในขณะที่การผลิตในยุโรปจะยังคงไม่ฟื้น เหตุพิษวิกฤตหนี้กระทบยอดขาย และผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นยังมุ่งขยายสายการผลิตนอกบ้านเพื่อลดปัญหาค่าเงินเย็น
ผลจากการศึกษาที่น่าสนใจ ได้แก่
• คาดยอดผลิตรถยนต์ทั่วโลกปีนี้ จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.3% เป็น 81 ล้านคัน โดยได้รับแรงสนับสนุนหลักจากดีมานต์ที่ยังคงแข็งแกร่งของตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย-แปซิฟิก (Developing Asia-Pacific)
• ตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะขยายตัวนำหน้าทวีปอื่นๆในโลก โดยมี Contribution to Growth ระหว่างปี 2555-2560 ถึง 62% นำหน้าอเมริกาเหนือที่ 13.4%, สหภาพยุโรป (อียู) ที่ 11.7%, อเมริกาใต้ 6.7%, ยุโรปตะวันออก 6.3% และ ตะวันออกกลางและแอฟริกาที่ 3.4%
• แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556 จะมีทิศทางชะลอตัวหลังจากนโยบายรถคันแรกของรัฐฯหมดลงแต่การส่งเสริมการผลิตอีโคคาร์ 2 และ การลงทุนอย่างต่อเนื่องจากทั้งค่ายรถและซัพพลายเออร์ทั้งในและนอกประเทศ จะช่วยผลักดันการเติบโตของอุตฯยานยนต์ไทยและภูมิภาคอาเซียน ให้บรรลุเป้าการผลิตรถยนต์จำนวน 3 ล้านคันภายในปี 2560 ขึ้นสู่การเป็นอันดับ 5 ของโลก
• แนวโน้มของอุตสาหกรรมรถยนต์ในระยะข้างหน้าจะมีการนำเทคโนโลยีขั้นสูง (Innovation) มาใช้กับรถยนต์เพิ่มมากขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยสัดส่วนการผลิตรถยนต์ประเภท Hybrid, electric และ fuel cell เพื่อสิ่งแวดล้อมจะเติบโตขึ้นเป็น 5% ภายในปี 2560 จาก 2.8% ในปีที่ผ่านมา
• คาดอิทธิพลของ ‘สังคมออนไลน์’ หรือ Social Media จะเข้ามามีบทบาทต่อพฤติกรรมการซื้อรถของผู้บริโภคมากขึ้นในอีก 3-5 ปีข้างหน้า สืบเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของผู้ซื้อรุ่นใหม่ หรือ Gen Y, การสื่อสารผ่านออนไลน์ และการเพิ่มขึ้นของการใช้อุปกรณ์สื่อสาร
โดย : PwC ประเทศไทย (ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส)