เพราะหลังๆผมเริ่มดูละครแนวเทรนดี้จากเว็บมากขึ้น จะเจอเหตุการณ์เศรษฐกิจฝืดเคืองแทรกอยู่ในซีรีส์ทึกเรื่องเลยครับ อย่าง Priceless/ Freeter/ Legal High เป็นต้น
ทำให้ละครมัน "สมจรืง" มากๆ
เลยขอถามเป็นความรู้นะครับ
เศรษฐกิจฝืดของญี่ปุ่น(deflation)ไม่ใช่ recession แบบอเมริกาใช่ไหมครับ มันเริ่มเกิดจากอะไรครับ
ผมจำได้ว่าเศรษฐกิจตกต่ำสมัยต้มยำกุ้งเรา งานบันเทิงนี่แทบตายเลยครับ รายการทีวีทะยอยปิดตัวลง ดาราพิธีกรตกงานกันมากมาย ที่ได้ทำงานอยู่ก็ไม่ได้เงินทีหลายๆเดือนกว่าจะตามเงินได้ที บางงานตามกัน 6 เดือนกว่าจะได้เงินค่าจ้างครับ แต่ต้องยอมทนทำกันดีกว่าไม่มีงาน
เลยอยากรู้ว่าวงการบันเทิงญี่ปุ่นเขาได้รับผลกระทบอะไำรบ้างไหมครับ เช่น ยอดขายลด งานกิจกรรมน้อยลง ราคาซีดีต้องลดลง หรือว่าละครเปิดตัวน้อยลง ฯลฯ
เพราะอย่างของอเมริกา ตอนเจอแฮมเบอร์เกอร์ ซีรีส์อเมริกาต้องปรับตัวแบบสาหัสมาก
- ตัดตัวละครประจำออกอย่างน้อย 1-3 ตัว เพื่อเซฟค่าใช้จ่าย
- กรณีทีมรักนักแสดงประจำมากก็จะไม่ตัด แต่ใช้วิธี "ออกสลับตอนกัน" หมุนเวียนกัน ทำให้ตัวละครหลักไม่เคยครบ
- ไม่ต่อสัญญาดาราใหญ่ๆที่ค่าตัวแพง คือปล่อยให้หมดสัญญา
- ตัดค่าใช้จ่ายต่อตอนลงครึ่งๆ
- สำหรับซีรีส์ใหม่ ลดจำนวนตอนลงเหลือ 10 กว่าตอน เพื่อป้องกันความเสี่ยง
- ยัด product placement เข้ามาในซีรีส์เยอะมากๆ แบบสารพัดวิธี (นึกว่าดูละครเอ๊กแซคท์เลยนะนั่น 555)
เท่าที่นึกออกมีเท่านี้ เพื่อนๆแฟนซีรีส์ฝรั่งนึกอะไรอื่นออกได้ ก็ช่วยเติมด้วยนะค้าบ
ขอบคุณมากคร้าบ
ขอความรู้แฟนๆญี่ปุ่น : ยุคเศรษฐกิจญี่ปุ่นฝืดมีผลต่อประเทศเขามากแค่ไหนครับ แล้ววงการบันเทิงเขารอดมาได้ยังไง
ทำให้ละครมัน "สมจรืง" มากๆ
เลยขอถามเป็นความรู้นะครับ
เศรษฐกิจฝืดของญี่ปุ่น(deflation)ไม่ใช่ recession แบบอเมริกาใช่ไหมครับ มันเริ่มเกิดจากอะไรครับ
ผมจำได้ว่าเศรษฐกิจตกต่ำสมัยต้มยำกุ้งเรา งานบันเทิงนี่แทบตายเลยครับ รายการทีวีทะยอยปิดตัวลง ดาราพิธีกรตกงานกันมากมาย ที่ได้ทำงานอยู่ก็ไม่ได้เงินทีหลายๆเดือนกว่าจะตามเงินได้ที บางงานตามกัน 6 เดือนกว่าจะได้เงินค่าจ้างครับ แต่ต้องยอมทนทำกันดีกว่าไม่มีงาน
เลยอยากรู้ว่าวงการบันเทิงญี่ปุ่นเขาได้รับผลกระทบอะไำรบ้างไหมครับ เช่น ยอดขายลด งานกิจกรรมน้อยลง ราคาซีดีต้องลดลง หรือว่าละครเปิดตัวน้อยลง ฯลฯ
เพราะอย่างของอเมริกา ตอนเจอแฮมเบอร์เกอร์ ซีรีส์อเมริกาต้องปรับตัวแบบสาหัสมาก
- ตัดตัวละครประจำออกอย่างน้อย 1-3 ตัว เพื่อเซฟค่าใช้จ่าย
- กรณีทีมรักนักแสดงประจำมากก็จะไม่ตัด แต่ใช้วิธี "ออกสลับตอนกัน" หมุนเวียนกัน ทำให้ตัวละครหลักไม่เคยครบ
- ไม่ต่อสัญญาดาราใหญ่ๆที่ค่าตัวแพง คือปล่อยให้หมดสัญญา
- ตัดค่าใช้จ่ายต่อตอนลงครึ่งๆ
- สำหรับซีรีส์ใหม่ ลดจำนวนตอนลงเหลือ 10 กว่าตอน เพื่อป้องกันความเสี่ยง
- ยัด product placement เข้ามาในซีรีส์เยอะมากๆ แบบสารพัดวิธี (นึกว่าดูละครเอ๊กแซคท์เลยนะนั่น 555)
เท่าที่นึกออกมีเท่านี้ เพื่อนๆแฟนซีรีส์ฝรั่งนึกอะไรอื่นออกได้ ก็ช่วยเติมด้วยนะค้าบ
ขอบคุณมากคร้าบ