คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ผมคิดว่าคุณควรเขียนประเด็นที่ต้องคุยกับแม่ออกมา แล้วเอาไปคุยกับท่านอีกครั้ง ให้ท่านเข้าใจ
ตอนนี้การเงินของคุณตึงมาก ถ้าเกิดรายจ่ายใหญ่ๆ หรือปัญหาหนักขึ้นมากะทันหัน (ซึ่งต้องเกิดในวันใดวันหนึ่ง) คุณจะจนตรอกไปเลย
เช่น คุณป่วยจนทำงานไม่ได้ทั้งเดือน, โดนรถชน, ขโมยขึ้นห้องขโมยของที่จำเป็นต้องใช้ทำให้คุณต้องซื้อใหม่ ฯลฯ
ผมชื่นชมความกตัญญู แต่ต้องมี "เหตุผล" กำกับ ลองนึกภาพในอนาคตว่าคุณ แม่ และพี่น้อง เกิดมีปัญหาทางการเงิน
หนักๆ ขึ้นมาพร้อมกัน ถึงตอนนั้นทุกอย่างจบเห่แน่ ยังไงก็คงต้องกู้ แต่ถ้าตอนนี้แม่ของคุณยังดึงดันจะกู้
ก็ต้องปล่อยแม่ไป ถ้ามีเจ้าหนี้มาทวงก็ปล่อยให้แม่รับผิดชอบเอง แม่ก็คือมนุษย์คนหนึ่ง มีตัดสินใจถูก ตัดสินใจผิด
ไม่เกี่ยวกับว่าคุณกตัญญูแล้วจะต้องทำตามที่แม่ต้องการทุกอย่าง
ลองนึกภาพว่า ถ้าพระยาตากยอมสู้ตายอยู่ในกรุงศรีฯ ที่กำลังจะแตก สุดท้ายทุกคนตายหมด ประวัติศาสตร์คงจารึกว่าพระยาตาก
ซื่อสัตย์ต่อบ้านเมือง ยอมสิ้นชีพเพื่อเจ้าเหนือหัว
แต่พระยาตากที่นำทหารหนีตายออกจากกรุงศรีฯ ฝ่าพม่า แล้วนำกำลังกลับมาขับไล่พม่าออกไปในภายหลัง แม้กรุงศรีฯ จะแตกไปแล้ว
ก็ไม่มีใครหาว่าพระเจ้าตากสินมหาราชไม่ซื่อสัตย์ต่อบ้านเมือง แถมยังว่าฉลาดเสียอีกที่หนีออกไปก่อน แล้วกำชัยชนะในภายหลัง
กตัญญูแบบฉุดกันลงเหวทุกฝ่าย คุณจนตรอก แม่เคยตัว พี่น้องโยนภาระ นี่ก็ไม่ต่างกับคำว่าอกตัญญูหรอกครับ
ตอนนี้การเงินของคุณตึงมาก ถ้าเกิดรายจ่ายใหญ่ๆ หรือปัญหาหนักขึ้นมากะทันหัน (ซึ่งต้องเกิดในวันใดวันหนึ่ง) คุณจะจนตรอกไปเลย
เช่น คุณป่วยจนทำงานไม่ได้ทั้งเดือน, โดนรถชน, ขโมยขึ้นห้องขโมยของที่จำเป็นต้องใช้ทำให้คุณต้องซื้อใหม่ ฯลฯ
ผมชื่นชมความกตัญญู แต่ต้องมี "เหตุผล" กำกับ ลองนึกภาพในอนาคตว่าคุณ แม่ และพี่น้อง เกิดมีปัญหาทางการเงิน
หนักๆ ขึ้นมาพร้อมกัน ถึงตอนนั้นทุกอย่างจบเห่แน่ ยังไงก็คงต้องกู้ แต่ถ้าตอนนี้แม่ของคุณยังดึงดันจะกู้
ก็ต้องปล่อยแม่ไป ถ้ามีเจ้าหนี้มาทวงก็ปล่อยให้แม่รับผิดชอบเอง แม่ก็คือมนุษย์คนหนึ่ง มีตัดสินใจถูก ตัดสินใจผิด
ไม่เกี่ยวกับว่าคุณกตัญญูแล้วจะต้องทำตามที่แม่ต้องการทุกอย่าง
ลองนึกภาพว่า ถ้าพระยาตากยอมสู้ตายอยู่ในกรุงศรีฯ ที่กำลังจะแตก สุดท้ายทุกคนตายหมด ประวัติศาสตร์คงจารึกว่าพระยาตาก
ซื่อสัตย์ต่อบ้านเมือง ยอมสิ้นชีพเพื่อเจ้าเหนือหัว
แต่พระยาตากที่นำทหารหนีตายออกจากกรุงศรีฯ ฝ่าพม่า แล้วนำกำลังกลับมาขับไล่พม่าออกไปในภายหลัง แม้กรุงศรีฯ จะแตกไปแล้ว
ก็ไม่มีใครหาว่าพระเจ้าตากสินมหาราชไม่ซื่อสัตย์ต่อบ้านเมือง แถมยังว่าฉลาดเสียอีกที่หนีออกไปก่อน แล้วกำชัยชนะในภายหลัง
กตัญญูแบบฉุดกันลงเหวทุกฝ่าย คุณจนตรอก แม่เคยตัว พี่น้องโยนภาระ นี่ก็ไม่ต่างกับคำว่าอกตัญญูหรอกครับ
แสดงความคิดเห็น
ใครเคยรู้สึกไม่ดีกับพ่อแม่ตัวเองบ้างไหม
ทางบ้านเราไม่ได้รวยค่ะ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เรามีพี่น้องสามคน เราเป็นคนกลาง พี่ชายเรายังเพิ่งได้งานทำ สามเดือนที่ผ่านมา แต่น้องเรา มีงานทำ แต่ไม่คิดจะส่งเงินให้แม่ บางครั้ง ยังมาเอาเงินจากแม่ พอแม่ไม่มี แม่ก็มาเอาที่เราไปให้น้อง ตอนนี่เราทำงานเงินเดือนได้ประมาณ 14000-15000 ไม่แน่นอน รายจ่ายของเราคงที่ต่อเดือนประมาณ หมื่นกว่า บาท คือเราให้เงินแม่ ตอนแรกเดือนละ 4000 ค่าน้ำค่าไฟที่บ้านต่างหาก รวมราวๆ 2000 คือเราต้องจ่ายให้แม่ประมาณ 6000 ต่อเดือน ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เราได้โบนัทจากที่ทำงาน 10000 บาท คือเราทำงานกับญาตินะ แม่เราก็จะเอาโบนัสเราไปเป็นของตัวเอง ได้ทะเลาะกับเรา พอเราไม่ให้ เพราะเราคิดว่าเงินนี้เป็นเงินฟรี เป็นเบี้ยขยันที่เค้าให้เรามา เราก็ควรจะเก็บไว้ เพราะเราจ่ายรายเดือนทุกเดือนอยู่แล้ว จากวันนั้น เค้าก็ไม่โทรมาหาเรา ปกติจะโทรมาทุกวัน เค้าคงไม่พอใจ ญาติเราเลยโทรไปเครียล์ให้ คำพูดที่แม่พูดกลับมาคือ ' บุญคุญก็คือบุญคุณ ค่าน้ำนม เงินสิบล้านก็ไม่พอ ' คือเราได้ยินก็น้ำตาร่วงอะ คือเราเข้าใจว่าบุญคุณเราก็ตอบแทนอยู่แล้ว แต่ทำไมเรื่องเงินแค่นี้ต้องมาพูดแบบนี้เลยหรอ สรุป เราก็ตัดใจให้ไปอีก หนึ่งหมื่นบาท จากนั้น ก็โทรมาปกติ เราคุยกับเค้าเรื่องจะเก็บเงินเรียนเพราะเราเรียนไม่จบ ต้องหาเงินส่งให้ที่บ้าน แล้วที่ทำงานเรา เค้าได้เพิ่มวันหยุด เพราะเทศกิจไม่ให้ขายของ เงินเดือนเราถูกลด เหลือ หมื่นสาม เราได้คุยกับแม่ว่า เงินเดือนลดลง ขอจ่ายแค่เดือนละสองพันได้ไหม ส่วนค่าน้ำค่าไฟยังจ่ายเหมือนเดิม ต้องให้พี่ช่วยออกบ้าง คนเดียวเราออกไม่ไหว แม่ตอนแรกก็โอเค ไม่มีปัญหา แต่พอไม่นาน ได้ของเงินเกินจากที่เราตกลงกันไว้ พอเราบอกเราช๊อต เค้าก็บอกเราว่างั้นไปกู้เค้าละกัน คือเงินเก็บเราแทบไม่มีเลย ลงเรียนเรายังไม่มีเงินจะลง เราฝันว่าอยากมีร้านขายพวกอุปกรณ์กระต่าย เพราะว่าวันหยุด เราอยากหาเงินเพิ่ม เราอยากเปิดขายตามตลาดนัด เราพยายามจะเก็บเงิน แต่ก็โดนแม่มาเอาเงินตลอด เราตั้งเป้าไว้ภายใน หกเดือน เราจะเก็บเงินให้ได้ สามหมื่น เราละลงทุนขายของ เราท้อมากค่ะ คือมีหลายคนบอกให้เราใจแข็ง เราให้ตามลิมิตที่เราบอกก็แค่นั้น ไม่ต้องให้เกิน แต่เรากลัวเค้าจะไปกู้ แล้วเราต้องมาตามนั่งใช้หนี้สิน ที่เราไม่ได้ก่อ เราเลยให้ไปตอนนี้จะดีกว่า คือคำว่าบุญคุณ เรารู้ค่ะ ว่าต้องทำยังไง เราส่งเงินให้ทุกเดือนไม่เคยขาด เราจ่ายค่าน้ำไฟให้ ทั้งๆที่เราไม่ได้ใช้เลย เพระเราอยู่หอไกล้ที่ทำงาน บ้านอยู่ห่างจากที่ทำงานมาก เราก็มีความฝันของเรา คือเรียนให้จบ กับเปิดร้านขายกระต่าย อุปกรณ์ ตามที่เราฝันไว้ คือเราไม่มีทางออกค่ะ เพราะคำว่าแม่ ครอบครัว คำเดียว เราคงเป็นลูกที่แย่นะค่ะ ที่เรารู้สึกไม่ดีกับท่านแบบนี้ เราพยายามเคลียร์กับเค้าค่ะ ว่าเงิน เอาไปทำอะไรหมด เอาไปทำอะไรเยอะแยะ แต่เค้าก็ตอบเรามาไม่ได้ค่ะ เราไม่รู้จะแก้ตรงไหนดี ใครเคยเป็นแบบเราบ้างไหมค่ะ เราทำงานมีสี่ปีแล้วค่ะ ไม่มีเงินเก็บเลย พอเราจะเก็บ คนนั้น คนโน้นได้ใช้ตลอด เราเลยไม่มีกำลังใจจะทำงานแล้วละค่ะ
ขอโทษนะค่ะ ถ้าเรื่องนี้รกบอรด์ แค่อยากระบายค่ะ อยากหาทางออก