เมื่อครั้งที่แล้ว ตอนที่ 1
http://pantip.com/topic/31006493
แบกเป้ครั้งแรก ณ Japan กับเพื่อนสาวและภาพความประทับใจ # 11-17 ApriL 2013
เมื่อเราเดินทางถึง สนามบินคันไซ
ถึงแล้ว สนามบินคันไซ โอซาก้า เมื่อลงจากเครื่อง เราก็เดินออกตามๆเค้ามา เพื่อผ่านเจ้าหน้าที่ ต.ม น่าคมเข้มกันน่าดู อยากบอกว่า ตอนนั้น ขนาดมีวีซ่าไปด้วยนะ ยังตื่นเต้นมาก แล้วไม่มีวีซ่า จะตื่นเต้นขนาดไหนน้าาา ^^
ค่อยๆผ่านต.ม มาทีละคน เป็นห่วงคนหลังสุดจริงๆ ถ้าไม่มีใครได้ผ่านสักคน สัญญากันแล้วว่า เราจะกลับเมืองไทยด้วยกัน ซึ่งง่ะ TT
หลังจากผ่านต.ม เราแอบยิ้มให้กันอย่างรู้สึก ดีใจฝุดๆอ่ะ (กลัว เจ้าหน้าที่เห็น) แล้วเราก็ออกมา เพื่อมารอรับกระเป๋าที่สายพาน เสร็จแล้ว ก็ล้างหน้า แปรงฟัน เปลี่ยนชุดเพื่อพร้อมการผจญภัย ค่ะ วันนั้น อากาศข้างนอกอยู่ที่ประมาณ 10 องศาได้ สำหรับเรา คงไม่กลัวสักเท่าไหร่ เพราะเคยไปเกาหลีหิมะ มาแล้ว แต่จะห่วงเพื่อน อีก 2 คน ที่ยังไม่เคยเจออากาศเย็นขนาด เลขตัวเดียวมาก่อน แต่ทุกคนก็พร้อมค่ะ ^^Y

เมื่อเดินออกมาข้างนอก เราก็รีบมองหา Office JR ( เราสอย JR Pass มาจากงาน เที่ยวไทยไปทั่วโลก ก่อนเดินทาง ประมาณ 2 อาทิตย์ได้ ในราคา 8700 บาท ) เพื่อนำ Voucher มาแลกเป็นบัตร JR Pass ได้ที่ศูนย์ข้อมูล JR ในห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศ ชั้น 1 ซึ่งเปิดทำการทุกวัน เวลา 09.30-19.00 น. หรือแลกเป็นบัตรและจองที่นั่ง
คนค่อนข้างเยอะ ต่อแถวยาวอยู่ แต่เจ้าหน้าที่เค้าน่ารักมาก ใจเย็น และ ให้คำแนะนำ แถมออกตั๋วให้เรา ตามแผนการเดินทางล่วงหน้าให้ด้วย น่ารักอร้า ^^

(ขออนุญาติเอารูป คุณแอมเบอร์ มาประกอบนะคะ )
เมื่อได้บัตร JR PASS เรียบร้อยแล้ว เมื่อเดินออกจาก Office JR เราจะเจอ สถานีJR เลยค่ะ เดินเข้าไป พร้อมกับ โชว์บัตรแบบเท่ห์ ให้ดูเลยค่ะ เจ้าหน้าที่ำ รีบให้เราผ่านไปอย่างง่ายดาย 555 เท่ห์อย่างนี้นี่เอง แต่อย่าให้หายเด็ดขาดนะคะ...มิงั้น หงอยแน่ๆ
จุดมุ่งหมายแรกของเราคือ JR Osaka Station ค่ะ เพื่อจะเอากระเป๋าอันหนักหน่วง ไปฝากตู้ Locker ไว้ก่อน และตอนเย็นเราค่อยนัดเจอ เพื่อนของเพื่อน เราได้รับความอุปการะคุณจากพี่เค้า พักบ้านพี่เค้า 2คืนที่โอซาก้า (สาเหตุหนึ่งที่ Save ค่าใช้จ่ายมากค่ะ )
เจอร้านขายของเล็กๆ ด้านล่างสถานี เรามุ่งตรงไปเพื่อซื้อน้ำกันคนละ 1 ขวด เพื่อเก็บขวด ไว้เติมน้ำดื่มกันตลอดทริป เพราะญี่ปุ่น ขึ้นชื่อว่าของแพงอยู่แล้ว แม้กระทั้งน้ำดื่ม ขวดนึงไม่ต่ำกว่า 40 บาท (น้ำเปล่านะคะ )
แต่เราอยากลอง ชาเขียวญี่ปุ่น เลยซื้อกันคนละ 1 ขวด 555 + ชาญี่ปุ่นแท้ๆ ขมบาดใจจริงๆค่ะ
กินไปได้ 1คำ ที่เหลือ ทิ้งค่ะ ไม่ไหวแล้ว ขมเกิ๊น >__<
ได้ขึ้นรถไฟแว้วว
เท่ห์คนเดียวเลย ^^ ผู้ผลิตภาพสวยๆสำหรับทริปนี้ ค่ะ
ต้นส้มหรือพลับไม่แน่ใจ มองไม่ทันค่ะ แต่รู้ว่าลูกเต็มต้นเลย ถ้าเป็นบ้านเรา คงหมดต้นไปแล๊ะ
เมื่อถึง Osaka Station สิ่งแรก คือ หาตู้ล็อกเกอร์ เราใช้ตู้ขนาดยาว สูง 1 ตู้เท่านั้นค่ะ ราคา 600 เยน พยายามอัดกระเป๋าเข้าไป 4 ใบ นี่คือ ข้อดีของการแบกเป้ เพราะถ้าเป็นกระเป๋าลาก เราคงต้องใช้หลายตู้ค่ะ
ครั้งแรกของการหยดเหรียญ ตู้ล็อกเกอร์ เราจ่ายค่าเรียนรู้การใช้ล็อกเกอร์ไป 600 เยน ฟรีๆ!! ค่ะ เพราะอยากรู้ว่าตู้จะล็อกได้ั้มั้ย เลยหยอดเหรียญและปิดตู้ เสร็จแล้ว หมุนเปิดอีกครั้ง 555+ คราวนี้ตู้ไม่ล็อกค่ะ เิปิดแล้วเปิดเลยฮะ เลยต้องหยอดใหม่ อีก 600 เยน -_-!
วิชานี้สอนไว้ว่า
หยอดเหรียญ --> เปิดตู้ --> เอาของใส่ --> ตรวจอีกทีว่าจะเอาอะไรใส่ หรือ จะเอาอะไรออกจากกระเป๋าอีกมั้ย ---> ปิดตู้ --->บิดล็อกเอากุญแจออก --->เก็บไว้ที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกค่ะ ^^
*** กุญแจล็อกเกอร์จะมีสีบอก ด้วยว่า สีนี้ ตู้ล็อกเกอร์อยู่ตรงไหน เผื่อในกรณีที่เรากลับมาเอากระเป๋า แล้วลืมทิศว่างั้น ก็สามารถถามเจ้าหน้าที่ได้และอาจจะให้เค้าพามาก็ได้ค่ะ เพราะมีประสบการณ์มาแ้ว้วว อิอิ
สถานที่แรกที่เราจะไป อาจไม่ตามโปรแกรมสักเท่าไหร่ เพราะดูเวลาแล้ว เราขอไปใกล้ๆก่อน
ปราสาทโอซากา้
Osaka Stn. -- Osaka Loop Line -- OSAKAJOKOEN Stn.
เมื่อถึง สถานี Osaka joken ขึ้นบันไดมาบนสถานี ผ่านช่องพิเศษสำหรับ JR pass เลยค่ะ เมื่อเดินออกมา ก็จะเป็น ทางเดินไป ปราสาทโอซาก้าเลยค่ะ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด..ซากุระต้นแรก ในชีวิต ที่พวกเราได้เห็นและสัมผัส อาจจะดูเวอร์เกิ๊น แต่ดีมากๆจริงๆนะ
เธอสวยมากค่ะ ^________^
มุมไหนๆก็สวยไปหมดค่ะ
แบกเป้ครั้งแรก ณ Japan กับเพื่อนสาวและภาพความประทับใจ # 11-17 ApriL 2013 ตอนที่ 2 โอซาก้า-นารา-เกียวโต
http://pantip.com/topic/31006493
แบกเป้ครั้งแรก ณ Japan กับเพื่อนสาวและภาพความประทับใจ # 11-17 ApriL 2013
เมื่อเราเดินทางถึง สนามบินคันไซ
ถึงแล้ว สนามบินคันไซ โอซาก้า เมื่อลงจากเครื่อง เราก็เดินออกตามๆเค้ามา เพื่อผ่านเจ้าหน้าที่ ต.ม น่าคมเข้มกันน่าดู อยากบอกว่า ตอนนั้น ขนาดมีวีซ่าไปด้วยนะ ยังตื่นเต้นมาก แล้วไม่มีวีซ่า จะตื่นเต้นขนาดไหนน้าาา ^^
ค่อยๆผ่านต.ม มาทีละคน เป็นห่วงคนหลังสุดจริงๆ ถ้าไม่มีใครได้ผ่านสักคน สัญญากันแล้วว่า เราจะกลับเมืองไทยด้วยกัน ซึ่งง่ะ TT
หลังจากผ่านต.ม เราแอบยิ้มให้กันอย่างรู้สึก ดีใจฝุดๆอ่ะ (กลัว เจ้าหน้าที่เห็น) แล้วเราก็ออกมา เพื่อมารอรับกระเป๋าที่สายพาน เสร็จแล้ว ก็ล้างหน้า แปรงฟัน เปลี่ยนชุดเพื่อพร้อมการผจญภัย ค่ะ วันนั้น อากาศข้างนอกอยู่ที่ประมาณ 10 องศาได้ สำหรับเรา คงไม่กลัวสักเท่าไหร่ เพราะเคยไปเกาหลีหิมะ มาแล้ว แต่จะห่วงเพื่อน อีก 2 คน ที่ยังไม่เคยเจออากาศเย็นขนาด เลขตัวเดียวมาก่อน แต่ทุกคนก็พร้อมค่ะ ^^Y
เมื่อเดินออกมาข้างนอก เราก็รีบมองหา Office JR ( เราสอย JR Pass มาจากงาน เที่ยวไทยไปทั่วโลก ก่อนเดินทาง ประมาณ 2 อาทิตย์ได้ ในราคา 8700 บาท ) เพื่อนำ Voucher มาแลกเป็นบัตร JR Pass ได้ที่ศูนย์ข้อมูล JR ในห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศ ชั้น 1 ซึ่งเปิดทำการทุกวัน เวลา 09.30-19.00 น. หรือแลกเป็นบัตรและจองที่นั่ง
คนค่อนข้างเยอะ ต่อแถวยาวอยู่ แต่เจ้าหน้าที่เค้าน่ารักมาก ใจเย็น และ ให้คำแนะนำ แถมออกตั๋วให้เรา ตามแผนการเดินทางล่วงหน้าให้ด้วย น่ารักอร้า ^^
(ขออนุญาติเอารูป คุณแอมเบอร์ มาประกอบนะคะ )
เมื่อได้บัตร JR PASS เรียบร้อยแล้ว เมื่อเดินออกจาก Office JR เราจะเจอ สถานีJR เลยค่ะ เดินเข้าไป พร้อมกับ โชว์บัตรแบบเท่ห์ ให้ดูเลยค่ะ เจ้าหน้าที่ำ รีบให้เราผ่านไปอย่างง่ายดาย 555 เท่ห์อย่างนี้นี่เอง แต่อย่าให้หายเด็ดขาดนะคะ...มิงั้น หงอยแน่ๆ
จุดมุ่งหมายแรกของเราคือ JR Osaka Station ค่ะ เพื่อจะเอากระเป๋าอันหนักหน่วง ไปฝากตู้ Locker ไว้ก่อน และตอนเย็นเราค่อยนัดเจอ เพื่อนของเพื่อน เราได้รับความอุปการะคุณจากพี่เค้า พักบ้านพี่เค้า 2คืนที่โอซาก้า (สาเหตุหนึ่งที่ Save ค่าใช้จ่ายมากค่ะ )
เจอร้านขายของเล็กๆ ด้านล่างสถานี เรามุ่งตรงไปเพื่อซื้อน้ำกันคนละ 1 ขวด เพื่อเก็บขวด ไว้เติมน้ำดื่มกันตลอดทริป เพราะญี่ปุ่น ขึ้นชื่อว่าของแพงอยู่แล้ว แม้กระทั้งน้ำดื่ม ขวดนึงไม่ต่ำกว่า 40 บาท (น้ำเปล่านะคะ )
แต่เราอยากลอง ชาเขียวญี่ปุ่น เลยซื้อกันคนละ 1 ขวด 555 + ชาญี่ปุ่นแท้ๆ ขมบาดใจจริงๆค่ะ
กินไปได้ 1คำ ที่เหลือ ทิ้งค่ะ ไม่ไหวแล้ว ขมเกิ๊น >__<
ได้ขึ้นรถไฟแว้วว
เท่ห์คนเดียวเลย ^^ ผู้ผลิตภาพสวยๆสำหรับทริปนี้ ค่ะ
ต้นส้มหรือพลับไม่แน่ใจ มองไม่ทันค่ะ แต่รู้ว่าลูกเต็มต้นเลย ถ้าเป็นบ้านเรา คงหมดต้นไปแล๊ะ
เมื่อถึง Osaka Station สิ่งแรก คือ หาตู้ล็อกเกอร์ เราใช้ตู้ขนาดยาว สูง 1 ตู้เท่านั้นค่ะ ราคา 600 เยน พยายามอัดกระเป๋าเข้าไป 4 ใบ นี่คือ ข้อดีของการแบกเป้ เพราะถ้าเป็นกระเป๋าลาก เราคงต้องใช้หลายตู้ค่ะ
ครั้งแรกของการหยดเหรียญ ตู้ล็อกเกอร์ เราจ่ายค่าเรียนรู้การใช้ล็อกเกอร์ไป 600 เยน ฟรีๆ!! ค่ะ เพราะอยากรู้ว่าตู้จะล็อกได้ั้มั้ย เลยหยอดเหรียญและปิดตู้ เสร็จแล้ว หมุนเปิดอีกครั้ง 555+ คราวนี้ตู้ไม่ล็อกค่ะ เิปิดแล้วเปิดเลยฮะ เลยต้องหยอดใหม่ อีก 600 เยน -_-!
วิชานี้สอนไว้ว่า
หยอดเหรียญ --> เปิดตู้ --> เอาของใส่ --> ตรวจอีกทีว่าจะเอาอะไรใส่ หรือ จะเอาอะไรออกจากกระเป๋าอีกมั้ย ---> ปิดตู้ --->บิดล็อกเอากุญแจออก --->เก็บไว้ที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกค่ะ ^^
*** กุญแจล็อกเกอร์จะมีสีบอก ด้วยว่า สีนี้ ตู้ล็อกเกอร์อยู่ตรงไหน เผื่อในกรณีที่เรากลับมาเอากระเป๋า แล้วลืมทิศว่างั้น ก็สามารถถามเจ้าหน้าที่ได้และอาจจะให้เค้าพามาก็ได้ค่ะ เพราะมีประสบการณ์มาแ้ว้วว อิอิ
สถานที่แรกที่เราจะไป อาจไม่ตามโปรแกรมสักเท่าไหร่ เพราะดูเวลาแล้ว เราขอไปใกล้ๆก่อน
ปราสาทโอซากา้
Osaka Stn. -- Osaka Loop Line -- OSAKAJOKOEN Stn.
เมื่อถึง สถานี Osaka joken ขึ้นบันไดมาบนสถานี ผ่านช่องพิเศษสำหรับ JR pass เลยค่ะ เมื่อเดินออกมา ก็จะเป็น ทางเดินไป ปราสาทโอซาก้าเลยค่ะ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด..ซากุระต้นแรก ในชีวิต ที่พวกเราได้เห็นและสัมผัส อาจจะดูเวอร์เกิ๊น แต่ดีมากๆจริงๆนะ
เธอสวยมากค่ะ ^________^
มุมไหนๆก็สวยไปหมดค่ะ