สิ่งที่ชาวพุทธทุกคนควรจะรู้

สิ่งที่ชาวพุทธทุกคนควรที่จะรู้และเข้าใจอย่างถูกต้องตามคําสอนของพระพุทธเจ้า   ด้วยการอ่านพระสูตรข้างล่างนี้

จงอ่านชัาๆให้เข้าใจให้ลึกซึ้ง    เพื่อที่จะไม่หลงทาง     และไม่หลงไปตามคําสอนของพระเลวๆสมัยนี้ที่เอาศาสนามาหากิน   

เอาศาสนามาทําเป็นธุรกิจหลอกลวงประชาชนที่ไม่ค่อยได้ศึกษาพระศาสนาอย่างลึกซึ้ง


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต

สังขิตตสูตร

[๑๔๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่า
มหาวัน ใกล้พระนครเวสาลี ครั้งนั้นแล พระนางมหาปชาบดีโคตมีเสด็จเข้าไป
เฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วประทับยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส
ขอพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมโดยย่อแก่หม่อมฉัน ซึ่งหม่อมฉันได้ฟัง
แล้ว จะพึงเป็นผู้หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ด
เดี่ยวอยู่เถิด ฯ

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรโคตมี ท่านพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า ธรรมเหล่านี้
เป็นไปเพื่อความกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด เป็นไปเพื่อประกอบ
สัตว์ไว้ ไม่เป็นไปเพื่อพรากสัตว์ออก เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส ไม่เป็นไปเพื่อไม่สั่ง
สมกิเลส เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักมาก ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย เป็น
ไปเพื่อความไม่สันโดษ ไม่เป็นไปเพื่อความสันโดษ เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วย
หมู่คณะ ไม่เป็นไปเพื่อความสงัด เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน ไม่เป็นไปเพื่อ
ปรารภความเพียร เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงยาก ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นคน
เลี้ยงง่าย ดูกรโคตมี ท่านพึงทรงจำไว้โดยส่วนหนึ่งว่า นี้ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย
ไม่ใช่คำสั่งสอนของพระศาสดา ฯ

ดูกรโคตมี ท่านพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลาย
กำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความกำหนัด เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้ ไม่เป็นไป
เพื่อประกอบสัตว์ไว้ เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส ไม่เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส เป็น
ไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักมาก เป็นไปเพื่อสันโดษ
ไม่เป็นไปเพื่อไม่สันโดษ เป็นไปเพื่อความสงัด ไม่เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วย
หมู่คณะ เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร ไม่เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน เป็นไปเพื่อ
ความเป็นคนเลี้ยงง่าย ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงยาก ดูกรโคตมี ท่านพึง
ทรงจำไว้โดยส่วนหนึ่งว่า นี้เป็นธรรมเป็นวินัย เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา ฯ


อธิบายธรรมทั้งหมดเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นคือ

ลักษณะตัดสินธรรมวินัย ๘ ประการ    ว่าพระพุทธเจ้าท่านหมายถึงให้รู้ว่าอะไรเป็นคําสอน   อะไรไม่ใช่คําสอน

       ๑.  ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความกำหนัดย้อมใจ

       ๒.  ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความประกอบทุกข์

       ๓.  ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความสะสมกองกิเลส

       ๔.  ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความอยากใหญ่.

       ๕.  ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความไม่สันโดษยินดีด้วยของมีอยู่ คือ มีนี่แล้วอยากได้นั่น.

       ๖.  ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ .

       ๗.  ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน .

       ๘.  ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความเลี้ยงยาก .

อันธรรมทั้งหลายเหล่านี้    ท่านทั้งหลายพึงรู้ว่า ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่คำสั่งสอนของพระศาสดา.





       ส่วนข้อธรรมเหล่านี้
      
        ๑. ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด

        ๒. ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความปราศจากทุกข์.

        ๓. ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความไม่สะสมกองกิเลส.

        ๔. ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความอยากอันน้อย.

        ๕. ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความสันโดษยินดีด้วยของที่มีอยู่ .

        ๖. ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ หรือ ไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ.

        ๗. ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความเพียร.

        ๘. ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความเลี้ยงง่าย.

อันธรรมทั้งหลายเหล่านี้   ท่านทั้งหลายพึงได้รู้ว่าเป็นธรรมเป็นวินัย เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา.


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่