ทำความรู้จักกับ Niki Lauda และ James Hunt สองตำนานนักแข่ง F1 ที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Rush

คำเตือน : เนื้อหาในกระทู้นี้ เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์



Niki Lauda : นิกิ เลาดา

แอนเดรียส นิโคลอส "นิกิ" เลาดา  ปัจจุบันอายุ 64 ปี ถือเป็นนักขับระดับตำนานของ F1 ในฐานะแชมป์โลก 3 สมัย (1975, 1977  และ 1984)
เขาถือกำเนิดในครอบครัวร่ำรวยที่เวียนนา แม้ทางบ้านจะไม่เห็นด้วยกับการเป็นนักแข่งรถ แต่เขาก็ดิ้นรนจนได้เริ่มแข่งในรายการ Formula Vee (การแข่งขันรถล้อเปิดที่นั่งเดียวประเภทหนึ่ง ใช้รถสูตรของ Volkswagen) ก่อนจะขยับไปขับให้ทีม March Engineering ใน Formula Two ปี 1971 และมีผลงานโดดเด่นจนทาง March Engineering เลื่อนให้ไปขับ F1 ด้วย ทว่าในฤดูกาลแข่ง F1 ปี 1972 ทาง March Engineering ประสบความล้มเหลวอย่างหนัก ทำให้เลาดาซึ่งมีหนี้สินรุงรัง (เพราะขัดแย้งกับครอบครัวจนต้องกู้เงินมาใช้ในการแข่งขันเอง) ถึงขั้นเคยคิดฆ่าตัวตาย ก่อนจะฮึดสู้ ยอมกู้เงินอีกรอบและเข้าร่วมทีม BRM (British Racing Motors)

ในปี 1973 เลาดายังคงทำความเร็วได้โดดเด่น ทว่าทีมกลับทำผลงานได้ไม่ดี จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึง เมื่อ เคลย์ เรแกซโซนิ นักขับชาวสวิสเพื่อนร่วมทีม BRM ได้หวนกลับไปอยู่กับทีม Ferrari ในปี 1974 และ เอ็นโซ่ เฟอร์รารี เจ้าของทีมได้ถามเรแกซโซนิว่าคิดอย่างไรกับเลาดา เขาบอกว่าชื่นชมเลาดามาก เฟอร์รารีจึงดึงตัวเลาดามาร่วมทีมด้วย พร้อมช่วยเคลียร์หนี้สินทั้งหมดให้

เมื่อโชคเข้าข้าง เลาดาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาคว้าลำดับที่สองที่อาร์เจนติน่า สนามแรกของเวิลด์กรังปรีซ์ ปี 1974 ซึ่งนับเป็นชัยชนะในรายการนี้ครั้งแรกของเขา และครั้งแรกสำหรับ Ferrari นับแต่ปี 1972 และลงเอยด้วยการคว้าอันดับ 4 ในเวิลด์กรังปรีซ์ปีนั้น

ต่อมาเขาก็พิสูจน์ว่าไม่ใช่แค่โชคช่วย ด้วยการคว้าแชมป์โลกครั้งแรกได้ในปี 1975 แถมยังเป็นนักขับคนแรก และคนเดียวที่ทำเวลาต่อรอบที่สนามนูร์เบิร์กริง เยอรมัน ต่ำกว่า 7 นาที ทว่าในปีถัดมา นูร์เบิร์กริงนี่เองที่ทำให้เขาแทบเอาชีวิตไม่รอด

โดยเป็นการแข่งขันเวิลด์กรังปรี สนามที่ 10 แข่งขันกันที่นูร์เบิร์กกริง ประเทศเยอรมัน สนามที่มีชื่อเล่นว่า "นรกสีเขียว" ซึ่งเป็นสนามที่ขับยากสุดๆ แห่งหนึ่งของโลก แม้เลาดาจะพิชิตมันมาได้ด้วยสถิติที่สวยหรูเมื่อปีก่อน แต่ปีนี้มันต่างไปสิ้นเชิง และเลาดาก็รู้ดีแต่แรก!

เมื่อเขาชักชวนเพื่อนนักขับในปีนั้นให้คว่ำบาตรการแข่งขันสนามนี้ เพราะคิดว่าการดูแลเรื่องความปลอดภัยยังไม่ดีพอ ทว่านักขับส่วนใหญ่กลับไม่เห็นด้วย การแข่งขันจึงต้องเดินหน้าต่อ

แต่ระหว่างการแข่งขัน ขณะที่ เลาดา ขับวนในรอบที่ 2 มาด้วยความเร็วสูง รถของเขากระเด็นไปกระแทกเข้าไปที่ขอบข้างทางจนไฟลุกท่วม เพื่อนนักขับทั้ง อาร์ตูโร่ เมอร์ซาริโอ, เบร็ทท์ ลังเกอร์ , กาย เอ็ดเวิดส์ , ฮารัล เฮอร์เทิล ช่วยกันดึงออกมาจากตัวรถอย่างทุลักทุเล
เลาดา ถูกไฟเผาอย่างรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณศรีษะ แถมควันพิษยังเข้าไปทำลายปอดและเลือด จนอยู่ในขั้นโคม่า

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงสร้างรอยแผลเป็นที่ศรีษะของเขา แต่เขายังเกือบสูญเสียหูข้างขวาทั้งหมดไป เช่นเดียวกับผมด้านขวา คิ้ว และเปลือกตาทั้งสองข้าง

แต่ เลาดา ก็ยังกลับมาแข่งขันต่อได้หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปแค่ 42 วัน ในสนาม 13 ที่มอนซ่า ประเทศอิตาลี และคว้าอันดับ 4 ที่สนามนี้ก่อนจะจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งรองแชมป์โลก ด้วยคะแนนตามหลัง เจมส์ ฮันท์ คู่ปรับคนสำคัญแค่คะแนนเดียว แต่ปีถัดมา เลาดา ก็คว้าแชมป์โลกมาครองได้อีกครั้งในปี 1977

เลาดาถอนตัวจากการแข่งรถในปี 1979 เพื่อทำธุรกิจสายการบิน Lauda Air แต่เพราะต้องการเงินมาสานต่อธุรกิจ ในปี 1982 เขาจึงคืนสนามกับทีม McLaren และคว้าแชมป์โลกได้อีกครั้งในปี 1984 โดยเฉือนชนะ อแลง พรอสต์ เพื่อนร่วมทีมไปเพียง 0.5 คะแนน ก่อนถอนตัวจากการเป็นนักแข่ง F1 อย่างถาวรหลังจบฤดูกาล 1985 ปัจจุบันแม้จะทำธุรกิจสายการบิน 2 แห่ง Lauda Air กับ Niki แต่เขาก็ยังแบ่งเวลามาให้การแข่งรถที่เขารัก ในฐานะผู้จัดการทีม F1 ของ Jaguar ในช่วงปี 2001-2002 และยังเป็นผู้บริหารของ Mercedes AMG Petronas ทีม F1 ที่มี ลูอิส แฮมิตัน (แชมป์โลกปี 2008) เป็นหนึง่ในนักขับ ขณะที่ มาเธียส เลาดา ลูกชายของเขาก็เป็นนักแข่งรถอาชีพเช่นกัน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสาร Starpics


คลิปเหตุการณ์ อุบัติเหตุเมื่อปี 1976 ที่สนาม นูร์เบิร์กริง เยอรมัน

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

สารคดีของ BBC ที่ออกอากาศไปเมื่อปี 1996 เรื่องราวการแข่งกันของ เลาดา และ ฮั้นท์ รวมถึงเหตุการณ์ที่เยอรมันในปี 76
เลาดา เคยให้สัมภาษณ์ว่า "ในการแข่งขันไม่เคยมีคำว่ามิตรภาพ" แต่เหตุการณ์ที่เกิดในเยอรมัน เขาได้พบกับมิตรภาพจากเพื่อนนักขับด้วยกันหลายคน ที่ลงจากรถตัวเองมาช่วยเลาดา ออกจากกองเพลิง

แค่เห็นจากคลิปยังน้ำตาไหลเลย

ขอบคุณคลิปจากคุณ BBJane

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

นิกิ เลาดา และ เจมส์ ฮั้นท์ ตัวจริง




แผลเป็น ของ เลาดา




เลาดา ในฐานะที่ปรึกษาของภาพยนตร์ กับ รอน โฮเวิด ผู้กำกับ Rush

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่