การลงสมัครเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ, อุปนายก และกรรมการบริหาร เป็นอันสิ้นสุดลง เมื่อ พล.ต.ต.พิสุทธิ์ พุ่มพิเชฏฐ์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกาศปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีผู้สมัครรวมทั้งสิ้น 38 คน
38 คน มีเพียงหนึ่งเดียวที่ “เซอร์ไพรซ์” นั่นคือ “เสี่ยเหน่ง” ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ผู้จัดการทีม “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส ที่มีชื่อสมัครตำแหน่ง “กรรมการบริหาร” ในทีมงานของ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี ผ้สมัครนายกสมาคมฯ
ก่อนหน้านี้ บางกอกกล๊าส ที่นำโดย “เสี่ยเหน่ง” แสดงเจตนารมณ์ในการ “คัดค้าน” การบริหารงานของสมาคมฯ อันมี “บังยี” เป็นนายกสมาคมฯ มาโดยตลอด ถึงขนาดร่วมวง “ภาคีสโมสร” ที่ทุกคนรู้กันอยู่ว่าก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเสียงของสโมสรในการต่อต้านการบริหารงานของสมาคมฯ ที่มักบริหารงานแบบผิดพลาด
แน่นอนว่า บางกอกกล๊าส เคยแสดงจุดยืนที่ชัดเจน ทว่าเมื่อถึงเทศกาล “เลือกตั้ง” ปรากฏว่า บางกอกกล๊าส ทีมผู้ดีจากย่านรังสิต กลับย้ายไปสมัครในทีมงานของผู้บริหารสมาคมฯ ชุดปัจจุบัน จึงไม่แปลกที่ทุกคนจะตั้งคำถามต่างๆ นาๆ
“เสี่ยเหน่ง” ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ขาดการติดต่อนับตั้งแต่รายชื่อผู้สมัครปรากฏสู่สาธารณชน โดยเจ้าตัวบินไปดูนักเตะต่างชาติที่ประเทศสิงคโปร์ร่วมกับ “โค้ชแต๊ก” อรรถพล ปุษปาคม ซึ่งไม่มีใครสามารถพูดคุยกับ “เสี่ยเหน่ง” ได้ แม้เจ้าตัวจะเปิดเครื่องมือสื่อสารก็ตาม
อย่างไรก็ดี ทันทีที่ “เสี่ยเหน่ง” กลับมาเมืองไทย เสียงโทรศัพท์จากทั่วสารทิศถาโถมเข้าใส่โทรศัพท์มือถือของ “เสี่ยเหน่ง” เพราะคำถามที่ทุกคนสงสัย ต่างต้องการทราบจากปากของคนชื่อ ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ เท่านั้น
“ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะคำมั่นสัญญาของผู้สมัคร” ศุภสิน กล่าวประโยคแรก
“คุณวรวีร์ มะกูดี ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงการบริหารงานใหม่ทั้งหมด ซึ่งผมและสโมสรได้มีความเห็นว่าหากจะเปลี่ยนแปลง ทางสโมสรก็ขอเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ด้วย จึงได้ยื่นสมัครเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลง ดีกว่าให้คุณวรวีร์หรือใครเปลี่ยนแปลงวงการโดยที่สโมสรไม่มีส่วนร่วม”
“สโมสรยึดมั่นความถูกต้องและต้องการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ที่ผ่านมาเราให้การสนับสนุนทุกอย่างเพื่อให้วงการบอลไทยเดินไปอย่างสวยงาม และครั้งนี้ถือเป็นครั้งหนึ่งที่สโมสรจะมีส่วนร่วมในการพัฒนา”
แม้จะมีเหตุผลที่สามารถเข้าใจได้ถึงการตัดสินใจ แต่สำหรับแฟนบอลที่เคยสนับสนุนสโมสรในการ “เลือกฝั่ง” ตรงข้าม วรวีร์ มะกูดี กลับอดคิดไม่ได้ว่าเหตุผลที่แท้จริงของสโมสร ไม่ได้มาจากความต้องการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงวงการฟุตบอลเพียงอย่างเดียว
“ผม หรือ สโมสร ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ กับคุณวรวีร์ มะกูดี และสโมสรจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากการลงสมัครฝั่งคุณวรวีร์แน่นอน ซึ่งเราให้ความสำคัญกับการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยทั้งระบบเป็นหลัก”
“ส่วนข่าวลือเรื่องธุรกิจของบริษัท ผมไม่ทราบว่าเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ผมมั่นใจว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ขณะนี้ คือสิ่งที่ดีที่สุด”
แม้การลงสมัครครั้งนี้อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของแฟนบอลพอสมควร แต่ “เสี่ยเหน่ง” และ บางกอกกล๊าส ยืนยันว่าสโมสรไม่ต้องการสร้างความขัดแย่งกับแฟนบอลแต่อย่างใด
“ผมเข้าใจถึงความรู้สึกของแฟนบอล แต่ก็อยากให้แฟนบอลเคารพการตัดสินใจของสโมสร เรายืนยันว่าสิ่งที่สโมสรทำอยู่เพื่อพัฒนาวงการฟุตบอลไทยจริงๆ”
และนี่คือ “จากใจ” ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ผู้ขอเปลี่ยนวงการฟุตบอลไทย ในตำแหน่ง “กรรมการบริหาร” ฝั่งวรวีร์ มะกูดี!!!
สิงห์น้ำเปล่า
เครดิต
http://www.ballthaifc.com/view.php?id=1639 
เปิดใจ “ศุภสิน”...“บีจี”ทำเพื่อบอลไทย
38 คน มีเพียงหนึ่งเดียวที่ “เซอร์ไพรซ์” นั่นคือ “เสี่ยเหน่ง” ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ผู้จัดการทีม “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส ที่มีชื่อสมัครตำแหน่ง “กรรมการบริหาร” ในทีมงานของ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี ผ้สมัครนายกสมาคมฯ
ก่อนหน้านี้ บางกอกกล๊าส ที่นำโดย “เสี่ยเหน่ง” แสดงเจตนารมณ์ในการ “คัดค้าน” การบริหารงานของสมาคมฯ อันมี “บังยี” เป็นนายกสมาคมฯ มาโดยตลอด ถึงขนาดร่วมวง “ภาคีสโมสร” ที่ทุกคนรู้กันอยู่ว่าก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเสียงของสโมสรในการต่อต้านการบริหารงานของสมาคมฯ ที่มักบริหารงานแบบผิดพลาด
แน่นอนว่า บางกอกกล๊าส เคยแสดงจุดยืนที่ชัดเจน ทว่าเมื่อถึงเทศกาล “เลือกตั้ง” ปรากฏว่า บางกอกกล๊าส ทีมผู้ดีจากย่านรังสิต กลับย้ายไปสมัครในทีมงานของผู้บริหารสมาคมฯ ชุดปัจจุบัน จึงไม่แปลกที่ทุกคนจะตั้งคำถามต่างๆ นาๆ
“เสี่ยเหน่ง” ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ขาดการติดต่อนับตั้งแต่รายชื่อผู้สมัครปรากฏสู่สาธารณชน โดยเจ้าตัวบินไปดูนักเตะต่างชาติที่ประเทศสิงคโปร์ร่วมกับ “โค้ชแต๊ก” อรรถพล ปุษปาคม ซึ่งไม่มีใครสามารถพูดคุยกับ “เสี่ยเหน่ง” ได้ แม้เจ้าตัวจะเปิดเครื่องมือสื่อสารก็ตาม
อย่างไรก็ดี ทันทีที่ “เสี่ยเหน่ง” กลับมาเมืองไทย เสียงโทรศัพท์จากทั่วสารทิศถาโถมเข้าใส่โทรศัพท์มือถือของ “เสี่ยเหน่ง” เพราะคำถามที่ทุกคนสงสัย ต่างต้องการทราบจากปากของคนชื่อ ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ เท่านั้น
“ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะคำมั่นสัญญาของผู้สมัคร” ศุภสิน กล่าวประโยคแรก
“คุณวรวีร์ มะกูดี ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงการบริหารงานใหม่ทั้งหมด ซึ่งผมและสโมสรได้มีความเห็นว่าหากจะเปลี่ยนแปลง ทางสโมสรก็ขอเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ด้วย จึงได้ยื่นสมัครเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลง ดีกว่าให้คุณวรวีร์หรือใครเปลี่ยนแปลงวงการโดยที่สโมสรไม่มีส่วนร่วม”
“สโมสรยึดมั่นความถูกต้องและต้องการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ที่ผ่านมาเราให้การสนับสนุนทุกอย่างเพื่อให้วงการบอลไทยเดินไปอย่างสวยงาม และครั้งนี้ถือเป็นครั้งหนึ่งที่สโมสรจะมีส่วนร่วมในการพัฒนา”
แม้จะมีเหตุผลที่สามารถเข้าใจได้ถึงการตัดสินใจ แต่สำหรับแฟนบอลที่เคยสนับสนุนสโมสรในการ “เลือกฝั่ง” ตรงข้าม วรวีร์ มะกูดี กลับอดคิดไม่ได้ว่าเหตุผลที่แท้จริงของสโมสร ไม่ได้มาจากความต้องการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงวงการฟุตบอลเพียงอย่างเดียว
“ผม หรือ สโมสร ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ กับคุณวรวีร์ มะกูดี และสโมสรจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากการลงสมัครฝั่งคุณวรวีร์แน่นอน ซึ่งเราให้ความสำคัญกับการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยทั้งระบบเป็นหลัก”
“ส่วนข่าวลือเรื่องธุรกิจของบริษัท ผมไม่ทราบว่าเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ผมมั่นใจว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ขณะนี้ คือสิ่งที่ดีที่สุด”
แม้การลงสมัครครั้งนี้อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของแฟนบอลพอสมควร แต่ “เสี่ยเหน่ง” และ บางกอกกล๊าส ยืนยันว่าสโมสรไม่ต้องการสร้างความขัดแย่งกับแฟนบอลแต่อย่างใด
“ผมเข้าใจถึงความรู้สึกของแฟนบอล แต่ก็อยากให้แฟนบอลเคารพการตัดสินใจของสโมสร เรายืนยันว่าสิ่งที่สโมสรทำอยู่เพื่อพัฒนาวงการฟุตบอลไทยจริงๆ”
และนี่คือ “จากใจ” ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ผู้ขอเปลี่ยนวงการฟุตบอลไทย ในตำแหน่ง “กรรมการบริหาร” ฝั่งวรวีร์ มะกูดี!!!
สิงห์น้ำเปล่า
เครดิต http://www.ballthaifc.com/view.php?id=1639