คำถามของคนไม่อยากมีเขื่อนกับชีวิตของคนที่อยากมีเขื่อน

ผมได้ตั้งคำถามอะไรมากมายเต็มหัวไปหมดเกี่ยวกับเรื่องโครงการเขื่อนแม่วงก์ว่าทำไมชาวบ้านเขาถึงอยากได้เขื่อนกันมากมายขนาดนั้น?

          เขาโดนล้างสมองมาหรือ?
          เขามีความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมน้อยไปหรือ?
          เขาเห็นแก่เงินหรือ?
          เขาไม่เห็นถึงชีวิตของสัตว์ป่าเลยหรือ?
          เขาไม่รู้เลยหรือว่าเขื่อนนี้สร้างไปมันก็ไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงของสิ่งแวดล้อม?
          เขาเห็นชีวิตตัวเองสำคัญกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ จริงหรือ?
          เขาไม่เคยรับข่าวสารผ่านอินเตอร์เน็ตบ้างเลยหรือ?
          เขาเห็นแก่ตัวจริงๆ หรือ?

          คำถามเหล่านี้คือสิ่งที่มันผุดขึ้นมาในหัวสมองของผมตั้งแต่ตอนที่ผมนั้นได้ติดตามเรื่องราวเขื่อนแม่วงก์มาสักระยะแล้ว จนกระทั่งถึงตอนที่ไปร่วมเดินขบวนคัดค้าน EHIA เรื่องโครงการเขื่อนแม่วงก์ ก็ยังคงตั้งคำถามไม่หยุดเช่นกัน
          จากนั้นหลายๆ คนก็ได้เริ่มตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2556 ว่า

"คุณห่วงป่ามากไปมั้ย?"

          ผมก็เลยตอบไปว่า

"...ก็ใช่ไง ถ้าไม่มีป่า มนุษย์เราก็อยู่ไม่ได้หรอก คิดดูนะ ต้นไม้ผลิตออกซิเจนไว้ให้มนุษย์หายใจ ป่าเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารอุดมสมบูรณ์ หล่อเลี้ยงชีวิตทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ แล้วถ้าไม่มีป่า แม่น้ำนั้นมาจากไหน เราจะมีน้ำจืดไว้ใช้หรือเปล่า?"

          แล้วก็มีคำถามต่ออีกว่า

"ถ้างั้น ถ้าป่ามันดีขนาดนี้ แล้วทำไมคนแถวนั้นถึงยังอยากได้เขื่อนอีกหล่ะ ถ้ามันสามารถหล่อเลี้ยงชีวิตของพวกเขาได้ เขาควรจะเพียงพอได้แล้วใช่หรือเปล่า?"

          ผมก็เลยตอบไปว่า

"เพราะ..."

          ผมอ้ำอึ้งอยู่นาน เพราะไม่รู้จริงๆ ว่า สิ่งที่ได้รับรู้มาจากข่าวว่าชาวบ้านต้องการเขื่อนไปทำไมมันคือเรื่องจริงหรือเปล่า ผมจึงตอบไปว่า

"...ในข่าวเขาบอกว่า ชาวบ้านต้องดิ้นรนต่อสู้กับภัยแล้งมากมายที่เกิดขึ้นกับชีวิตเขา เขาจำเป็นต้องการเขื่อนเพื่อจะเอาน้ำมาทำการเกษตร เพื่อจะต่อชีวิตให้พวกเขาอยู่สุขสบายมากกว่านี้ เขาไม่มีทางเลือกจริงๆว่าจะต้องทำยังไง ก็มีเพียงเขื่อนเท่านั้นที่จะเป็นความหวังสุดท้าย แต่ก็ไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านี้คือคำพูดจริงๆ ของชาวบ้านหรือเปล่านะ สื่ออาจจะบิดเบือนไปก็ได้ เพื่อให้คนอื่นที่เสพสื่อเห็นใจพวกเขา"

          แล้วก็ได้เกิดคำพูดที่สะกิดต่อมความคิดของผมว่า

"...ใช่ การรับรู้ผ่านสื่อที่เป็นสื่อกลางอาจจะเชื่อถือได้ไม่มาก แต่ถ้าเรารับรู้โดยตรงจากคนในพื้นที่จะน่าเชื่อถือมากก็ได้จริงมั้ย แล้วเคยคิดมั้ยว่าเราเองรู้ดีแค่ไหนเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขา ใช่ คนที่คัดค้านอาจจะรู้ดี ข้อมูลแน่นในส่วนของผลกระทบมากมายที่จะเกิดขึ้น แต่พวกเขาเคยรู้หรือไม่ว่า ชีวิตของพวกเขาที่ไม่เคยได้รับการเยียวยาเลยมันเป็นอย่างไร เรารู้ปัญหาของมันดีแค่ไหน แล้วถ้าเรายังคงยืนกรานที่จะไม่เอาเขื่อน ชีวิตหลังจากนี้ของพวกเขาจะเป็นอย่างไร คนที่ออกมาคัดค้านเคยคิดมั้ย ตราบใดที่เรายังเข้าถึงชีวิตพวกเขาไม่เพียงพอ เราก็ยังคงไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินพวกเขาว่าสิ่งที่เขาเรียกร้องนั้นมันผิด สิ่งที่คนคัดค้านมองว่าเขื่อนอาจจะส่งผลกระทบไปมากมาย แต่นั่นมันอาจจะเป็นความหวังสุดท้ายของพวกเขาที่จะยื้อชีวิตพวกเขาไว้ได้ก็เท่านั้น หรือคุณไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้นเลยหรอ?"

          เป็นคำพูดที่สะกิดต่อมความคิดของผมมากๆ เลยครับ ผมลืมคิดไปเลยว่า ใช่ เราอาจจะต้องทวงสิทธิการมีชีวิตอยู่ของสัตว์ป่า แต่เราลืมที่จะคำนึงถึงชาวบ้านที่เขาต้องการเขื่อนว่าเขาควรที่จะมีสิทธิการมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วยหรือเปล่า?

          ณ เวลานี้ผมอาจจะยังคงยืนกรานที่จะไม่เอาเขื่อนจริงๆ เพราะมันไม่คุ้มค่าเลยที่จะสร้างมัน ผมยังคงเชื่อเสมอว่าเรายังคงมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ที่จะช่วยแก้ปัญหาพวกเขาให้มีชีวิตที่เป็นอยู่ดีขึ้นมาได้โดยไม่จำเป็นต้องสร้างเขื่อน แต่ ณ ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าจะหาวิธีใดมาช่วยพวกเขาได้ นอกจากว่าจะต้องลงไปศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตของพวกเขาว่าปัญหาที่พวกเขามีมันเกิดจากอะไร ทำไมพวกเขาจึงต้องการเขื่อนขนาดนั้น และนี่คือสิ่งที่ผมจะต้องไปหาคำตอบมาตอบตัวเองให้ได้ว่า เมื่อเรารักษาผืนป่าไว้ได้แล้ว ชีวิตของพวกเขาหลังจากนี้จะมีอะไรมาเป็นหลักประกันได้ว่า ถ้าไม่มีเขื่อนแล้วพวกเขาจะมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างไร?

ปังเย็นคุง
24 กันยายน 2556
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่